บทที่ 1.3 - ภาพติดตา (วางแผนให้น้องมาอยู่ใกล้ๆ) (จบตอน)

1270 Words
คำขอโทษที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าขอโทษเรื่องอะไร โรมสบตาพริ้งพลอยนิ่ง ทั้งสองมองหน้ากันผ่านกระจกกั้น เขาพยายามมองหาความรู้สึกบางอย่างผ่านแววตาใสซื่อของน้อง แต่ไม่ว่าจะเพ่งลึกแค่ไหนเขาก็ไม่เห็นความรู้สึกอื่นใดนอกจากความเย็นชา โรมยิ้มสมเพชตัวเอง ตลอดทั้งคืนเขาได้แต่คิดและกังวลไปต่างๆ นานา กลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดหรือคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของเขา เขาซ้อมคำพูดมากมายหวังจะนำมาอธิบายให้เธอเข้าใจ ทว่าสุดท้ายกลับคิดได้ว่าไม่ควรมีคำแก้ตัวใดๆ ในเมื่อคนผิดคือเขา แค่น้อมรับและเอ่ยคำขอโทษอย่างจริงใจก็เพียงพอแล้ว ด้านพริ้งพลอยเองไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก เธอกำลังอึ้งว่าเหตุใดโรมถึงต้องมาขอโทษในเมื่อเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ถือว่าเป็นความผิดอะไร มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เธอต่างหากที่ไม่ควรไปล่วงรู้ “ไม่…” กว่าจะได้สติว่าควรตอบอะไรสักคำออกไปบ้าง รถหรูของโรมก็ออกตัวไปไกลแล้ว พริ้งพลอยสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังตึกคณะ ระหว่างทางเจอรุ่นน้องที่สนิทก็แวะทักทายกันตามปกติ ภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ใครจะรู้ว่าหัวใจของเธอกำลังว้าวุ่นกับพฤติกรรมที่แปลกไปของโรม เสียงทุ้มของเขายังดังก้องอยู่ในหู “เรื่องเมื่อคืน พี่ขอโทษ” ขอโทษ… ขอโทษทำไมกัน เขาจะทำอะไรกับใคร ทำไมต้องมาขอโทษเธอด้วย “มาสายไปสองชั่วโมง” แซมที่มานั่งรอโรมตั้งแต่เช้าเอ่ย คนมาสายไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนอะไร เหวี่ยงสูทที่ถือพาดแขนมาตลอดทางไปที่โซฟาตรงที่เพื่อนนั่ง แซมยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายโลกของโรม แซมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองมือสอดพักในกระเป๋ากางเกงเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของโรม จ้องใบหน้าเพื่อนอย่างมีเลศนัย “เป็นเหี้ยอะไร อยู่ดีๆ ก็มาจ้องหน้า” โรมที่กำลังหงุดหงิดตวัดเสียงห้วน เปิดคอมฯ เตรียมพร้อมจะทำงาน วันนี้ก่อนเข้าประชุมบ่าย ช่วงเช้าเขาต้องรีบเคลียร์งานให้หมด “กูสบายดี แต่มึงเป็นอะไร” “ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ กูแค่จะทำงาน” โรมตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย แซมหัวเราะหึๆ ในลำคอ “หงุดหงิดเรื่องน้องพริ้งเหรอ” แซมคิดว่าเขาเดาถูก คนอย่างโรมถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็มีแค่เรื่องของพริ้งพลอยเท่านั้นที่ทำให้มันหน้าบึ้งเป็นตูดได้ขนาดนี้ “ทำไม น้องมันไปรู้อะไรมาเหรอ มึงถึงได้เครียดจนหัวคิ้วชนกันแบบนี้” แซมชี้ที่หัวคิ้วของตัวเองประกอบคำพูด กระตุกยิ้มน่าหมันไส้ใส่เพื่อนรักไปหนึ่งที โรมปิดแฟ้มงานเสียงดัง “ที่มึงมาหากูแต่เช้า คือจะมากวนตีนว่างั้น” แซมหัวเราะร่วน ส่ายหน้าตอบ “เปล่า มาคุยเรื่องสำคัญ” แววตาทะเล้นหลุบมองพื้นชั่วขณะ เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง “เรื่องนั้นใช่ไหม” เพียงเห็นความตึงเครียดของเพื่อน โรมก็รู้ทันทีว่าแซมกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ ตอนนี้ครอบครัวของแซมประสบปัญหาทางด้านธุรกิจอย่างร้ายแรง ดีไม่ดีอาจถึงขั้นล้มละลายถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้ธนาคาร “อืม” แซมยอมรับแต่โดยดี เขาถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ “กูไม่อยากทำแบบนี้เลยว่ะ อยากจะปล่อยๆ ไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ลง” โรมพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ มือหนาเปิดลิ้นชักหยิบเช็คเงินสดออกมาวางบนโต๊ะ เลื่อนแผ่นกระดาษใบเล็กไปตรงหน้าแซม ตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าเช็คมูลค่ามหาศาลจนแซมตกใจ “เชี่ยโรม มึงไม่ต้องให้กูยืมเยอะขนาดนี้ก็ได้นะเว้ย” “กูเขียนเช็คใบนี้ตั้งแต่วันที่มึงมาปรึกษากูครั้งแรกแหละ เอาไปเหอะ รับรองว่าคิดดอกไม่แพง” โรมเอ่ยติดตลกปิดท้าย หวังให้บรรยกาศตึงเครียดผ่อนคลายลงบ้าง ซึ่งมันได้ผล แซมหัวเราะออกมาเล็กน้อย เขาหยิบเช็คดังกล่าวใส่กระเป๋ากางเกง สบตาเพื่อนรัก “ขอบใจนะมึง” แซมมีเพื่อนมากมายก็จริง แต่กล้าพูดได้เลยว่าโรมเป็นคนเดียวที่จริงใจกับเขามากที่สุด ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือเรื่องเงินเวลาเดือดร้อน แต่เวลาที่เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาสามารถมาปรับทุกข์กับโรมได้ทุกเมื่อ เห็นมันชอบทำหน้าโหดแบบนี้แต่มันก็มีหัวใจเมตตาผู้อื่นนะ ช่วยใครได้มันก็ช่วย เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครรับรู้ เพราะโรมเป็นพวกชอบปิดทองหลังพระ ชอบทำบุญเงียบๆ ไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของสังคม ดังนั้นภาพลักษณ์โรมในสื่อจึงมีแต่เรื่องงานกับเรื่องเปลี่ยนคู่ควงบ่อยเท่านั้น “คืนนี้มึงว่างไหมวะ” โรมเอ่ยถามแซมที่หมุนตัวเดินกลับไปนั่งไขว่ห้างที่โซฟา “ว่าง” แซมหยิบบุหรี่ออกมาคาบไว้ที่ปาก “ไง จะชวนกูไปลงอ่างเหรอ” พูดแล้วอมยิ้ม “ลงอ่างพ่องมึงสิ แค่อีน้องเมื่อคืนพริ้งก็มองกูเป็นไอ้บ้าตัณหากลับละ” โรมพูดอย่างอารมณ์เสีย คนที่จับไต๋เพื่อนซี้ได้ถึงกับลุกขึ้นยืนหัวเราะเสียงดัง “นั่นไง! ในที่สุดก็หลุดออกมาจนได้ว่าที่เดินหน้าหงิกเข้าบริษัทฯ เป็นเพราะเรื่องน้องพริ้ง” แซมชี้หน้าแซว หรี่ดวงตามองโรมอย่างจับผิด “อย่าบอกนะว่าพริ้งมาเห็นตอนมึงกำลังกินตับเด็กในบ้าน” “ก็เออดิ!” โรมกระแทกเสียงดัง ลุกพรวดจากเก้าอี้ยืนเท้าเอวหน้าบึ้ง “เมื่อเช้ากูไปส่งที่มหาลัย อุตส่าห์ขอโทษเรื่องเมื่อคืนแทนที่จะพูดว่าไม่เป็นไร หรือแสดงท่าทีให้กูรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง แต่นี่อะไร นิ่งเงียบทำเหมือนคำขอโทษของกูไม่มีค่า” คิดแล้วโมโหชะมัด “เอาน่า น้องมันยังเด็ก เห็นภาพแบบนั้นเข้าไปก็คงช็อกเป็นเรื่องธรรมดา” แซมพูดปลอบใจ รู้ดีว่าโรมรู้สึกยังไงกับพริ้งพลอย เพื่อนของเขาแสดงออกชัดเจนว่าทั้งรักทั้งหวงแหนน้องสาวบุญธรรมเกินกว่าพี่น้อง เห็นจะมีก็แต่สาวน้อยคนซื่อที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย สำหรับพริ้งพลอยโรมยังคงเป็นพี่ชายที่เธอให้ความเคารพยำเกรง หารู้ไม่ว่าเสือร้ายเจ้าเล่ห์กำลังหาวิธีลอบขย้ำเนื้อหวานอยู่ตลอดเวลา “นี่เดี๋ยวก็เรียนจบแล้ว กูตั้งใจให้มาทำงานเป็นเลขาฯ ส่วนตัวกูที่ห้องนี่แหละ” “เห้ย นี่มึงคิดจะกักขังน้องเขาไว้ในสายตาตลอดเวลาเลยหรือวะ” แซมถามเสียงสูง รู้สึกสงสารพริ้งพลอยขึ้นมาครามครัน “กูไม่ได้อยากทำหรอกนะ แต่พริ้งเป็นคนดื้อ ดื้อกว่าที่มึงเห็นเยอะ” ถึงภายนอกจะดูอ่อนหวานน่ารัก แต่บทจะรั้นหล่อนก็ทำให้เขาปวดหัวพอสมควร ถ้าไม่ควบคุมพฤติกรรมเอาไว้แต่เนิ่นๆ พริ้งพลอยต้องหาเรื่องมากวนหัวใจเขาไม่หยุดหย่อนแน่นอน “เออ จะทำอะไรก็ทำ กูแค่ไม่อยากให้มึงสวมบทโหดจนเด็กมันกลัวแล้วไม่อยากเข้าใกล้” แซมเตือนด้วยความหวังดี คว้ากุญแจรถมาถือไว้ในมือ เอ่ยถามเพื่อนซี้ “กูจะกลับแล้ว ตกลงคืนนี้ให้ไปเจอกันที่ไหน” “ที่เดิม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD