เหมือนจะเป็นชัยชนะเล็กๆของเจ้าสิ่งลึกลับที่อยู่ด้านนอกที่มันสามารถทำให้ส้มแผ่นหน้ามึนมีอาการตื่นตกใจได้
เด็กสาวร่างเล็กหน้ากลมทำท่าจะลุกขึ้นไปรวมตัวกับกลุ่มรุ่นพี่รุ่นเพื่อนที่กระจุกอยู่กลางห้อง แต่เกือบทุกคนต่างประสานเสียงกลับมาพร้อมกัน
"อย่า อย่ามา ส้มแผ่น"
ส้มแผ่นอ้าปากค้างไม่เข้าใจ
"มันเล็งเธอแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะซวยไปด้วย"
รุ่นพี่สาวในชุดนอนลายดอก นางแสดงถึงความเห็นแก่ตัวออกมาชัดเจนแต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือทุกคนเห็นด้วยกับนางบางคนพยักหน้ารับบางคนทำเป็นมองไปทางอื่นไม่สบตาเธอ
มีเพียงปูเป้เท่านั้นที่หันไปมองคนอื่นอย่างวิงวอนและคนสุดท้ายที่นางมองคือรุ่นพี่โอ ซึ่งตอนนี้ไม่ยอมสบตานางด้วยซ้ำ
สาวร่างเล็กหน้าเรียวผมซอยสั้นค่อยๆคลานเข่าสี่ขาโดยให้มีเสียงเบาที่สุดมายังส้มแผ่นแล้วสอดตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน ตัวนางสั่นแต่นางก็ไม่พูดอะไร
"เป้..."
"ไม่ทิ้งกัน"
เสียงเล็กๆของปูเป้ตอบสั้นๆแต่ชัดเจนในทุกมิติ
แกรกกกกกกกกกกกกก
ครืดดดดดดดดดดด
แกรกกกกกกกกกกกก
ครืดดดดดดดดดดด
เจ้าสิ่งที่อยู่ด้านนอกเริ่มก้าวเดินอีกครั้งและคราวนี้มันเพิ่มลายละเอียดมากขึ้นเหมือนว่าที่ผ่านมาจะสร้างความหวาดกลัวให้กับบางคนได้ไม่พอ มันเริ่มใช้เล็บมือขูดกับผนัง
กรึดดดดดดดด
และพอได้จังหวะก็ทุบหน้าต่างไม้ที่ปิดสนิท
ปัง ปัง ปัง !!!!
อันที่จริงส้มแผ่นก็มีความสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าทำไมผนังแต่ละด้านถึงมีหน้าต่างนับสิบบานชนิดที่ว่าเรียงกันเป็นตับและตอนนี้เมื่อมันทุบทีนึงก็แทบทำเอาอ้าออกทีสามสี่บาน
ในที่สุดเสียงลมที่เคยเงียบสงบก็ถูกพัดขึ้นมาเต็มกำลังจนเรือนไม้เริ่มสั่นไหว ตามมาด้วยเสียงต้นสักเอียงลู่ตามแรงอันมหาศาลมันส่งเสียงดังอยู่พักใหญ่จากนั้นก็สงบลง และต่อมาก็จะมีเสียงหมาหอนมารับช่วงต่อแทน
บรู๋วววววว
และเมือหยุดหอนก็จะ
ปัง ปัง ปัง
แกรกกกกกกกก
ครืดดดดดดดดดด
แกรกกกกกกกก
เสียงลากเท้าก็จะวนมาใหม่ ตอนนี้มันเดินวนพร้อมกับเสียงอันสยองมาเป็นรอบที่ห้าแล้วและในที่สุดมันก็มาหยุดตรงที่ส้มแผ่นนั่งอยู่อีกครั้ง และในขณะที่มันกำลังจะ......
เสียงสดใสของส้มแผ่นก็ชิงพูดขึ้นมา
"ข้า ขอ หนึ่ง คน"
นางพูดเหมือนมันไม่ผิดเพี้ยน
มันชะงัก แม้แต่ผีร้ายก็ยังชะงักมันไปไม่ถูกเมื่อเจอการดักคอเช่นนี้มันนิ่งเงียบก่อนที่จะเดิน แกรกกก ครืดดดดด ออกไปอีกรอบ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติก็คงเหมือนการแก้เขิน แม้แต่ผีก็เขินเป็น
ด้านปูเป้ที่ขดกายอยู่ด้านข้างถึงกับยิกเอวส้มหน้าเป็น ในใจนางตอนนี้นางอยากจะคลานสี่ขาหนีกลับไปอยู่กับพวกรุ่นพี่รุ่นเพื่อนแทน
"อีแผ่น เดี๋ยวก็ซวยกันหมดหรอก"
"แฮะ ๆ กูลืม"
ตอนนี้ทั้งคู่ขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันถึงแม้มันจะบางแต่ด้วยบรรยากาศที่เกิดขึ้นก็ทำให้พวกนางเหงื่อซึมได้และก็เหมือนว่าโลกนี้จะยังไม่ใจร้ายกับเธอทั้งสองคนจนเกินไปนัก
รุ่นพี่โอ ประธานชมรมที่นำพาพวกเธอมาพบความสยอง เขาได้รวบรวมความกล้าที่หาได้ยากในตัวเองเดินมาทางส้มแผ่นแล้วถอดสร้อยพระในคอนำไปแขวนไว้ที่กลอนหน้าต่างซึ่งอยู่เหนือหัวของทั้งสองสาว
"พ พี่ ช่วยได้เท่านี้ ข เข้าใจด้วย"
จากนั้นก็รีบวิ่งไปรวมตัวกับพวกตาขาวที่กลางห้องตามเดิม ทั้งส้มแผ่นและปูเป้ต่างชะโงกจากผ้าห่มออกมามองวัตถุมงคลที่คาดว่าน่าจะเป็นความหวังให้เธอผ่านค่ำคืนนี้ไปได้
เริ่มแรกมันก็เป็นพระเครื่องกับสร้อยคอธรรมดา แต่เมื่อทันทีที่แขวนเข้ากับกลอนหน้าต่างก็กลับกลายเป็นดั่งสายล่อฟ้า เสียง แกรกกก ครืดดดดด เสียงก้าวเดิน เสียงขูดเล็บ เสียงลม และเสียงหมาหอนต่างดังกระหน่ำขึ้นมาพร้อมกันจนศาลาเรือนไม้ที่เธออยู่แทบจะพังทะลาย
หน้าต่างบางบานถึงกับไม่สามารถจะต้านทานแรงลมที่โหมกระหน่ำเข้ามาได้ มันสั่นไหวก่อนที่จะกระชากเปิดออก
และก็เป็นปฏิกริยาอันอัตโนมัติของทุกคนรวมทั้งส้มแผ่นและปูเป้ด้วย
ถึงจะไม่อยากมองหรือรู้ว่าถ้ามองออกไปแล้วจะต้องเจอกับอะไร แต่ทุกคนก็ยังมองรอดหน้าต่างออกไปอยู่ดี
ท่ามกลางเสียงลมที่พัดมาอย่างอื้ออึงและเสียงหมาที่ร้องอย่างโหยหวน
ด้านนอกหน้าต่างเมื่อมองฝ่าความมืดไปกลับเห็นบางอย่าง บางอย่างที่โยกไหวไปมาเหมือนคนกำลังโบกมือ ในแวบแรกในสายตาของทุกคนต่างเห็นมันเป็นเหมือนดังต้นไม้ที่สูงเพรียว แต่เมื่อปรับสายตาได้แล้ว
กรี๊ดดดดดดดด
ทั้งหญิงและชายต่างร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน บ้างขดตัวก้มหน้าซุกพื้น บ้างนั่งสวดมนต์ตัวสั่นพับๆ บ้างกอดกันกลม และเช่นเดียวกับปูเป้ที่ตอนนี้สองมือของนางกอดที่แขนและซบหน้าลงกับแผ่นหลังของส้มแผ่น ตัวของทั้งคู่สั่นเทาต่อภาพที่เห็น
มันเป็นตัวอะไรสักอย่างสีดำสนิทผอมแห้งจนเห็นซี่โครงและสูงเทียมต้นสัก ดวงตามันมีสีแดงและทุกครั้งที่สายลมกรรโชกมามันก็จะเอียงลู่พริ้วไหวตามแรงลม
"ต้มเปรต"
สัมแผ่นพูดพร้อมกับดวงตาที่ตกตะลึงตอนนี้นางเป็นคนเดียวที่ยังมองมันอยู่
ปั้ง !!!!!
เหมือนระฆังหมดยกพอดีหน้าต่างบานนั้นถูกปิดเข้าตามแรงลม จากนั้นทุกอย่างก็เงียบดังเดิมจนเหลือแต่เสียง
แกรกกกกกก
ครืดดดดดดดด
แกรกกกกกกก
ที่ยังคงทำหน้าที่ของมันและตอนนี้มันก็มาถึงผนังตรงพวกนางอีกครั้ง
และก็เป็นดั่งการชิงจังหวะหรือวัดใจกันระหว่างบางอย่างที่หมายหลอกหลอนกับบางอย่างที่หมายกวนตีน
"ข้าขอหนึ่งคน"
คราวนี้ทั้งผีทั้งคนต่างพูดออกมาพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่แตกต่าง และก็ตามเดิมปูเป้หยิกพุงคนหน้าเป็นเพื่อเตือนสติแบบเต็มแรงด้วยมือที่สั่นเป็นเจ้าเข้า และก็ดูคล้ายดั่งว่าความอดทนของเจ้าสิ่งลึกลับนั้นจะหมดลงในที่สุด มันเดิมย้อนกลับสวนทางจากที่เคยทำ
ไม่มีอีกแล้วเสียงลากเท้า แกรกกกกครืดดดดดด
ไม่มีอีกแล้วเสียงขูดเล็บตามผนัง
ไม่มีอีกแล้วเสียงหมาหอนหรือเสียงของลมที่โหมกระหน่ำ
มีแต่เสียงกระทืบเท้า ปึ้ง ปึ้ง ลงพื้นอย่างหนักหน่วงตามจังหวะการก้าวเดิน
"มึงว่ามันงอนป่าววะ"
"โอ้ยยย กูขอโทษอย่าหยิกกู"
ตอนนี้ทั้งโถงกว้าง นอกจากเสียงสั่นเป็นเจ้าเข้า เสียงสวดมนต์แบบส่งเดช และเสียงกระทืบเท้าจากด้านนอกแล้ว ก็มีแต่เสียงของคนหน้าเป็นที่ยังยืนยง
ถึงแม้ว่านางจะคลุมโปงแต่นางก็ยังคงปากพล่อย
เสียงก้าวเท้าอันหนักหน่วงของมันมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง
"กู ขอ เข้า ไป"
เสียงของชายชราแหบพร่าและต่ำช้าดังมาจากบานประตูจนทุกคนที่อยู่ในอริยาบทต่างๆต้องหันมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างรวมทั้งส้มแผ่นและปูเป้ด้วยที่ต่างพากันโผล่หัวออกมาจากการคลุมโปง ทั้งคู่ยกมือขึ้นปิดหน้าต่อภาพที่เห็น
มือข้างหนึ่งที่แห้งเหี่ยวหุ้มกระดูกกับเล็บที่ยาวดำและหน้าเกลียดแทรกผ่านช่องบานประตูเข้ามาอย่างง่ายดายพร้อมกับกลอนที่เคยขัดก็คลายออกราวกับต้องมนต์ มันแทรกเข้ามาจนถึงข้อมือ
ส้มแผ่นที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วถึงกับตัวสั่นหวั่นผวา
เธอรู้ดีว่าถ้ามันเข้ามาได้คนแรกที่มันจะมาหาคือเธอแน่
พรึบ !!
ไฟทุกดวงดับสนิทลง ตามมาด้วยเสียงประตูถูกตีกลับดังสนั่นหวั่นไหว
จากนั้นก็สว่างตามเดิมท่ามกลางเสียงกรีดร้องของทุกคนที่ร้องออกมาอย่างตกใจต่อการปรากฏตัวของบางอย่าง
ชายร่างสูงผมยาวประบ่าใบหน้าหวานและหล่อเหลาเขายืนสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำที่มีกระดาษแปะที่กลางหลังว่าเสื้อตัวนี้สีชมพู ร่างสูงนั้นยืนอยู่กลางห้องอย่างหาที่มาไม่ได้และไม่ใช่เพียงแค่นั้นด้านหลังเขามีชายหนุ่มสุดล่ำผมหยักโศกเสยไปด้านหลัง คนนี้อยู่ในท่าฮีโร่แลนด์ดิ้งคือเข่าข้างหนึ่งติดพื้นส่วนอีกข้างตั้งชันในมือข้างหนึ่งถือกระดานชนวนไว้ด้วย
คนร่างสูงหันมามองเธอนิดนึงแล้วยักคิ้วให้ส่วนอีกคนที่ล่ำกว่าพูดสั้นๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง
"พวกพี่มาช่วยแล้ว"
ตากลมของส้มแผ่นมองเคะร่างสูงและเมะกล้ามแน่นของเธอด้วยความดีใจ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคู่จิ้นทั้งสองมาโผล่ที่นี่ได้ไงทั้งที่มันห่างจากร้านหนังสือร่วมหกร้อยกิโล
แต่เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเธอรอดแล้ว