“พี่คินคะ…” เป็นคำแรกที่ฉันเอ่ยออกมาหลังจากยืนเงียบมานาน นาคินทร์หันกลับมาหาฉันด้วยสีหน้าลำบากใจมาก แววตาของเขาสั่นนิด ๆ ฉันยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “หยาดคิดว่าพี่ควรจะกลับไปเคลียร์กับผู้หญิงของพี่ก่อนนะ หยาดรู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้”
ฉันแสดงน่ะ… ก็แค่การแสดงบทนางเอกแสนดีที่ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็มักจะใช้ได้ผลกับผู้ชายอย่างนาคินทร์เสมอ ผู้ชายที่มีเหตุผลและมีความเป็นผู้ใหญ่สูงแบบเขามักจะเกลียดความงี่เง่าไร้เหตุผล และลินดาก็เพิ่งจะแสดงให้เขาเห็นนั่นไง
“เอาไว้พี่คิน ‘พร้อม’ เมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันนะ” ฉันยิ้มให้ทั้งสองคนอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินออกมา เสียงกรี๊ดดังตามหลังมาเรียกรอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบนในหน้าฉันทันที
ใครจะคิดล่ะ… ผู้ชายแสนเพอร์เฟคอย่างนาคินทร์จะกลายเป็นผู้ชายหลายใจที่นอกใจแฟนตัวเอง และผู้หญิงที่แสนจะลุคนางฟ้าอย่างลินดาจะกลายเป็นนางมารเพียงเพราะผู้ชายคนเดียวแบบนั้น
นั่นก็เพราะสิ่งที่ทุกคนเรียกมันว่า… ความรัก
สำหรับฉัน… ความรักคือสิ่งที่น่ารังเกียจ มีแต่การแย่งชิง การอิจฉาริษยา และความไม่ซื่อสัตย์!
ฉันจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่าบนโลกใบนี้… รักแท้มันไม่มีอยู่จริง!
.
.
.
[บทบรรยาย นับกาล]
ไม่ใช่ข่าวลือสินะ… ชอบแย่งแฟนชาวบ้าน… มันเรื่องจริงสินะ…
ผมมองตามร่างบางที่เพิ่งเดินพ้นออกจากร้านอาหารไปด้วยความสนใจ ตอนแรกก็ว่าจะไม่สนใจอะไรหรอกนะ แต่เพราะมันอยู่ในขอบเขตสายตาก็เลยอดที่จะเผือกไม่ได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ผมสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยชายตามองเธอเลยด้วยซ้ำ ยิ่งได้ยินวีรกรรมแรง ๆ เกี่ยวกับเธอที่ลือสะพัดไปทั่วมหาวิทยาลัยผมก็ยิ่งไม่อยากจะสุงสิงด้วย
หยาดฟ้าเป็นผู้หญิงประเภทที่ผมเกลียด พวกดูถูกความรัก เห็นความรักเป็นของเล่น ชอบทำลายความรักคนอื่น พวกไม่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละคือสิ่งที่ผมมองเห็นจากตัวของผู้หญิงคนนั้น
ท้าทาย… ความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมา นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงสนใจหยาดฟ้าเป็นพิเศษ ถึงขนาดเดินตามเธอออกมาจากสนามเพียงเพราะได้สบตากันแค่ไม่กี่วินาที
เออ… ตลกดี
“มองไรอ่ะเฮีย” เสียงสอดรู้ของไอ้นาวาที่กำลังนั่งเขมือบอาหารตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายทักขึ้น ผมหันกลับมามองแรงใส่มันก่อนจะลากไปหาอีกสองคนด้วย
“แดก ๆ ไป อย่าเผือก”
“โห่ะ! ไม่เผือกก็ได้ ชิ!”
แล้วพวกมันสามตัวก็ก้มหน้าก้มตาสวาปามอาหารตรงหน้าต่อไป บางทีก็สงสัยว่าพวกมึงไปตายอดตายอยากมาจากไหน ได้ข่าวว่าบ้านรวยกันทุกคน? แต่ดูจากท่าแดกตอนนี้แม่งไม่ต่างจากพวกซอมบี้รุมแดกไส้เลย!
.
.
.
MAD HOUSE
“ยังไม่นอนอีกไงยัยฝัน” ผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมของบ้านพลางทักน้องสาวที่กำลังนั่งจ้องอะไรบางอย่างในมือด้วยสีหน้าแปลก ๆ นับฝันทำหน้าตาตื่นเล็กน้อยก่อนจะตีสีหน้ากลับมาเย็นชาเหมือนเดิม สิ่งของในมือถูกยัดเข้ากระเป๋าทันที “นั่นมันไอ้เครื่องประหลาดของไอ้เพลิงศูรย์ไม่ใช่?”
“…” นับฝันไม่ตอบอะไร แถมไม่ยอมสบตาผมด้วย นั่นแสดงว่าสิ่งที่ผมพูดคือเรื่องจริง ผมจ้องหน้าน้องสาวตัวเองนิ่ง ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเธอ นับฝันทำท่าจะลุกหนีแต่ถูกผมคว้าแขนเอาไว้ทัน “มีอะไรอีกเฮีย ฉันง่วง”
“นี่ใคร?” ผมชี้หน้าตัวเอง สายตานิ่งขรึมจ้องตาน้องสาว
“อะไร?”
“นี่เฮียนับกาล ผู้รอบรู้ทุกอย่างแม้กระทั่งความคิดและจิตใจของน้อง ๆ เลยนะ คิดว่าเฮียดูแกไม่ออกเหรอยัยฝัน”
นับฝันนิ่งไป ดวงตาคมเฉี่ยวแสนเย็นชาสั่นไหวเล็กน้อย มันแค่เล็กน้อยจริง ๆ ยัยนี่ซ่อนความรู้สึกเก่งมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ถ้าผมไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกับเธอก็คงดูไม่ออกหรอก
“ยังรักมันอยู่หรือไง”
“…”
ชัดเลย… แววตาเย็นชาสั่นไหวขนาดนี้ ยัยนี่ยังรักไอ้เวรนั่นอยู่จริง ๆ สินะ
ผมปล่อยแขนนับฝัน เธอลุกขึ้นยืนโดยไม่มองหน้าผมเลย ผมรู้ว่าตอนนี้นับฝันกำลังรู้สึกยังไง ผมเข้าใจความรู้สึกของน้องสาวตัวเองดี และผมก็อยากจะเตือนเธอด้วยความหวังดี ในฐานะพี่ชายที่รักและห่วงน้องสาวมากคนหนึ่ง
“เวลาเปลี่ยนความคิดคนได้ฉันใด… มันก็สามารถเปลี่ยนหัวใจคนได้ฉันนั้น”
“…”
“เหมือนที่บิ๊กแอสเคยกล่าวไว้ อยากรักก็ต้องเสี่ยง ถ้าอยากได้เธอร่วมเตียง…”
“ไม่ใช่ละเฮีย” นับฝันหันมาถลึงตาใส่ผม มุมปากผุดยิ้มนิด ๆ กับมุกตลกของผม “เกือบจะดีแล้วเชียว เฮ้อ! ไม่เคยได้เรื่องเลยจริง ๆ”
“แหม ๆ ก็ไม่อยากให้ดราม่าไง เวลาแกดราม่าแล้วหน้าเหี๊ยวเหี่ยวไม่รู้ตัวเหรอยัยฝัน” ผมยักคิ้วกวน ๆ พร้อมกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
“เฮียกาล! นี่น้องนะ เหอะ… ไม่คุยกับเฮียละ” แล้วนับฝันก็เดินหน้าบูดขึ้นบันไดไป แต่สีหน้าดูผ่อนคลายลงจากเมื่อครู่เยอะ ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ให้กับนิสัยโลกส่วนตัวสูงที่เหมือนม้าราวกับแกะ คัดลอกโครโมโซนกันมาจริง ๆ ม้ากับนับฝันเนี่ย
ว่าแต่… เรื่องนั้น… มันจริงสินะ… ยัยนั่นยังรู้สึกแบบนั้นอยู่จริง ๆ สินะ…
“ไอ้เพลิงศูรย์งั้นเหรอ…”