สำรวจริมแม่น้ำ

1352 Words
กลิ่นหอมของเนื้อสดที่ต้องความร้อนของแผ่นหินอวลไปจนทั่วบริเวณ ทุกคนต่างรุมล้อมเข้ามาดูสิ่งที่ผมทำและกลืนน้ำลายลงคอด้วยความอยากอาหาร ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มนักล่าที่กำลังกลับมาพร้อมสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกวางป่าขนาดยักษ์ “โอ้โฮ...ดูสิ ลูกชายข้ากำลังทำอะไร แล้วเจ้าลมร้อนเจิดจ้านี้มันคืออะไรกัน แถวนี้มีไฟป่าด้วยรึจาโค เจ้าเคลื่อนย้ายมันมาได้อย่างไรนี่?” จาฟาร์ ผู้เป็นบิดานั่งลงข้างๆ แล้วลูบศรีษะผมด้วยความภาคภูมิใจ ผมจึงยื่นห่อใบไม้ยักษ์ใส่เนื้อที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่ๆ ให้กับกลุ่มนักล่าเพื่อแจกจ่ายกันไปชิม แล้วรีบเทเนื้ออีกชุดที่ล้างสะอาดแล้วลงไปในกระทะหิน ก่อนที่ความร้อนระอุนั้นจะลดอานุภาพลง ระหว่างนั้นก็ตอบคำถามของบิดาไปด้วย ว่าพวกเราจุดกองไฟเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร ผมสอนอิลให้ใช้กิ่งไม้ยาวสองชิ้นกวนเนื้อให้โดนความร้อนทั่วกันแทนตะเกียบ เราปิ้งย่างจนเนื้อเก่าที่ใกล้บูดเสียหมดลงไป ท่ามกลางความอิ่มหนำกันดีทั่วทุกคน ผมจึงแยกตัวออกมานั่งคุยกับพ่อเพียงลำพังเพื่อถ่ายทอดวิธีจุดไฟและการประกอบอาหารแบบปรุงสุก อธิบายให้เขารู้รายละเอียดแบบลงลึกว่าอาหารสุกดีกว่าอาหารดิบอย่างไร ซึ่งเขาและเหล่านักล่าทุกคนที่เป็นชายฉกรรจ์ต่างก็พอใจในสิ่งนี้มาก โดยเฉพาะอาวุธ พวกเขาลูบคลำขวานหินและมีดทำครัวที่ผมกับอิลช่วยกันประดิษฐ์ขึ้นอย่างชื่นชม โชคดีที่เราทำขวานหินเอาไว้มากพอจนเกินจำนวนของนักล่าประจำเผ่า เพราะอย่างน้อยๆ เราก็ควรเก็บสำรองเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินด้วยอีกส่วนหนึ่ง “แล้วพรุ่งนี้เจ้ามีความคิดว่าจะทำอะไรดีๆ ให้กับเผ่าเราได้อีกบ้าง พ่อพร้อมสนับสนุนเจ้าในทุกๆ เรื่อง ถ้าการริเริ่มทำเรื่องต่างๆ ของเจ้าจะช่วยให้เผ่าเราสะดวกสบายขึ้น” พ่อตบบ่าผมเบาๆ และพูดให้กำลังใจกันด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งใจว่าจะออกไปทางแม่น้ำกับอิล เพื่อหาดินเหนียวกลับมาทำเป็นภาชนะดินเผา” ทุกคนต่างขมวดคิ้วทันทีที่ผมพูดจบ แต่ด้วยความคาดหวังว่าอาจจะได้อะไรดีๆ กลับมาเช่นวันนี้อีก เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นจึงได้สงบลง เหลือเพียงเสียงแล่เนื้อด้วยขวานหินและมีด รวมกับเสียงปิ้งย่างและเคี้ยวอาหารกันดังจุบจับ... . วันนี้ผมกับอิลและคณะผู้ติดตามบางส่วนมุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของแม่น้ำ เพื่อค้นหาดินเหนียวที่มีคุณภาพดีพอที่จะใช้ทำเครื่องปั้นดินเผาและภาชนะต่างๆได้ ดินตะกอนละเอียดที่ไม่มีกรวดทรายใดๆปนอยู่ตามที่ผมต้องการ มักจะไหลไปรวมกันอยู่ตรงจุดนั้น ส่วนพ่อก็เป็นธุระช่วยจัดการเรื่องกำลังคนสำหรับขนย้าย โดยสั่งให้เด็กหนุ่มที่มีร่างกายกำยำเดินทางไปกับเราสองคนด้วยในครั้งนี้ อิลและชายร่างใหญ่ที่มีชื่อว่าโจนส์นำทางผมและคณะปีนป่ายลงไปตามไหล่เขา หนทางสำหรับลัดลงไปยังชายแม่น้ำแม้ไม่ราบรื่น แต่ก็ถูกแผ้วถางและอัดไว้ด้วยดินเหนียวเป็นอย่างดี เท้าที่เปล่าเปลือยของพวกเราจะปลอดภัยจากความแหลมคมของเศษหินแหลมและอุปสรรคต่างๆจนในที่สุดก็ได้สัมผัสกับผืนทรายละเอียดด้านล่างนั้น ริมแม่น้ำที่กว้างใหญ่ประกอบไปด้วยหาดทรายสีขาวละเอียดถึงสามส่วน ที่นี่ดูอุดมสมบูรณ์มากจนผมอดไม่ได้ที่จะตะลึงแล คำว่าแม่น้ำคงเป็นนิยามที่แคบไปเสียหน่อยสำหรับสถานที่สุดอัศจรรย์แห่งนี้ ท้องน้ำดูใสสะอาดราวแผ่นกระจก กินอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่จนมีขนาดใกล้เคียงกับท้องทะเล รายล้อมด้วยแนวป่าที่เขียวขจี มีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำประเภทปูภูเขาและกุ้งบกดึกดำบรรพ์เดินให้เห็นอยู่เต็มไปหมด ระหว่างทาง ผมพบพืชพรรณแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าของที่นี่ดูใหญ่โตและค่อนข้างประหลาดตากว่าที่คิดเอาไว้มาก ผมเห็นต้นปาล์มที่ควรจะสูงจนเหนือศีรษะขึ้นเกาะกันเป็นดงและต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ช่อผลของมันพวงใหญ่มากกว่าโลกที่ผมจากมาเสียอีก เมื่อได้เดินไปวัดดูจึงพบว่า แต่ละผลมีขนาดเท่าฝ่ามือคนโดยเฉลี่ย ทุกคนดูแปลกใจที่ผมหยุดการเดินทางแล้วตรงเข้าไปสำรวจปาล์มแคระเหล่านั้นอย่างพินิจพิจารณา เมื่อสังเกตดูจากร่องรอยการกัดแทะของสัตว์ต่างๆแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าพืชชนิดนี้ต้องกินได้ ผมจึงใช้ขวานหินปลิดผลหนึ่งในช่อออกมากะเทาะดู ยิ่งพบว่าเนื้อในของมันมีลักษณะคล้ายจาวตาลขนาดเล็กและมีรสหวานฉ่ำราวน้ำตาลสดก็ยิ่งดีใจ “ขากลับ เราควรตัดช่อปาล์มพวกนี้กลับไปด้วย เพราะผลของมันเป็นอาหารให้พวกเราได้ ถ้าเราทำภาชนะเสร็จเมื่อไหร่ เราจะกลับมาทำน้ำตาลจากต้นไม้ชนิดนี้พร้อมๆกัน” ผมพูดพลาง ปลิดผลปาล์มมาเลาะเปลือกออกแล้วยื่นให้น้องชายกับโจนส์ลองชิมดู “หวานมาก หวานแบบชื่นใจ รสมันดีมาก พวกเจ้าลองกินมันดูสิ” อิลชิมจาวปาล์มที่ผมปอกแล้วตัดมันออกมาทั้งช่อส่งให้เพื่อนร่วมคณะได้ลองกินดู ทุกคนดูพออกพอใจในรสชาติแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยได้ลิ้มลอง การกินแต่เนื้อสัตว์ดิบอาจทำให้พวกเขารู้สึกจำเจกับรสเดิมๆ ดังนั้น ความหวานสดชื่นจากพืชพรรณธรรมชาติจะช่วยให้พวกเขามีความแปลกใหม่เพิ่มเข้ามาในชีวิตจนกลายเป็นสีสันได้ในที่สุด ระหว่างที่กำลังสาละวนกับการตัดจาวปาล์มอยู่นั้น สายตาผมเหลือบไปเห็นไก่ป่าหน้าตาแปลกประหลาดวิ่งหนีออกไปทางดงไม้ที่รกทึบ ทิ้งไข่ใบเขื่องไว้ในรังราวสิบใบ ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องไม่พลาด และเก็บมันมาไว้ใช้เป็นเสบียงอาหารยามจำเป็นของพวกเราภายในถ้ำ “ครั้งหนึ่งข้าเคยกินสิ่งนี้ แต่รสชาติมันแย่มาก ข้ากลืนไม่ลงเลย กลิ่นคาวๆนั่นยังคงติดอยู่ในคอจนถึงทุกวันนี้”ชายร่างใหญ่ผู้มีนามว่าโจนส์บ่นออกมา เมื่อพบว่าผมกำลังเก็บไข่ไก่งวงยักษ์นั่นออกมารวมไว้กับกองผลปาล์ม “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามหาวิธีทำให้เรากินมันอย่างเอร็ดอร่อยขึ้นมาได้”ผมสัญญากับเขาไว้แบบนั้น ก่อนจะหันไปช่วยทุกคนเลาะพวงปาล์มที่สุกงอมได้ที่มากองรวมกันไว้อย่างขะมักเขม้น หลังจากที่ตัดช่อปาล์มจนเพียงพอต่อความต้องการแล้ว พวกเราก็พากันเดินหน้าต่อไปจนถึงบริเวณริมแม่น้ำที่พ่อเฒ่าเป็นคนชี้พิกัด ผมใช้ฝ่ามือปาดดินขึ้นมานวดดูอย่างพึงพอใจ เวิ้งหาดนี้คือจุดตกตะกอนของปลายน้ำ ดินเหนียวตรงนี้จึงมีความละเอียดและเต็มไปด้วยคุณภาพ เหมาะสำหรับการใช้ทำเครื่องปั้นดินเผามากที่สุด เมื่อเห็นดังนั้น ผมจึงสั่งให้พวกเขาช่วยกันขุดโดยใช้กาบใบขนาดยักษ์ของต้นปาล์มหวานแทนพลั่วและภาชนะในการห่อ แบ่งคณะเดินทางกลุ่มหนึ่งให้ช่วยกันนวดดินเหนียวพอให้เกาะตัวกันและปั้นเป็นแท่งกลมหัวตัดขนาดใหญ่ วางทั้งหมดที่ปั้นแล้วไว้บนกิ่งปาล์มที่มีใบหนาและแข็งแรง เพื่อใช้แทนแคร่หามสำหรับขนสัมภาระทุกอย่างกลับที่พักของเราก่อนบ่ายวันนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD