แม่ทัพหญิงตระกูลซู
" ซูเหมยลี่~ เจ้าเก่งจริง ๆ สามารถล้มองค์ชายรัชทายาทได้ด้วยฝ่ามือเดียว "
" แน่นอนอยู่แล้ว ~ ข้าเป็นถึงบุตรสาวตระกูลซูนี่ อนาคตต้องปกป้องแผ่นดิน แล้วก็ปกป้ององค์ชายรัชทายาทด้วย "
" ลำบากเจ้าแล้วซูเหมยลี่ "
" ไม่เป็นไรเพคะ องค์ชายหลี่... "
หลี่อะไรนะ ?
อากาศยามเช้าในเขตชายแดนหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ แม่ทัพหญิงซูเหมยลี่ จากตระกูลซู ที่มีแม่ทัพใหญ่อยู่ในตระกูลถึงสามคน เดินออกจากจากกระโจมหนังสัตว์เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่กองทัพปราบกบฏของนางตั้งฐานทัพอยู่ในเมืองนี้
หญิงสาวในชุดต่อสู้เยี่ยงบุรุษ รวบผมหางม้าไร้เครื่องประดับ ใบหน้าสวยเกลี้ยงเกลา กวาดสายตามองศีรษะของพวกกบฏที่เสียบไม้เรียงเป็นแนวยาวท้าลมหนาวจนสีหน้าเขียวซีดแล้วก็ยิ้มเยาะ
" เก็บข้าวของให้เรียบร้อย จากนั้นเตรียมเคลื่อนพลเข้าเมืองหลวง ระหว่างทางแห่ประจานพวกมันไปทุกที่ นี่คือโทษทัณฑ์ของพวกก่อกบฏ ! "
" ขอรับท่านแม่ทัพ ! "
เหล่าทหารกล้ารับคำสั่งผู้เป็นนาย ซูเหมยลี่ยกยิ้มพอใจ แน่นอนว่าผลงานครั้งใหญ่นี้คงทำให้นางและตระกูลซูได้รับเงินบำเหน็จมหาศาล รวมถึงชื่อเสียงเกียรติยศที่กว้างไกล แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ของครอบครัวนาง ที่ต้องปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิตอยู่แล้ว
" ความฝันเช้านี้รบกวนจิตใจข้าเสียจริง... "
ซูเหมยลี่เอ่ยรำพึงเพียงคนเดียว เช้าวันนี้นางตื่นสายกว่าทุกวันเล็กน้อย เนื่องจากสงครามปราบกบฏจบลงด้วยดี ทั้งกองทัพจึงได้ผ่อนคลายระเบียบที่เข้มงวดลงส่วนหนึ่ง หลังจากปล่อยให้ตัวเองได้หลับสนิทนั้น ซูเหมยลี่กลับฝันถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ที่นางได้เข้าไปฝึกวิชาร่วมกับบรรดาองค์ชายในวังหลวง
ในฝันนั้นนางได้ล้มองค์ชายรัชทายาทด้วยมือเปล่า เพียงแค่ออกแรงผลักเขาก็ล้มลงอย่างง่ายดาย แต่น่าแปลก..ฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบันที่ครองราชย์มาเก้าปีนั้น อายุรุ่นราวบิดาของนาง ไม่มีทางที่ในช่วงเวลาซึ่งเขาดำรงตำแหน่งเป็นองค์ชายรัชทายาท ซูเหมยลี่จะมีโอกาสได้ประมือ
แล้วองค์ชายรัชทายาทในฝันนั้นเป็นใครกัน ?
" แม่ทัพซูเดินทางมาถึงแล้วววว "
เสียงประกาศของขันทีฝ่ายในเป็นสัญญาณให้วังหลวงเปิดประตูต้อนรับกองทัพของซูเหมยลี่เข้าถวายรายงาน และถวายศีรษะของพวกกบฏให้แก่ฮ่องเต้ หญิงสาวที่นั่งองอาจบนหลังม้ารีบเหวี่ยงตัวลงคุกเข่า ทันทีที่เห็นเจ้าแผ่นดินมังกรในชุดสีเหลืองทองอร่ามเดินออกมาต้อนรับ
" ซูเหมยลี่ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี "
" แม่ทัพซูไม่ต้องมากพิธี ความดีความชอบของเจ้าครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก หลายปีมานี้เจ้าต้องลำบากตรากตรำปราบกบฏอยู่ที่ชายแดนโดยไม่ได้พัก หลังจากนี้ข้าอนุญาตให้เจ้าพักผ่อนจนพอใจ พร้อมบำเหน็จทองคำจากข้าและลำดับยศเป็นแม่ทัพขั้นสาม "
" ซูเหมยลี่น้อมรับพระประสงค์ ขอบพระทัยฝ่าบาท ! "
ใบหน้าสวยก้มหน้ารับปูนบำเหน็จ ก่อนถอนกำลังออกจากวังหลวงเพื่อแยกย้ายกันกลับไปหาครอบครัว หญิงสาวควบม้าออกนอกประตูวังมาก็พบว่าแม่ทัพซูกังผู้พี่ แม่ทัพขั้นสามลำดับยศเดียวกันออกมารอต้อนรับกลับจวน
" เหมยลี่คารวะท่านพี่ "
ความผึ่งผายองอาจของบุตรีตระกูลซูลดลงไปเล็กน้อย หลังฟังประกาศปูนบำเหน็จจบลง บางทีนางก็นึกน้อยใจ หลายปีมานี้ทั้งนางและพี่ชายมีผลงานโดดเด่นกว่าใคร ๆ แต่กว่าจะได้เลื่อนขั้นแต่ละขั้นนั้นยากลำบากเหลือเกิน พี่ชายของนางเองก็อายุยี่สิบหกปีแล้ว ยังอยู่ที่ตำแหน่งแม่ทัพขั้นสามไม่ไปไหน
" พึ่งกลับมาเหนื่อย ๆ อย่าคิดอะไรให้มากความ กลับไปพักผ่อนที่จวนเถอะ ท่านแม่รอพบเจ้าใจแทบขาดแล้ว "
" เจ้าค่ะ "
อาชาสีนิลสองตัวก้าวเดินเคียงข้างกันไปตามทาง ผ่านร้านรวงและบรรยากาศเมืองหลวงที่คึกคัก ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยกันหน้าชื่นตาบาน บางคนเห็นว่าเป็นแม่ทัพตระกูลซูพี่น้องผ่านทาง ก็ถึงกับคุกเข่าลงใช้ศีรษะแนบพื้นหลายครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณ บุญคุณที่ตระกูลซูคุ้มครองแผ่นดินและชีวิตประชาชนมาตลอดหลายรุ่น ทุกคนจดจำไว้ไม่มีวันลืม
" เจ้าเห็นหรือไม่ซูเหมยลี่ มากกว่ายศถาบรรดาศักดิ์ สิ่งที่ทำให้ตระกูลซูของเรายอมเสียสละเรื่อยมา ก็คือชีวิตประชาชน "
" จริงด้วยเจ้าค่ะ "
ซูเหมยลี่กวาดตามองภาพความคึกคักของผู้คนที่นางห่างหายไปนาน ช่างเรื่องลำดับขั้นที่เลื่อนช้าเหมือนเต่าเป็นไร หลังจากนี้นางจะพักผ่อนจนหนำใจ ทานอาหารฝีมือท่านแม่จนพุงกาง จากนั้นก็ขัดสีฉวีวรรณตนเองให้สมกับเป็นสตรีเสียหน่อย
ไม่ได้ผัดแป้งทาชาดให้ปากแดงมานานแค่ไหนแล้ว ผ่านไปจนอายุสิบเก้าปี ยังไม่มีทีท่าจะได้ออกเรือน สิ่งนี้มากกว่ากระมังที่นางควรจะเป็นกังวล
" ปีนี้เจ้าอายุสมควรออกเรือนได้แล้ว อีกเดี๋ยวจะมีขบวนสู่ขอมาที่จวนมากมายเชียว "
" อย่าปลอบใจเหมยลี่ขนาดนั้นเลยเจ้าค่ะ "
" ใครจะไม่อยากเกี่ยวดองกับแม่ทัพตระกูลซูกันเล่า อำนาจของตระกูลเราเกินครึ่งราชสำนัก เป็นรองก็เพียงฝ่าบาท "
แม่ทัพหญิงแค่นยิ้ม ออกแรงเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้าอีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงจวนตระกูลซู หลังบานประตูหินแกะสลักลวดลายอาชาเหินทะยาน ซูฮูหยินยืนน้ำตาคลอรอต้อนรับบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความตื่นเต้น
" เหมยลี่~ เหมยลี่เจ้ามาแล้ว~ "
หญิงสูงวัยโผเข้ากอดบุตรสาวในชุดแต่งกายแบบบุรุษเต็มยศด้วยความคิดถึง เมื่อผละออกก็จับตัวซูเหมยลี่หมุนไปหมุนมาสำรวจรอบกาย หลังพบว่าไม่มีบาดแผลฉกรรจ์ใด ๆ ให้ผิวต้องเป็นรอยน่าเกลียดก็ถึงกับถอนหายใจโล่งอก
" ดูเจ้าเสียสิ อยู่แต่ในสนามรบจนผิวเนื้อตัวกร้านแดด ใบหน้าหมองไม่มีราศีเอาเสียเลย รีบไปให้สาวใช้ช่วยอาบน้ำขัดพอกกายแล้วมากินของอร่อยของแม่เถอะ "
ซูเหมยลี่แค่นยิ้ม มารดาก็กล่าวเกินไป นางยังผิวพรรณดีอยู่ เพียงแต่ไม่กระจ่างใสเท่านั้น ส่วนความงามก็ได้รับมาจากทั้งพ่อและแม่ ถือว่ายังพอทนดูได้
" รู้แล้วเจ้าค่ะ ไปแล้ว ๆ "
เรือนร่างสมส่วนรีบตามสาวใช้เข้าไปที่ห้องอาบน้ำทันที เมื่อย่างเท้าเข้ามาก็พบว่ามีอ่างน้ำอุ่นที่หอมตลบอบอวลไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ซูฮูหยินมารดาของนางนั้น เมื่อวัยสาวเคยเป็นนางกำนัลดูแลพระสนมเอก เรื่องความงามและการประทินผิวไม่ต้องเอ่ยถึง สามารถเปลี่ยนนกแร้งนกกาให้กลายเป็นนางหงส์ได้ในพริบตาทีเดียว
" เชิญคุณหนูเหมยลี่เจ้าค่ะ "
ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มพึงพอใจ ปลดเปลื้องชุดนักรบออกจากเรือนกายที่ซ่อนรูป ความงดงามอวบอิ่มของทรวงอกเผยออกสู่สายตาบรรดาสาวใช้ หญิงสาวพาตนเองลงไปนั่งแช่อ่างน้ำอุ่น หลับตาปล่อยให้สาวใช้ช่วยกันขัดถูทุกความหมองคล้ำออกจากกาย
" ผิวพรรณของคุณหนูยังดีอยู่มากจริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะ เพียงขัดพอกไม่นานก็กลับมากระจ่างใสแล้ว "
" จริงด้วยเจ้าค่ะ มือที่จับดาบนี่ก็ยังนุ่มนวล ไม่กระด้างอย่างที่คิดเลย "
" มิน่าเล่า...เพียงแค่ข่าวการมาถึงของคุณหนู ก็มีบุรุษส่งของกำนัลมาที่จวนแล้วเจ้าค่ะ "
ดวงตาที่หลับพริ้มของซูเหมยลี่ลืมตาขึ้นทันควัน เมื่อได้ยินว่ามีคนส่งของกำนัลมาให้ สภาพนางพึ่งกลับจากสงคราม เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นจากการควบม้าหลายร้อยลี้ ยังมีใครมองเห็นความงามที่ลึกสุดใจของนางได้อีก
" ใครหรือ... "
" บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ มีแม่สื่อนำมาที่จวน เป็นเพียงกล่องไม้อันเล็ก ๆ ดูไม่มีราคานัก แม่สื่อพึ่งแนะนำตัวว่าเป็นคุณชายแซ่หลี่ ฮูหยินก็รีบบอกให้กลับไป... "
แซ่หลี่หรือ...
นั่นคือสายตระกูลของฮ่องเต้ไม่ใช่รึ ! อาจจะเป็นองค์ชายสักคนกระมัง เหตุใดท่านแม่จึงกล้ารีบร้อนไล่เขาไปเสียก่อนเล่า บุตรสาวของท่านกำลังมองหาคนออกเรือนด้วยอยู่นะ !
" ทำไมต้องรีบไล่ไปด้วย ไม่คิดจะเปิดดูกล่องไร้ค่านั่นก่อนหรือ เกิดเป็นหยกพันชั่งข้าก็อดเป็นเศรษฐินีพอดี "
" ฮูหยินบอกว่ารับไว้จะดูไม่งาม หากอยากสู่ขอค่อยมาเจรจากันภายหลังเจ้าค่ะ "
ซูเหมยลี่ถอนหายใจ แม่ทัพหญิงจากตระกูลซูเป็นเพียงแม่ทัพขั้นสาม หวังให้มีคนมาสู่ขอก่อนอายุยี่สิบปีก็พอใจแล้ว ใครกันเล่าจะอยากได้สตรีจับมีดจับดาบไปเป็นภรรยา ท่านแม่นี่ใจร้อนปฏิเสธเสียจริง
เขาแซ่หลี่เชียวนะ....