บทที่ 1 (3/3) : เกือบไปแล้ว (3)

1188 Words
“คุณชายรองจิน เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่เจ้าคะ ข้าคิดว่าคุณชายจะอยู่ชมการแสดงด้านในเสียอีก” หนิงฮุ่ยหลิงเดินเข้าไปทักจินเฟยหลงในศาลา เพราะนางกำลังเบื่อการแสดงและความวุ่นวายของสตรีที่เสนากลาโหมจัดมาให้กับบุรุษภายในงานเลี้ยง นางจึงออกมาเดินดูสวนด้านนอกกับบ่าวคนสนิทของนาง หนิงฮุ่ยหลิงที่เห็นอีกฝ่ายทำเพียงหันมามองนางแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา ดูท่าอีกฝ่ายคงจะเป็นคนพูดน้อยเหมือนที่บิดากับพี่ชายของนางเคยเล่าให้นางฟัง “คุณชายรองจินคงไม่ชอบความวุ่นวาย...เหมือนข้าเลยเจ้าค่ะ ยามที่ต้องอยู่ในงานเลี้ยงแบบนี้ข้าจะรู้สึกอึดอัดอย่างไรก็ไม่รู้ เช่นนั้นข้าขอนั่งที่นี่ด้วยนะเจ้าคะ...ขอบคุณเจ้าค่ะ” พูดจบ หนิงฮุ่ยหลิงก็เดินเข้าไปนั่งในศาลาโดยนางได้นั่งเว้นระยะห่างจากอีกฝ่าย หลังจากที่นางเห็นว่าบุรุษตรงหน้าไม่ได้เอ่ยปฏิเสธหรือพูดอะไรตอบนางกลับมา “เห็นพี่ใหญ่บอกว่าการศึกครั้งที่ผ่านมา หนักหนาเอาการเลยใช่ไหมเจ้าคะ?” “ใช่” “พี่ใหญ่แอบชมคุณชายรองจินให้ข้าฟังตลอดเลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่บอกว่าเพราะได้การวางแผนล่อข้าศึกให้จนมุมของคุณชายจึงทำให้การศึกครั้งนี้จบได้เร็วขึ้นเจ้าค่ะ” จินเฟยหลงหันไปมองสตรีที่เริ่มเอ่ยปากชวนเขาคุย แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พูดคุยอะไรกันต่อ ก็มีสตรีอีกนางหนึ่งเดินเข้ามาในศาลาพร้อมกับบ่าวสาวของนาง โดยสตรีนางนี้เลือกที่จะเดินเข้ามายืนด้านข้างเขา จนเขาต้องขยับตัวถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างจากนาง “คุณชายรองจินเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ ข้าเดินตามหาท่านเสียทั่วงาน” เยว่ซือซือเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อนางเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างจินเฟยหลงได้แล้ว พร้อมกับมองไปยังหนิงฮุ่ยหลิงด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เพราะสตรีนางนี้ได้แอบมาพูดคุยกับบุรุษที่นางกำลังหมายปอง “เห็นท่านพ่อบอกว่ากลับมาคราวนี้ฮ่องเต้จะ...” เยว่ซือซือหันกลับไปพูดกับจินเฟยหลงและคิดจะลงไปนั่งข้างอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวจนจบประโยค บุรุษด้านข้างก็เอ่ยขัดคำพูดของนางขึ้นมาเสียก่อน “ข้าขอตัว” จินเฟยหลงหันไปกล่าวกับหนิงฮุ่ยหลิง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเรือนใหญ่โดยมีหยงหมินเดินตามผู้เป็นนายกลับไปด้วย เพราะเขาไม่ชอบเยว่ซือซือพอ ๆ กับที่เขาไม่ชอบบิดาของนาง จินเฟยหลงเมื่อเดินเข้ามาในงานเลี้ยง เขาก็กลับลงนั่งที่เดิมก่อนจะยกจอกสุราที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม แล้วพอผ่านไปได้สักพักร่างกายของเขาก็เกิดความรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาแปลก ๆ และในระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาของเสนากลาโหมที่คอยมองมาทางเขา “ท่านพ่อข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ” จินเฟยหลงหันไปกล่าวลาบิดา โดยไม่คิดจะรอฟังคำตอบ จากนั้นเขาก็รีบออกจากงานเลี้ยงทันที “คุณชายรองขอรับ” หยงหมินเอ่ยเรียกผู้เป็นนายเมื่อพวกเขาเดินออกมาถึงด้านหน้าจวน เพราะยามนี้เขาสังเกตเห็นท่าทางที่เริ่มแปลกไปของอีกฝ่าย “ไม่ต้องตามข้ามา ข้าจะกลับสำนักศึกษา และเจ้าก็คอยกัน...อย่าให้ผู้ใดตามข้ามาได้” จินเฟยหลงหันไปสั่งบ่าวคนสนิท ก่อนจะรีบกระโดดขึ้นควบม้าแล้วพาตัวเองออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ตอนนี้จินเฟยหลงนึกได้แค่สถานที่เดียวเท่านั้น ที่จะทำให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้ และในยามนี้จินเฟยหลงก็นึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน เขาจึงรีบพาตัวเองไปหาคนผู้นั้นทันที “เฟยหลง! เหตุใดเจ้าถึงได้กลับมาเร็วนัก? ไม่ใช่ว่าวันนี้เจ้าต้องไป...เฮ้ย!” เหรินเหยียนชิงที่ตกใจเกือบจะตกเก้าอี้ เพราะอยู่ ๆ จินเฟยหลงก็พุ่งตัวเข้ามาในห้องพักของเขาจากทางหน้าต่าง แล้วพอเขาเอ่ยทัก...เขาก็ถูกอีกฝ่ายพุ่งเข้ามากอด จากนั้นเจ้าตัวก็ลากเขาเดินไปที่เตียงแล้วผลักให้เขาลงไปนอน ก่อนที่อีกฝ่ายจะขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวเขา “ข้า...” จินเฟยหลงตอนนี้คุมสติของตัวเองแทบไม่อยู่แล้ว และเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะร้องขึ้นมา เขาจึงรีบปิดปากของคนตรงหน้าด้วยริมฝีปากของเขาทันที แต่ก็ด้วยเพราะยามนี้เขาไม่รู้ว่า...เขาควรจะต้องทำอย่างไรต่อ เขาจึงทำได้เพียงแนบริมฝีปากของตนเองเข้าไปบดเบียดกับริมฝีปากของคนตรงหน้า และเขาก็พยายามกอดเหรินเหยียนชิงเอาไว้ให้แน่นที่สุด...เท่าที่จะแน่นได้เท่านั้น “อือ...เฟยหลงปล่อยข้า เฟยหลง...” เหรินเหยียนชิงดิ้นจนริมฝีปากของเขาเป็นอิสระจากอีกฝ่ายได้ จากนั้นเขาจึงพยายามผลักและเรียกชื่อคนตรงหน้า เพื่อดึงสติของเจ้าตัว “เหยียนชิง ข้า...” จินเฟยหลงที่พยายามรวบรวมสติของตนเองอยู่ แต่เมื่อเห็นริมฝีปากบางของคนตรงหน้ากำลังขยับและเปล่งเสียงเรียกชื่อเขา...สติที่เขารวบรวมกลับมาได้ก็หลุดลอยหายไปอีกครั้งทันที จากนั้นจินเฟยหลงจึงก้มลงไปกดริมฝีปากของเขาให้แนบชิดกับริมฝีปากของคนตรงหน้าอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาได้ลองขบเม้มริมฝีปากของอีกฝ่าย และมือของเขาก็ได้เริ่มขยับลูบไล้ไปตามร่างกายของเหรินเหยียนชิง เหรินเหยียนชิงรีบรวบรวมสติและรวมรวมกำลังของตนเอง ก่อนจะซัดฝ่ามือเข้าไปที่ท้ายทอยของจินเฟยหลง “อ่ะ!” “เฮ้อ...เกือบไปแล้ว” เหรินเหยียนชิงรีบดันคนที่นอนสลบอยู่บนตัวเขาออก แล้วพาตัวเองลุกออกมาจากเตียง จากนั้นเขาก็ยืนมองจินเฟยหลงต่ออีกสักพัก ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาจับที่ริมฝีปากของตนเอง “เจ้าไปโดนยาอะไรมาเนี้ย เฟยหลง! แล้วเหตุใดเมื่อครู่...” ‘ถ้าหากเมื่อครู่มันเรียกว่าการจุมพิต อย่างนั้น...ข้าก็เสียจุมพิตแรกให้กับสหายหาใช่สตรีในภายภาคหน้าของข้าน่ะสิ!’ เหรินเหยียนชิงรีบสลัดความคิดของตนเองทิ้ง แล้วเอื้อมมือไปจัดท่านอนให้กับคนที่ยังไม่ได้สติ ก่อนที่เขาจะพาตัวเองไปนั่งหลับที่โต๊ะเขียนหนังสือ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD