บทที่ 4.2 ติณณภพ : ย้อนอดีต 2

1602 Words
เมื่อถึงเวลาที่พี่พยาบาลนัดหมาย ผมขึ้นลิฟต์มาที่ห้องของอาจารย์หมอ จึงรู้ว่าอาจารย์หมอที่มาตรวจผมเป็นประจำท่านเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ ก่อนที่ท่านจะเล่า ท่านบอกให้ผมใจเย็นๆ ให้มีสติในการฟัง ด้วยความที่ผมยังเด็กก็ได้แต่พยักหน้ารับคำไป ใจจริงผมก็ทำใจมาบ้างแล้ว อาจารย์หมอเล่าว่าวันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีรถเก๋งคันหรูสีขาวยางแตกพุ่งชนต้นไม้อยู่ริมถนน ในรถพบศพผู้หญิงถูกยิงเสียชีวิตคาที่ แล้วมีเด็กผู้ชายสลบ มีเลือดท่วมตัวนอนอยู่เบาะหลัง ส่วนคนขับรถไม่พบ แต่เห็นร่องรอยการลากเป็นทางยาวไปทางป่าที่อยู่ข้างทางมีเลือดหยดตามทาง เจ้าหน้าที่จึงรีบประสานกำลังเร่งด่วนช่วยกันค้นหา ส่วนเธอถูกส่งตัวมาที่นี่ สลบไป 7 วัน ถึงรู้สึกตัว แต่หลังจากวันเกิดเหตุ ตำรวจสามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นคนยิงแม่ของเธอ และอีกกลุ่มที่เป็นคนจับตัวคนขับรถ ซึ่งก็คือพ่อของเธอ ไปขังไว้ที่บ้านร้างห่างจากที่เกิดเหตุประมาณสี่สิบกว่ากิโล ไม่ถึงสองวันเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือตัวประกันคนนั้นออกมาได้ แต่คนร้ายที่จับพ่อของซันไปจับได้แต่ลูกน้อง ส่วนตัวหัวหน้าหนีรอดไปได้ “จากที่ฟังเจ้าหน้าที่แจ้งมาคือพ่อของเธอร้องหาเธอตลอดเวลา ถามทุกคนที่เจอว่ามีใครเจอลูกชายของเขาบ้างมั้ย” “........................................” เมื่อเล่าถึงตอนนี้อาจารย์หยุดพูด เพื่อสังเกตอาการของผม ว่าผมสามารถที่จะทนฟังเรื่องต่อจากนี้ได้หรือไม่ เมื่อท่านเห็นว่าผมยังคงสงบนิ่งได้ ท่านจึงเล่าต่อ “ในขณะที่พ่อเธอถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาล อาการก็หนักเอาการ ทั้งที่ได้รับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ ถึงแม้จะคาดเข็มขัดนิรภัย แต่จากแรงกระแทกอย่างหนัก ทำให้ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน ศีรษะแตกเพราะกระแทกเข้ากับพวงมาลัย แถมถูกพวกนั้นลากไปซ้อมอีก ทำให้ซี่โครงหักทิ่มปอด ม้ามแตก ที่หน้ามีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นพ่อเธอก็ยังถามหาเธอไม่หยุด” อาจารย์หมอเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ผมฟังอย่างละเอียด เล่ามาถึงตอนนี้ผมเริ่มน้ำตาคลอ ใกล้ที่จะทนฟังต่อไม่ไหวแล้ว “ฉันเป็นคนดูแลพ่อเธอจนเข้าวันที่ 4 ตอนเช้าตรู่สัญญาณเตือนการเต้นของหัวใจค่อยๆ แผ่วลง พวกเราช่วยกันปั๊มหัวใจกันนานหลายนาที จนยื้อชีวิตพ่อเธอได้” อาจารย์หมอเล่าถึงตอนนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว ฟังไปร้องไห้ไป ผมทำใจไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยินจากอาจารย์หมอ ว่าพ่อต้องทนทรมานจากการถูกทำร้ายมากขนาดไหน ผมไม่รู้ว่ามีใครที่จ้องจะทำลายครอบครัวของเราขนาดนี้ หลังจากที่อาจารย์หมอได้ช่วยชีวิตพ่อผมได้ พ่อได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อาจารย์หมอฟัง แล้วฝากฝังให้อาจารย์หมอช่วยดูแลผมจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ โดยพ่อได้บอกที่ซ่อนสมบัติให้อาจารย์หมอรู้ แต่คนที่จะเปิดสมบัตินั้นได้มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้น ซึ่งพอผมได้ยินดังนั้นก็งงซิครับ ผมจะเปิดได้ยังไง รหัสอะไรผมก็ไม่มี แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรนะ เงียบๆ ไปก่อน เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะไว้ใจใครได้บ้างและหลังจากที่อาจารย์หมอบอกผมเสร็จ “พ่อผมฟื้นแล้ว ทำไมไม่มาเยี่ยมผมเลยละครับ ทำไมปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวแบบนี้” ผมถามอาจารย์หมอด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น ในใจผมรู้สึกน้อยใจพ่อขึ้นมานิดๆ ในเมื่อหมอบอกว่าช่วยชีวิตพ่อผมให้ฟื้นได้แล้ว ทำไมไม่มาหาผม หรือพาผมไปหาพ่อก็ได้? "หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาได้ไม่กี่ชั่วโมง พ่อเธออยู่ดีๆ ก็ช็อก ความดันขึ้นสูง และหมดสติไป พวกเราช่วยกันปั๊มหัวใจพ่อเธอขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้....เขากลับไม่ตอบสนอง" น้ำเสียงและแววตาอาจารย์หมอเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ผมได้ยินดังนั้นก็สะอื้นร้องไห้ตัวโยก ร้องไห้หาพ่ออย่างไม่อาย “ฮืออออออ พ่อ พ่อครับ ฮืออออ” น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ดีที่ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ ถ้ายืนอยู่ผมคงลงไปกองที่พื้นแล้ว อาจารย์หมอบอกว่าหลังจากที่พ่อผมหมดลมไปไม่ถึง 5 นาที ก็ได้รับแจ้งว่าผมฟื้นแล้ว ถึงรีบออกจากห้องICU พิเศษ ไปหาผมที่ห้องทันที “มิน่าล่ะ? ทำไมหมอเข้ามาถึงห้องผมเร็วจัง ที่แท้พ่อผมก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง ฮือออ” “ฉันก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังหมดแล้ว เธอต้องการให้ฉันเป็นผู้ปกครองของเธอมั้ย" “......................................” “ฉันมีลูกชายอยู่คนหนึ่งตอนนี้เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ อายุมากกว่าเธอหลายปี ถ้าเธอตกลงฉันจะส่งเธอไปอยู่กับลูกชายของฉัน ส่วนภรรยาฉันตายไปนานแล้ว” “.......................................”ซันได้แต่เงียบไม่ตอบคำถามใดๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี อาจารย์หมอแนะนำอย่างใจเย็น ค่อยๆ ให้ผมคิดและตัดสินใจเอง “ผมขอโทรศัพท์พ่อผมได้มั้ยครับ ผมจะติดต่อหาญาติของผมให้มารับ” ยังไงผมก็อยากกลับไปอยู่กับครอบครัวของตัวเองมากกว่า ถึงแม้อาจารย์หมอจะดูใจดีก็เถอะ “โทรศัพท์ของพ่อแม่เธอหายไปจากที่เกิดเหตุ ตอนเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจดูของในรถ ทุกอย่างอยู่ครบ ยกเว้นโทรศัพท์” “...............” ผมมองอาจารย์หมอด้วยความสงสัย ทำไมโทรศัพท์หายไปทั้งสองเครื่อง หรือว่าในโทรศัพท์พ่อกับแม่ต้องมีหลักฐานอะไรซ่อนอยู่ มันอาจจะสาวไปถึงตัวคนบงการได้ ผมอยากจะไปแก้แค้นให้พ่อกับแม่ แต่ตอนนี้ผมอายุ 15 จะทำอะไรได้ ผมคิดในใจ “งั้นผมขอกระเป๋าของพ่อกับแม่ และของที่อยู่บนรถได้มั้ยครับ” ผมเอ่ยปากบอกกับอาจารย์หมอ โดยไม่ตอบคำถามที่อาจารย์หมอถามก่อนหน้านี้ “เธอคงต้องไปขอที่สถานีตำรวจนะ เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่เป็นคนเก็บไว้ เธอก็ไปแสดงตัวว่าเป็นลูกของผู้เสียชีวิต เดี๋ยวฉันจะเป็นคนพาเธอไป ในฐานะผู้ปกครอง” กล่าวจบอาจารย์หมอก็มองมาที่ซัน ด้วยสายตาที่หนักแน่น บอกเป็นนัยๆ ให้เด็กหนุ่มรู้ว่าต่อจากนี้ไป เขาคือผู้ปกครองคนใหม่ หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาล อาจารย์หมอก็พาผมไปจัดการเรื่องเอาข้าวของของพ่อกับแม่มาจากสถานีตำรวจ ของที่พ่อกับแม่ผมขนใส่รถมามีแค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ข้างในมีเสื้อผ้าของของใช้เล็กน้อยของพ่อกับแม่ 1 ใบ ใบกลาง 2 ใบ มีใบหนึ่งใส่เสื้อผ้าของผม อีกใบคือเอกสารพวกโฉนดที่ดิน บัญชีธนาคาร แล้วเครื่องประดับของแม่เล็กน้อยและกระเป๋าถือของแม่ใบเล็กที่ท่านมักถือติดตัวบ่อยๆ และกระเป๋าสตางค์ของพ่อ ส่วนรถคันหรูของพ่อพังจนยับเยินไม่สามารถซ่อมได้ อาจารย์หมอเลยพาไปจัดการขายซากทิ้ง ได้เงินมาอาจารย์หมอท่านก็พาผมไปเปิดบัญชีเพื่อเก็บเงินไว้ส่งเสียให้ผมเรียน บ้านของอาจารย์หมอท่านสร้างไว้ในเขตของโรงพยาบาล เป็นบ้านปูนสองชั้น ที่ดูสวยงามกว่าบ้านหลังอื่นๆ รอบบ้านปลูกต้นไม้เยอะมากมีทั้งผลไม้ และพืชผักสวนครัวที่ท่านปลูกเอง ชั้นล่างจะมีห้องรับแขกอยู่กลางบ้าน ถัดเข้าไปจะเป็นห้องครัวเล็กๆ มีโต๊ะกินข้าวขนาด สำหรับ 2-3 คนนั่ง และมีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง ชั้นบนจะมีสามห้องนอน ห้องแรกเป็นห้องของอาจารย์หมอตกแต่งเรียบง่าย ในห้องมีห้องน้ำในตัว เตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานไม้สัก ส่วนอีกห้องเป็นของลูกชายที่ตอนนี้เรียนอยู่ต่างประเทศ ในห้องตกแต่งไม่ต่างจากห้องของอาจารย์หมอเลย ซึ่งอาจารย์หมอท่านอนุญาตให้ผมนอนห้องนี้ ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องพระ จะมีแค่โต๊ะหมู่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง มีพระพุทธรูปตั้งเป็นองค์ประธานใหญ่วางอยู่ตรงกลางด้านบนสุด และมีพระองค์เล็กถัดลงมาวางขนาบข้างซ้าย ขวา ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่อาจารย์หมอจะใช้วิธีเดินเท้าไป-กลับ บ้านและโรงพยาบาลเป็นปกติ หรือปั่นจักรยานไปทำงานบ้าง จะมีรถเก๋งเก่าๆ หนึ่งคัน ไว้สำหรับเดินทางไปประชุมต่างอำเภอ หรือต่างจังหวัด อาจารย์หมอท่านเมตตาผมมาก พาผมไปเข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัด ซึ่งห่างจากโรงพยาบาลที่อาจารย์หมอประจำอยู่ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง ท่านบอกผมว่าให้เรียกท่านว่าลุง ถ้าใครถามให้บอกไปว่าท่านเป็นลุงแท้ๆ ของผม ผมก็ตอบรับคำที่ท่านสั่งทุกอย่าง ด้วยความที่ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ญาติพี่น้องก็ติดต่อไม่ได้ ทางเลือกเดียวที่ผมจะทำได้คือต้องอยู่กับอาจารย์หมอที่นี่ไปก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD