บทที่ 2 (3/3) : เคยตัว (3)

1213 Words
แค่ก แค่ก ๆ “เฮ้ย! เฟยหลง” จิงเสี่ยวเจี้ยนตกใจที่อยู่ ๆ สหายที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาก็เกิดสำลักอาหารขึ้นมา “ข้าขอโทษ” จินเฟยหลงที่กำลังนั่งกินข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ แต่ในระหว่างนั่นเขาก็คอยฟังเรื่องราวที่สหายพูดคุยกันมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยปากโต้ตอบกับพวกสหาย แต่เขาก็คอยคิดตามสิ่งที่ทุกคนพูด จนมาถึงเรื่องที่จิงเสี่ยวจางบรรยายลักษณะของเหรินเหยียนชิง มันทำให้เขาคิดไปถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมา... “เหยียนชิง หากมีคนมองว่าเจ้าเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” จิงเสี่ยวจางยังคงกลับมาพูดเรื่องเดิม หลังจากที่เขาหันไปมองจินเฟยหลงกับแฝดผู้พี่ของเขามาครู่หนึ่ง “เหตุใดเจ้าถึงมาว่าข้าแบบนี้เล่า ข้าก็แค่เลือกเรียนศาสตร์การคำนวณกับบทกวีมากกว่าที่จะไปเรียนขี้ม้าหรือไปฝึกวรยุทธกับพวกเจ้า ร่างกายของข้าก็เลยไม่กำยำเหมือนกับพวกเจ้าก็เท่านั้นเอง” เหรินเหยียนชิงตอบกลับจิงเสี่ยวจาง เพราะเขาไม่ชอบเรียนศาสตร์ที่ต้องใช้กำลัง เขาจึงเรียนแค่พอรู้และเรียนแค่พอที่จะนำไปใช้ได้เท่านั้น ส่วนเวลาเรียนที่เหลือเขาก็จะเอาไปเรียนศาสตร์ที่ตนเองชอบ จึงทำให้ร่างกายของเขาไม่กำยำเท่ากับสหายทั้งสาม “แต่ว่า...มีคนมองเจ้าแบบนั้นจริง ๆ นะ หากยามนี้เจ้าไม่ได้พักอยู่กับเฟยหลง ก็คงมีบุรุษตามไปเกี้ยวเจ้าถึงเรือนแล้วเป็นแน่” “อาจางเจ้าก็ช่างพูดไป” “ข้าพูดเรื่องจริง” จิงเสี่ยวจางยืนยันสิ่งที่ตัวเองพูด พร้อมกับเล่าข่าวลือในสำนักศึกษาช่วงก่อนให้อีกฝ่ายฟังต่อ... “และก็ยังเคยมีคนปล่อยข่าวลือว่า เจ้ากับเฟยหลงเป็น...” “ข้าจะกลับละ! อาเจี้ยนข้าฝากจ่ายค่าสำรับก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะไปจ่ายคืนให้” เหรินเหยียนชิงลุกออกจากโต๊ะทันที เพราะเขาไม่อยากจะอยู่ฟังเรื่องที่จิงเสี่ยวจางพูดต่ออีกแล้ว “เฮ้ย...เหยียนชิง! ข้าขอโทษข้าก็แค่สนุกปากมากเกินไป ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น อย่าโกรธข้าเลยนะ เหยียนชิงฟังข้าก่อน...” จิงเสี่ยวจางรีบลุกตามเหรินเหยียนชิงไปทันที “จะว่าไปเหยียนชิง ก็น่าเอ็นดูอย่างที่อาจางพูดจริง ๆ นั่นแหละ” จิงเสี่ยวเจี้ยนพูดขึ้นระหว่างที่รอคนมาเก็บเงินค่าสำรับ “เรื่องที่อาจางพูดเมื่อครู่ จริงหรือ?” จินเฟยหลงเอ่ยถามสหายตรงหน้า “จริงทั้งสองเรื่อง อย่างเรื่องที่มีบุรุษอยากจะตามเกี้ยวเหยียนชิงนั้นก็จริง แต่เพราะยามที่อยู่ในสำนักศึกษาเหยียนชิงไม่อยู่กับเจ้าก็จะอยู่กับพวกข้าตลอด แล้วไหนจะเรือนพัก...เหยียนชิงก็ยังพักอยู่เรือนเดียวกับเจ้าอีก จึงทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเหยียนชิงมากนัก ส่วนเรื่องข่าวลือในสำนักศึกษาก็มีลือกันอยู่พักหนึ่งว่า...เจ้ากับเหยียนชิงเป็นคู่รักกัน” จิงเสี่ยวเจี้ยนพูดจบก็มองไปที่อีกฝ่ายก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ... “ก็เป็นเพราะตัวเจ้าด้วยเฟยหลง จึงทำให้เกิดข่าวลือแบบนี้ขึ้น เพราะเจ้าแทบจะไม่ยอมพูดคุยกับผู้ใดเลยนอกจากเหยียนชิง ขนาดพวกข้าที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับเจ้า ก็ยังแทบจะนับคำพูดของเจ้าที่พูดกับพวกข้าได้เลย แล้วยิ่งเจ้ากับเหยียนชิงไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ก็ยังดีที่พอเจ้าออกไปทำศึก ข่าวลือเรื่องนี้มันจึงเริ่มซาลงแล้วหายไป” “ถึงพวกข้าจะรู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่จะให้พวกข้าไปไล่ตามแก้ข่าวให้...มันก็ไม่ใช่เรื่อง และในตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดพูดถึงข่าวลือนี้กันอีกแล้ว แต่พอ...” จิงเสี่ยวเจี้ยนเผลอพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา แล้วพอได้เห็นสายตาของสหายเขาก็เลยตัดสินใจพูดสิ่งที่เขาคิดต่อจนจบ “แต่พอเจ้ากลับมา... แล้วก็ยังมีข่าวเรื่องงานมงคลสมรสระหว่างคุณชายตระกูลมู่กับคุณชายตระกูลหลี่แบบในยามนี้ด้วยอีก ก็ไม่แน่ว่า...อาจจะมีคนขุดข่าวลือที่ไม่จริงของพวกเจ้า กลับขึ้นมาพูดกันอีกก็ได้” “ไม่!” จินเฟยหลงตอบกลับจิงเสี่ยวเจี้ยน จากนั้นเขาก็ลุกออกจากโต๊ะไปทันที หลังจากวันนั้นจินเฟยหลงก็พยายามเอาตัวเองออกมาให้ห่างจากเหรินเหยียนชิงอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ยามที่เขาต้องอยู่ในสำนักศึกษา เขาก็พยายามให้สหายของเขาอยู่ด้วยกันให้ครบทั้งสี่คน และตัวเขาเองก็พยายามที่จะไม่อยู่หรือไม่เดินเพียงลำพังกับเหรินเหยียนชิงอีก แต่ก็ยังดีที่ในช่วงนี้จินเฟยหลงเองก็แทบจะไม่มีเวลาว่าง เพราะในช่วงเย็นของทุกวันเขาจะต้องกลับไปที่จวนแม่ทัพเพื่อไปฝึกเพิ่มเติมกับผู้เป็นบิดาและท่านกุนซือพร้อมกับชิงหลวนคุน และหากวันใดว่างเขาก็ต้องออกไปทำงานที่ค่ายทหาร ตามตำแหน่งและหน้าที่ที่เขาเพิ่งจะได้รับมา และการมาทำงานที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง เขาก็จะได้เจอกับสตรีสองนาง ที่มักจะเข้ามาวนเวียนอยู่รอบกายเขา จินเฟยหลงจึงเลือกเปิดโอกาสให้กับหนิงฮุ่ยหลิง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้กันเยว่ซือซือให้ถอยห่างออกจากตัวเขา จนเมื่อมีข่าวดีที่จวนราชครูเรื่องหลงฮูหยินได้ให้กำเนิดบุตรชาย จินเฟยหลงกับหนิงฮุ่ยหลิงจึงได้เป็นตัวแทนของจวนแม่ทัพกับจวนรองแม่ทัพไปแสดงความยินดี แล้วหลังจากวันนั้นก็เกิดเป็นข่าวใหญ่ในเมืองหลวงว่าเขากำลังคบหาอยู่กับหนิงฮุ่ยหลิง ซึ่งจินเฟยหลงเองก็ไม่คิดที่จะแก้ข่าว เพราะเขาคิดว่าการมีข่าวแบบนี้ก็คงจะดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเขา และก็คงเพราะหนิงฮุ่ยหลิงเป็นสตรีที่ไม่วุ่นวายดังเช่นสตรีนางอื่น และที่สำคัญเครื่องหอมที่นางใช้ก็ไม่มีกลิ่นหอมชวนให้เวียนหัว จินเฟยหลงจึงคิดเอาไว้ว่า...หากสุดท้ายแล้วชีวิตของเขาจะต้องลงเอ่ยกับสตรีสักนาง แล้วสตรีนางนั้นคือหนิงฮุ่ยหลิง ยามนั้นชีวิตของเขาก็คงจะดู...ไม่แย่นัก! ....................................................................... ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD