“อะแฮ่ม!”
เสียงกระแอมไอจากคนร่างสูงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากไฟซัลเรียกสายตาคนทั้งสองหันมอง อลันยังคงยืนนิ่งไม่ออกไปจากห้อง แม้ว่าไฟซัลจะพยายามไล่เขาทางสายตาเป็นรอบที่สิบแล้วก็ตาม
“เอ่อ… เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าคะ คุณถึงต้องการให้ฉันมาทำงานด้วย” ไลลานาหันกลับมาสบตากับไฟซัล ถามในสิ่งที่เธอสงสัย
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ อย่างที่คุณพอจะทราบว่านอกจากผมเป็นรองประธานบริษัทแล้ว ผมยังเป็นนักวิจัยด้วย” ตอนพูดถึงประโยคนี้ เขาแอบเชิดหน้ายืดตัวตรงเป็นเชิงอวดภูมิต่อหน้าหญิงสาว แต่ไลลานาหาได้สนใจไม่ เธอนั่งก้มหน้าขมวดคิ้วอย่างคิดทบทวนตามคำตอบของเขา
“ถ้าอย่างนั้น… คุณกำลังหาวิธีรักษาตัวเองอยู่เหรอคะ?”
“ครับ?” ไฟซัลชะงักไปกับคำถามของเธอ เขาคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้ สีหน้าและแววตาของไลลานาไม่ได้มีแววระแวดระวังเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าเขารู้สึก… ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่
“คุณคิดว่าถ้าฉันมาทำงานกับคุณ ฉันจะช่วยรักษาคุณได้จริง ๆ ไหมคะ” คำตอบจากคำถามเก่ายังไม่ทันได้รับ เธอก็ยิงคำถามใหม่ใส่เขาอีกรอบ คราวนี้ไฟซัลเปลี่ยนท่าทีเป็นสุขุมและจริงจังมากขึ้น เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยอย่างจริงใจจากหญิงสาวตรงหน้า
“ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่ก็หวังว่ามันอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ถ้าคุณมาอยู่ใกล้ ๆ ผมทุกวัน ผมอาจจะรู้วิธีรักษาโรคประหลาดนี่ก็ได้ ในเมื่อคุณเป็นเหมือนยารักษาของผม ก็ถือว่าผมยังมีทางรักษาหาย จริงไหมครับ” ริมฝีปากหนาขยับยิ้มจาง ๆ เขารับรู้ได้ถึงความห่วงใยและความใจดีของไลลานา เพราะมันฉายชัดออกมาจากแววตาและสีหน้าเธออย่างชัดเจน
จากการสืบประวัติทำให้ไฟซัลรู้จักไลลานาผ่านข้อมูลเพียงแค่ไม่กี่หน้ากระดาษ แต่เหมือนเขารู้จักเธอมานานแสนนาน เขารู้เรื่องที่เธอเป็นคนจิตใจดี มีจิตสาธารณะ และเป็นนักสังคมสงเคราะห์ตัวจริง เธออุทิศตนเพื่อเด็ก ๆ และยังมีปณิธานที่จะเข้าฝึกตนเป็นซิสเตอร์อีกต่างหาก ในเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยตอนรับรู้ ไม่คิดว่าเธอจะถึงขั้นยอมอุทิศตนแด่พระเจ้าขนาดนั้น
คิดจะเป็นแม่ชีเนี่ยนะ… น่าหงุดหงิดจริง ๆ
“ผมขอถามบางอย่างได้ไหมครับ” เมื่อเห็นว่าไลลานานั่งเงียบไม่ตอบคำถาม เขาจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาอีกครั้ง เธอเงยหน้าสบตาเขาชั่วครู่
“ค่ะ ถ้าฉันสามารถตอบได้นะคะ”
“คุณคิดจะอุทิตตนแด่พระเจ้าหรือเปล่าครับ” คำถามตรง ๆ ของไฟซัลทำให้ไลลานามองเขาตาโต แม้แต่อลันยังขมวดคิ้วใส่เจ้านายตัวเอง คาดไม่ถึงว่าไฟซัลจะกล้าถามเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานออกมาแบบนั้น
“คุณ… คุณทราบเรื่องนั้นได้ยังไงคะ?” เธอจ้องเขา ก่อนจะเบิกตากว้าง “นี่คุณสืบประวัติฉันเหรอคะ?”
“ผมต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท แต่การที่ผมจะให้ใครสักคนมาทำงานข้างตัว ผมจำเป็นต้องสืบประวัติคนคนนั้นให้ดีก่อนตัดสินใจ และคุณเองก็เป็นคนสำคัญ… ผมหมายถึงคนสำคัญในการรักษาโรคของผม หากมันทำให้คุณไม่พอใจ ผมต้องขอโทษจากใจจริงครับ”
ไฟซัลก้มหัวขอโทษเธออย่างสุภาพ ทำให้ไลลานาลดความโกรธเคืองลงมาหลายส่วน เธอจ้องเขานิ่งอย่างประเมินความคิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจคุณ คุณไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงรองประธานบริษัทแวนเนอร์กรุ๊ปนี่คะ ถ้าจะต้องระวังตัวขนาดนั้นก็คงไม่แปลก” เธอตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ไฟซัลลอบยิ้มพอใจกับท่าทีไม่ถือสาของเธอ “ส่วนเรื่องคำถามเมื่อครู่… ใช่ค่ะ ฉันมีความคิดว่าจะเข้าฝึกตนในคอนแวนต์ค่ะ แต่มันเป็นเรื่องของอนาคตค่ะ ตอนนี้ฉันคิดแค่อยากจะอุทิตตนช่วยเหลือเด็ก ๆ และมูลนิธิบ้านสู่รักเท่านั้นค่ะ”
รอยยิ้มไฟซัลกว้างขึ้นเมื่อได้ฟังคำตอบของเธอ เพราะนั่นหมายความว่าตอนนี้เธอยังไม่ได้อุทิตตนแก่พระเจ้า งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องแย่งเธอมาจากพระเจ้าแล้วล่ะสิ?
“ถ้าอย่างนั้น… ข้อตกลงของเรา คุณตัดสินใจได้หรือยังครับ” เป็นอีกครั้งที่คำถามตรง ๆ ของไฟซัลทำให้ไลลานานิ่งงัน เธอหยิบเอกสารออกจากซองมาอ่านทวน เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่ข้อตกลง แต่มันคือสัญญาผูกมัดอิสระของเธอด้วย เวลาหนึ่งปีนับจากนี้…
ตลอดชีวิตของไลลานา เธอไม่ขออะไรมาก ขอแค่มีชีวิตสงบสุข เรียบง่าย อยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าเท่านั้นก็พอ ทว่า… ความรู้สึกบางอย่างมันกู่ร้องออกมาว่าถ้าเธอยอมเซนต์สัญญานี่ล่ะก็… ชีวิตของเธอจะต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ไฟซัลไม่ใช่คนธรรมดา เธอมองออกว่าเขาร้ายกาจและไม่ค่อยน่าไว้ใจ แต่อีกมุมของเขาก็ช่างน่าสงสารเช่นกัน ตอนแรกเธอลังเลเพราะไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา แต่หลังจากได้รับรู้เรื่องอาการป่วยแสนประหลาดนั่น ความลังเลของเธอค่อย ๆ จางหายไป ถ้าหากเธอสามารถช่วยรักษาเขาให้หายได้ ถ้าเธอสามารถช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานของโรคประหลาดนั้นได้ เธอก็อยากจะช่วยเหลือเขา…
บรรยากาศภายในห้องทำงานเงียบมาก เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน กระทั่งไลลานาเงยหน้าจากการจ้องมองโต๊ะทำงานขึ้นสบตากับไฟซัล แววตาลังเลของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันตกลงค่ะ ฉันจะทำงานให้คุณ”
ไลลานาจรดปลายปากกาลงบนเอกสารสัญญา ไฟซัลขยับยิ้มพอใจอย่างไม่คิดจะปิดบัง อลันมองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง คล้ายจับผิด คล้ายไม่ไว้วางใจ
“นี่อะไรครับ?”
เอกสารของไลลานาถูกยื่นมาตรงหน้าชายหนุ่ม เขาหลุบตามองรอยปากกาที่เธอขีดทับข้อเสนอบนกระดาษ คิ้วเข้มเลิกสูงด้วยความไม่เข้าใจ