ผ่านมาสองวัน ไลลานายังคงทำงานอาสากับทางมูลนิธิบ้านสู่รักเหมือนปกติ เธอเข้าใจว่ากำหนดการเริ่มงานกับทางแวนเนอร์กรุ๊ปคงต้องรอทางนั้นโทรบอกเอง จึงไม่ได้ใส่ใจและเกือบจะลืมไปเสียสนิท
กระทั่ง…
“ทำไมกะทันหันแบบนี้นะ เฮ้อ…” เสียงรำพึงเบา ๆ จากซิสเตอร์อรุณีที่เดินเข้ามาในห้องอาหารของมูลนิธิดังขึ้น ไลลานาซึ่งกำลังแจกอาหารกลางวันให้เด็ก ๆ หันมองเธอด้วยความสนใจ
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะซิสเตอร์”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ อ้อจริงสิ วันนี้เธอรีบกลับหรือเปล่า”
“วันนี้ไม่มีธุระอื่นแล้วค่ะ หนูอยู่กับเด็ก ๆ ได้ค่ะ” ปกติไลลานาจะแวะเข้ามาช่วยดูแลเด็ก ๆ เฉพาะเวลาที่เธอว่างจากงานอาสาสมัคร วันนี้ก็เช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นซิสเตอร์ฝากเด็ก ๆ สักครู่ได้ไหม พอดีทางมูลนิธิจะมีประชุมกะทันหันน่ะจ้ะ”
“ได้ค่ะซิสเตอร์ เดี๋ยวอีกสักครู่พวกริตาก็มาแล้วค่ะ ซิสเตอร์ไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ” ไลลานายิ้มรับ ซิสเตอร์อรุณีพยักหน้าวางใจก่อนเดินออกจากห้องอาหารไป หญิงสาวร่างเล็กจึงหันกลับมาแจกถาดอาหารให้กับเด็ก ๆ ต่อ ท่ามกลางความวุ่นวายเล็ก ๆ ของเด็กน้อยจอมซน
เวลาล่วงเลยมาช่วงเย็น ริตากับอาสาสมัครคนอื่น ๆ ทยอยมาช่วยกันดูแลเด็ก ๆ ร่วมกับไลลานา บ้างก็ช่วยสอนหนังสือ บ้างอ่านนิทานให้ฟัง บ้างนั่งเล่นเป็นเพื่อนเด็ก ๆ บรรยากาศภายในห้องโถงของมูลนิธิอบอวลไปด้วยมวลความสุขของทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งภาพเหล่านั้นตกอยู่ภายใต้สายตาของคนร่างสูงสองคนที่กำลังยืนหลบมุมอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น
“ประชุมกับทางมูลนิธิเสร็จแล้ว นายจะกลับเลยหรือเปล่า” เลขาคนสนิทละสายตาจากภาพบรรยากาศอบอุ่นตรงหน้ามาถามผู้เป็นเจ้านาย เขามองใบหน้าหล่อเหลาซึ่งกำลังทอดสายตามองคนเพียงผู้เดียวไม่ยอมละมากว่าสิบนาที “ไฟซัล นายจะมองเธออีกนานไหม?”
“อย่าขัดจังหวะได้ไหมอลัน นายนี่มันจริง ๆ เลย” ดวงตาคมละจากใบหน้าสวยหวานกลับมาทางเลขาคนสนิท เขาจิกตาใส่ไปหนึ่งทีอย่างนึกขัดใจ คนผู้นี้เก่งเรื่องทำลายบรรยากาศเสมอ ไม่รู้ว่าเขาเก็บเอาไว้ข้างกายมานานขนาดนี้ได้ยังไง
“แล้วนั่นนายจะไปไหนอีก อย่าบอกนะว่าจะเข้าไปข้างในน่ะ” อลันขยับเท้าเดินตามเจ้านายอย่างเสียไม่ได้เมื่อเห็นไฟซัลฉีดน้ำหอมพรมทั่วตัวแล้วเดินเข้าไปด้านใน ตอนแรกนึกว่าหลังจากประชุมกับทางมูลนิธิบ้านสู่รักเสร็จแล้วไฟซัลจะตรงกลับคอนโดเลยซะอีก แต่ดูท่าแล้วคงจะติดลมยาวและไม่ได้กลับในเร็ว ๆ นี้แน่
“อุ๊ย นั่นใช่รองประธานแวนเนอร์กรุ๊ปหรือเปล่าอ่ะพี่ไลลา” ริตาสะกิดแขนเรียวซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน ไลลานาหันมองตามรุ่นน้องคนสนิทและประสานสายตาเข้ากับดวงตาคมที่กำลังจ้องมองเธออยู่พอดี ความตื่นตกใจสายหนึ่งแล่นวาบเข้ามาก่อนจะสลายหายไปเมื่อร่างสูงหยุดยืนตรงหน้าคนทั้งสอง พวกเธอรีบลุกขึ้นยืนแล้วพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะท่านผู้อุปถัมภ์”
“สวัสดีครับ” ไฟซัลยกมือรับไหว้ สายตายังคงจดจ้องใบหน้าสวยไม่ยอมละ ขณะที่ไลลานาก้มหน้างุดพยายามหลบสายตาเขา
“เด็ก ๆ คะ สวัสดีท่านผู้อุปถัมภ์กันหน่อยนะคะ” ริตาหันไปบอกเด็ก ๆ ที่ต่างพากันจ้องมองไฟซัลตาแป๋ว ทุกคนพนมมือไหว้อย่างสุภาพและน่ารัก เป็นภาพที่ไฟซัลยังอดละสายตาจากไลลานาไปมองไม่ได้ เขากวาดสายตามองเด็ก ๆ ทีละคน ก่อนจะเผยยิ้มอ่อนโยนออกมา
“สวัสดีครับเด็ก ๆ ทุกคน” ไฟซัลทักทายเด็ก ๆ ที่เขาทุ่มเงินอุปถัมภ์ก้อนโต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับเด็ก ๆ ในมูลนิธิบ้านสู่รัก แต่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกันอย่างสบาย ๆ โดยไม่มีเหล่าซิสเตอร์และบาทหลวงร่วมอยู่ด้วย
“พี่ไลลาคะ พี่ฉุดฉวยเป็งไคเหยอคะ? (พี่สุดสวยเป็นใครเหรอคะ) ” เด็กน้อยวัยสามขวบกระตุกมือไลลานาพลางเอียงคอถาม นิ้วป้อม ๆ ชี้ไปทางไฟซัล ทุกคนตะลึงค้างไปกับคำถามใสซื่อของเธอ และที่ตะลึงยิ่งกว่าก็คือคำว่า ‘พี่สุดสวย’ ของเด็กน้อยที่หมายถึงไฟซัลนี่แหละ
“เอ่อ… ไม่ใช่พี่สุดสวยค่ะ แต่เป็นพี่สุดหล่อนะคะ” ไลลานาย่อตัวนั่งลงในระดับสายตาเท่ากับเด็กหญิงตัวน้อยและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มนางฟ้าในสายตารองประธานหนุ่ม
“ฉุดหย่อเหยอคะ? พี่คือพี่ฉุดหย่อเหยอ (สุดหล่อเหรอคะ พี่คือพี่สุดเหรอ)”
เด็กน้อยเงยหน้ามองไฟซัลด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ตามประสาเด็ก ดวงตากลมโตน่ารักจ้องมองตาไม่กะพริบ ไฟซัลหลังจากหายอึ้งกับคำว่าสุดสวย เขาขยับมาย่อตัวนั่งลงด้านข้างไลลานาบ้าง ส่งผลให้หญิงสาวสะดุ้งหน่อย ๆ แต่ไม่ได้ขยับหนีห่าง ปล่อยให้ไออุ่นจากร่างหนาแผ่ซ่านเข้ามาใกล้
“ใช่ครับ พี่คือพี่สุดหล่อ หรือจะเรียกพี่ว่าพี่ไฟก็ได้นะ” น้ำเสียงที่ไฟซัลใช้พูดกับเด็กหญิงนุ่มละมุนอย่างมาก ทำให้เด็กคนอื่น ๆ เริ่มขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ความเกรงกลัวในคราแรกค่อย ๆ คลายออกทีละนิด
“พี่ไฟ? พี่ไฟฉวยเหมือนพี่ไลลาเยยค่ะ พี่ไลลาฉวย” เด็กน้อยชี้นิ้วไปทางไลลานา ก่อนจะเลื่อนไปทางไฟซัลแล้วยิ้มแฉ่ง “พี่ไฟก็ฉวย ฉวยสองคนเยยค่ะ”
หลังเด็กน้อยพูดจบ เสียงเด็กคนอื่น ๆ พากันพูดคำว่าสวยพร้อมกันอย่างเห็นด้วย นั่นทำให้ไลลานารู้สึกเขินขึ้นมา เธอมองไปทางไฟซัลซึ่งนั่งทำหน้านิ่งไปแล้ว
ตายจริง… เขาโกรธหรือเปล่านะ
คิดได้แบบนั้นเธอก็รีบหันไปหาเขาด้วยความลืมตัวเรื่องระยะห่างระหว่างกัน ทำให้ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันโดยไม่รู้ตัว
“เอ่อ คุณไฟซัลคะ อย่าถือสาเด็ก ๆ เลยนะคะ จริง ๆ แล้วทุกคนจะชมว่าคุณหล่อมากน่ะค่ะ คุณอย่าคิดมากเลยนะคะ”
“งั้นเหรอครับ…” ไฟซัลครางรับเสียงเบา สายตาคมจดจ้องใบหน้าสวยซึ่งอยู่ใกล้ในระยะที่ลมหายใจสัมผัส ริมฝีปากขยับยิ้มมุมปากน้อย ๆ พลางเลิกคิ้วขึ้นสูง “งั้นคุณก็คิดว่าผมหล่อเหมือนกันใช่ไหมครับ?”