อาทิตย์ก่อน...
ตึกสูงระฟ้าใครต่างรู้ดีถึงมหาอำนาจ หากไม่แน่จริงไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ ผู้ชายคนหนึ่งถูกเรียกเข้าไปข้างในนั้นโดยด่วน ไม่ได้สนถึงความเพียบพร้อม สนแค่เวลาที่ตนกำหนดให้เท่านั้น ด้วยเรื่องคอขาดบาดตายกระมัง
ใบหน้าเรียวได้รูป เจ้าของริมฝีปากบางเฉียบไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหนก็ดูดีไปหมด นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในรถหลังพนักเก้าอี้ที่ข้างหน้าเป็นคนขับ อารมณ์คุกรุ่นห้อมล้อมทุกอณูส่งผลให้บรรยากาศภายในรถร้อนระอุ ไม่ได้เกิดจากการถูกเรียกแบบกะทันหันจนตั้งตัวไม่ทัน ทว่ามันเกิดขึ้นเพราะคนที่เรียกเขาไปต่างหาก
“คราวนี้ผมผิดอะไรอีกล่ะ”
เพราะหากไม่มีอิทธิพลจนน่ายำเกรง ชายหนุ่มอายุย่างยี่สิบหกคงไม่หงุดหงิดมากขนาดนี้
“ผมว่าไม่หรอกครับ”
คนตอบไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือคนขับรถที่พ่วงหน้าที่ดูแล เรียกว่าผู้ติดตามคนหนึ่ง ซึ่งถูกนายไว้ใจให้มาดูแลลูกชายคนเดียวของเขาก็ว่าได้ เบรเดนชำเลืองมองนายผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ ก่อนหลุดยิ้มกว้างก็ตอนเห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเขา
“ไม่อะไร ไม่ถึงตายสินะ”
สูทดำราคาไม่ใช่ถูกๆ ที่กำลังสวมใส่ บอกตามตรงช่างไม่เข้ากันกับเขาเอาเสียเลย อย่างพาสคาลเด็กหนุ่มที่มีนิสัยขี้เล่น ทะเล้นและร่าเริงประหนึ่งดวงตะวันไม่มีวันหลับใหล ชอบฟังเพลงมากกว่าเสียงปืน ชอบเล่นเกมมากกว่าการเข้าประชุมพร้อมกันกับบิดา ควรจะยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ชอบ ไม่ใช่ดงมาเฟียเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเช่นสังคมนี้
ท้ายที่สุดร่างสูงหลังเบาะที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็ทำอย่างที่เคยทำ นั่นคือการดึงหูฟังขึ้นมาครอบหู สิ่งที่ผู้เป็นพ่อเกลียดนักเกลียดหนา ถึงขั้นสั่งห้ามเอาออกมานอกบ้าน สาเหตุไม่อยากให้ลูกชายไร้คนยำเกรง เพียงเพราะเห็นเขาอ่อนปวกเปียกไม่สมกับมีพ่อและแม่เป็นถึงมาเฟีย เปิดเพลงเสียงดังหวังกลบความอึดอัดทั้งหมดที่มีอยู่ แม้เวลาการฟังจะสั้น อีกไม่กี่อึดใจประเดี๋ยวเดียวก็ถึงที่หมาย แต่เพราะความชอบมากยังอุตส่าห์พกพามันมาแอบไว้ในรถ อย่างน้อยก่อนจะเข้าไปพบกับความเครียด ให้ได้ฟังเพลงบ้างก็ยังดี
ในองค์กร ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่จริงจะไม่เจอกับสิ่งนี้ ห้องประชุมที่มีแต่ผู้ใหญ่
ระดับหัวโขนมากกว่าสิบคน ยอมสละเวลามานั่งตรงจุดนี้ พร้อมกันกับแก๊งอัลฟา ซึ่งเขาสมาชิกใหม่เพิ่งจะถูกบรรจุได้ไม่กี่ปีร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ความนิ่งขรึมของคนทั้งหมด ทำให้เขาจำต้องงัดอีกด้านหนึ่งที่ถูกยัดเหยียดโดยพ่อแม่ออกมา ทิ้งความขี้เล่นทะเล้นไปไกลๆชั่วคราว ช่วงเวลานี้ดูก็รู้ หลุดเสียมารยาทไปแม้แต่นิดเดียว รับรองได้ดึงปืนขึ้นมาจ่อหัวกันแน่
“เกิดอะไรขึ้น?”
แมททริกหัวโขนใหญ่ประจำแก๊งเอ่ยขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่ผลักประตูเข้ามาไม่ทันได้เดินมาถึง เรียกทุกคนละสายตาไปมองเป็นตาเดียว ได้ข่าวว่าไปประจำการอยู่ทะเลทรายชั่วคราว ไม่คิดว่าจะมาร่วมประชุมด้วย เขาคงถูกเรียกมากะทันหัน ผ่านจดหมายทางอีเมล เพราะไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่หน้าที่ของสายจะต้องส่งสาสน์ถึงเขาเป็นคนแรกก่อนเสมอ ต่อให้ไม่ทันได้ระบุรายละเอียดทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน รู้เพียงเรื่องใหญ่ในรอบของปี รายนี้คงจะร้อนใจทิ้งงานที่ทำอยู่ปรี่มาถึงที่นี่นั่นแหละ
“ข้อมูลบางส่วนของเราถูกขโมยไป”
ซันดรูซึ่งรู้หน้าที่ รอให้เขานั่งพักหายใจหายคอหลังเดินทางมาเหนื่อยๆเสียก่อน จึงจะเอ่ยขึ้น พร้อมหลักฐานคร่าวๆ จากกล้องวงจรปิดบางมุมที่สายนั้นรายงานมา ส่งโปรเจคเตอร์ไปยังจอใหญ่หวังใช้เป็นภาพประกอบ ก่อนเลเซอร์พอยเตอร์จะตามไปสมทบเผยจุดสำคัญในแต่ละจุดให้ทุกคู่สายตาได้มองเห็นชัด พากันเงียบกริบและหันไปสนใจเขาเป็นตาเดียวกัน นาทีนี้พาสคาลจะต้องเรียนรู้ แม้ใจหนึ่งจะไม่รัก ไม่อยากสืบทอดจากผู้เป็นพ่อประหนึ่งสายเลือดสักเท่าไหร่ กระนั้นก็อดทึ่งและชื่นชมในใจไม่ได้ พ่อของเขานั้นเก่งมีความสามารถมากมายแค่ไหน และเมื่อหันไปทางแม่ ร่างบางที่เอาแต่นั่งทำหน้าขรึมมองจอนั้นราวกับเป็นออกซิเจน หากขาดไปก็จะขาดใจ ถึงกับทิ้งร่างใส่พนักทันที
พวกเขาคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีลูกชายนั่งอยู่ตรงนี้
“ข้อมูลส่วนไหน”
“อาวุธใหม่ที่กำลังจะถูกนำมาทดลองเร็วๆ นี้”
ความเงียบกลับมาเยือนอีกครั้ง ทั้งห้องประชุมถูกครอบงำไปด้วยความเครียด ถึงขนาดร่างสูงที่นั่งอยู่ แทบไม่อยากสนใจในตอนแรก เกี่ยวกับเนื้อหา ถึงกับต้องชะงักงัน ตาลุกวาวขึ้นมาเลย เพียงแค่เห็นภาพอาวุธที่เผยบนหน้าจอ
“บ้าจริง”
สมทบความตื่นเต้นที่มีอยู่น้อยนิดให้ระทึกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยคำสบถของ-
เรกาโดผู้เป็นลุง จากที่มองเรื่องนี้ด้วยความเพิกเฉย ไม่ได้ใคร่รู้เป็นพิเศษ เนื่องจากเขาเป็นเพียงแฮกเกอร์เรียนรู้จากพ่อ ไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญหรือมีประโยชน์มาโดยตลอด วันนี้กลับต้องหูผึ่ง
“มันสำคัญมากขนาดไหนครับ”
เพียงเพราะเห็นเพื่อนรุ่นพี่อย่างบรูโน่และเรอัสซ์สนอกสนใจ แสดงท่าทีกระตือรือร้นอยากจะรู้ขึ้นมาให้ได้ แค่นั้นก็ทำเขาเผลอดึงตัว ดีดขึ้นมาจากพนักโดยปริยาย
“ถ้ามันนำข้อมูลไปแกะ ประกอบออกมาเป็นอาวุธได้ ต่อให้ไม่เหมือนของจริงทั้งหมด แต่แค่ใกล้เคียง นอกจากมูลค่ามหาศาลแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ทำลายล้างได้อีก ไอ้เจ้านี่น่ะ ฆ่าคนตายทั้งโลกก็ยังได้”
ความสงสัยที่มี และอยากจะถามขึ้นมาให้รู้แล้วรู้รอดต่อให้ถูกมองว่าเสียมารยาท ถ้ารู้อาวุธชิ้นนี้มันดุร้ายขนาดนั้น องค์กรจะทุ่มทุนสร้างมันเพื่ออะไร?
“คนที่ทำ อาพอจะรู้ตัวมันไหมครับ”
แฮกเกอร์รุ่นพ่อพยักหน้า สายตายามนี้ที่แข็งกร้าว เต็มไปด้วยความแหลมคมประดุจปลายมีดจับจ้องไปยังข้อมูลบนจอเล็ก ก่อนยิงไปยังจอใหญ่หลังเคาะปุ่มตกลงให้ทุกคนได้ดูอีกภาพหนึ่ง
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้คงทำเป็นกระบวนการ ทำคนเดียวไม่ได้หรอก คนทำคงเป็นคนในที่กลายเป็นหนอนบ่อนไส้อีกตามเคย จะต้องรู้ข้อมูลและที่เก็บของอย่างละเอียด ส่วนคนอยู่เบื้องหลังอาคิดว่าน่าจะเป็นไอ้นี่”
ภาพบนจอโปรเจคเตอร์ถูกเปลี่ยนจากภาพอาวุธเป็นภาพของใครคนหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลแปลกหน้าสำหรับองค์กร แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเบื้องหลังมีความดำมืดไม่ต่างจากพวกเขา
“ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนครับ”
“ตอนนี้เป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าอยู่แถบเอเชีย หมอนี่คือตัวอันตรายอันดับต้นๆ ของที่นั่น”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมห้องประชุมเป็นครั้งที่สาม ทุกคนต่างพากันนิ่งเสมือนกำลังครุ่นคิดอย่างไม่ได้นั้นหมายกับข้อมูลที่ได้รับมา ราวกับรู้ทั่วกันหากเข้าไปเฉยๆ เจรจาดีๆ หวังขอของสิ่งนั้นคืนคงไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่คิดขโมยโดยการวางแผนไว้แบบแยบยลผ่านหนอนบ่อนไส้ที่เห็นเงินเป็นที่สำคัญตั้งแต่แรก คงไม่ต้องการสิ่งนี้สักเท่าไหร่ และเป็นเรื่องปกติสำหรับคนไม่ซื่อสัตย์ การท้าชนจนนองเลือดและตายกันไปข้าง คงจะถูกสรุปให้ก่อนแล้ว
“ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ราชสีห์ต่อให้ใหญ่แค่ไหน ก็กร่างได้แต่ในเขตของตัวเอง”
แมททริกออกความเห็นหลังจากนั่งเงียบมาหลายนาที ดวงตาคมกริบแฝงความโหดเหี้ยมเหลือบมองคนในจอนั้นนิ่ง ไม่มีใครรู้เขาคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งเผยกลอุบายออกมาต่อหน้าหัวโขนองค์กร
“คิดจะเข้าหาจ่าฝูงเราจะต้องเข้าทางนางสิงห์”
เขาคงหมายถึงลูกหรือเมียของคนในภาพ ครูซัสที่นั่งฟังอยู่ถึงกับถอดหายใจพรืด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากมากหากบรรดาเมียๆ จะปล่อยให้สักคนซึ่งเป็นสามีตัวเองไปทำงานนั้น เผลอๆ เป็นหล่อนมากกว่าที่จะอาสาซะเอง โดยเฉพาะเพียรา สมาชิกหญิงคนเดียวในแก๊งที่เลื่องชื่อในเรื่องขี้หึงสามีเป็นที่สุด
“ในประวัติมันมีลูกหรือเปล่า”
“มีลูกสาว แต่ถ้าจะใช้หล่อนเป็นเหยื่อ คาดว่าคงจะยากสักหน่อย”
“หืม?”
“รายนั้นไม่ถูกกับพ่อ แถมยังเนรเทศตัวเองออกมาเผชิญโลกภายนอกอีกต่างหาก”
“พ่อไม่รักเธอหรือ?”
“ไม่เชิง ...”
ซันดรูไม่พูดเปล่า เขาใช้นิ้วมือรัวแป้นพิมพ์อย่างชำนาญการไปด้วย ราวกำลังค้นหาอะไรสักอย่างก่อนจะเคาะปุ่มตกลงเมื่อเจอ เผยภาพใหม่บนจอใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ทั้งห้องที่พากันเงียบเพราะเห็นสิ่งที่น่าสนใจตรงหน้า ทว่าพาสคาลก็ด้วยที่ชะงักค้างไปแล้วตอนนี้
“จากข้อมูลที่ได้มาว่ากันว่าเธอออกมาหาเงินเอง เป็นงานพิเศษกับร้านเกมส์แห่งหนึ่ง น่าแปลกที่ร้านนั้นเจ้าของร้านเป็นคนเดียวกันกับลูกน้องพ่อของเธอ”
“พระเจ้า... เหลือเชื่อเลยว่ะ แล้วไง เธอยอมหรือ?”
“เธอไม่รู้มากกว่า อย่างที่บอกเธอไม่ค่อยจะลงรอยกับพ่อ ไม่น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว อย่างเช่นพ่อทำงานอะไร ลูกน้องพ่อคนไหน หมอนั้นใช้คาสิโนเป็นที่บังตา”
“แสดงว่าในใจของเธอลึกๆ แล้ว ต้องเป็นเด็กขาดความอบอุ่น”
“ก็...น่าจะประมาณนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องส่งความอบอุ่นไปให้เธอ ส่งเทพบุตรไปเลยเป็นไง”
และกว่าจะรู้ตนนั้นกลายเป็นจุดเด่นให้กับคนทั้งห้อง ก็ตอนทุกคู่สายตาหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน พร้อมเสียงที่เงียบกริบ
พาสคาลละสายตาจากจอนั้นอย่างเชื่องช้าหันมาสบตาแล้วเลิกคิ้วสูง
“ครับ?”