“เป็นยังไง มีที่ถูกใจไหม”
“เอ่อ ค่ะพี่ฟรองซ์ นุ่มว่านุ่มชอบสีดำ พี่ฟรองซ์ว่าจะสวยไหมคะ”
“ครับ พี่ก็ชอบสีนี้นะ ก็เข้ากับห้องนอนนุ่มแหละพี่ว่า” พูดเสมือนว่ากำลังเลือกเตียงให้ตัวเองนอนอย่างไรอย่างนั้น
“ลองนอนดูได้นะครับ” พนักงานขายเสนอ ฟารีดาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ
“ลองดูสินุ่ม” ธนดลสนับสนุน เจ้าตัวจึงปีนขึ้นไปนั่ง แต่ก็ดูกังวลกับกางเกงขาสั้นของตัวเองที่มันเลิกขึ้น ถ้านอนก็น่าจะสั้นกว่านี้อีก ธนดลดูอาการนั้นออก พนักงานขายก็เป็นผู้ชายด้วย เขาเพิ่งสังเกตว่าเธอชอบใส่เสื้อผ้าตัวเล็กโดยเฉพาะกางเกงขาสั้นเวลาอยู่บ้านหรือออกมาเที่ยวข้างนอก เข้าใจว่าคงเป็นคนขี้ร้อน และเวลาเธอใส่มันก็ดูน่ารัก เบาๆ ดี แต่พออยู่ร้านจะใส่เป็นเดรสหรือกางเกงขาสี่ส่วนหรือขายาวมิดชิดขึ้นมาหน่อย เลยเข้าใจว่าการจะมานอนบนเตียงในสภาพแบบนี้ก็อาจจะไม่มั่นใจ
“เดี๋ยวพี่ลองนอนดู” เขาขึ้นไปนอนข้างๆ เธอ โดยฟารีดายังนั่งพับเพียบ มองเขาตาปริบ ธนดลนึกเห็นภาพที่ทั้งคู่นอนบนเตียงด้วยกัน บ้าจริง!
“พี่ว่าหลังนี้ก็ดีนะ นุ่มดี”
“เอ่อ พี่ฟรองซ์ว่าโอเคนะคะ”
“ครับ แล้วก็เข้ากับห้องนุ่มด้วย” ฟารีดาอยากได้บ้านที่ดูโล่งๆ สีเอิร์ธโทนสบายตา บางห้องก็โทนสว่างหน่อยแต่บางห้องอย่างห้องนอนใหญ่เธอก็อยากได้สีเข้ม เตียงก็เข้ากับห้องดี...เขาเองก็ชอบ
“อันนี้ห้องใหญ่นะ อีกสามห้องนุ่มอยากได้เตียงแบบไหน”
เขาพาเธอดูของต่ออีกราวๆ ชั่วโมงก็พากันกลับนครปฐม
“พี่จะลงไปดูบ้านนะ นุ่มไปด้วยไหมหรือให้พี่ไปส่งที่บ้านเลย”
“ไปด้วยก็ได้ค่ะ”
ทั้งคู่มาถึงนครปฐมตอนเกือบๆ บ่ายห้าโมงเย็น แดดยังแรงอยู่ เขารู้สึกเป็นห่วงคนที่ใส่เสื้อแขนกุด กลัวผิวขาวๆ นั้นจะถูกแดดไหม้ให้เป็นรอย
“บนรถพี่มีร่มนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฟรองซ์ รุ่นนี้ทนแดดแล้ว” เธอยิ้มจนตาหยี ธนดลจึงจำได้ว่าปกติฟารีดาเป็นผู้หญิงลุยๆ อยู่แล้ว เพียงแต่เธอตัวเล็ก ผิวขาว น่ารัก และการแต่งตัวที่ดูเป็นผู้หญิงขึ้นจากสมัยเรียนเขาเลยรู้สึกว่าเธอดูบอบบาง แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นเขาก็ยังไปหยิบร่มท้ายรถมากางให้ ฟารีดาชะงักเล็กน้อยตอนเขาเดินถือร่มมาหา
“ถือไว้เถอะ” ก็เลยต้องรับร่มมาถือไว้โดยปริยาย
“นุ่มรออยู่ตรงนี้ ไม่ต้องเข้าไปหรอก เอาไว้เดี๋ยวให้มันเรียบร้อยกว่านี้พี่พาไปตรวจงานเองเลย” เขาพูดยิ้มๆ ให้เธอยืนรอใต้ร่มไม้ ฟารีดาไม่มีข้อโต้แย้งเหมือนกัน มองคนที่เดินหายเข้าไปในบ้านที่กำลังก่อสร้าง หญิงสาวยิ้มจางๆ ออกมา รู้สึกว่าบริษัทนี้ใส่ใจลูกค้าทุกรายละเอียดดีจริงๆ
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นพอชะเง้อมองอยู่ไกลๆ ได้ไม่ถึงสิบนาทีก็รู้สึกจะนานเกินไป ฟารีดาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านที่เพิ่งก่อร่างสร้างโครง พยายามเดินหลบเศษเหล็กเศษปูน พอเงยหน้าแล้วเห็นธนดลมองมาก็ยิ้มให้เขา เจ้าตัวก็เดินออกมาหา
“นุ่ม ระวัง!” เสียงที่ดังพอสมควรทำให้เธอนิ่งงันด้วยความสงสัย พยายามมองหาสิ่งที่ให้ระวังแต่ธนดลก็ถึงตัวก่อน เขาดึงเธอหลบเศษกระเบื้องที่หล่นลงมา ร่มในมือเธอก็หล่นด้วยความตกใจ ร่างหนาดึงเธอแนบตัว ใบหน้าเธอแทบจะจมไปกับอกกว้าง หัวใจเธอเต้นตึกตัก เปลี่ยนจังหวะจากตื่นเต้นเป็นอีกความรู้สึก กลิ่นของเขาติดจมูก ธนดลตัวโตกว่าเธอมากเหลือเกิน
ธนดลก้มมองศีรษะที่สูงถึงแค่อกเขา ยิ่งรู้สึกชัดว่าฟารีดาตัวเล็กมาก มากแบบที่คิดว่าเขาแทบจะกอดเธอหลอมรวมเข้ามาในร่างกายเขาได้เสียอย่างนั้น กลิ่นหอมผ่อนคลายที่เขาเริ่มติดที่ใกล้กว่าทุกครั้งทำให้เผลอสูดเข้าแรงๆ ดวงตากลมแป๋วที่เงยขึ้นสบยิ่งทำให้รู้สึกว่าอยากหลอมรวมเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งจริงๆ
“คุณครับ เป็นยังไงกันบ้าง” เสียงผู้รับเหมาที่ตะโกนมาทำให้ทั้งสองคนเพิ่งจะรู้สึกตัว ธนดลปล่อยคนตัวเล็กที่นุ่มนิ่มหนุบหนับไปเสียหมดออกจากตัวอย่างรู้สึกเสียดาย เจ้าตัวยิ้มแหยๆ กลบความเขิน ไม่กล้าสู้สายตา เป็นอาการที่ยิ่งทำให้เขารู้สึกมากขึ้นไปอีก...บ้าจริง เขาไม่ควรคิดสัปดนกับน้องได้ขนาดนี้
“เลือดออกเลยคุณฟรองซ์ ผมขอดูว่าแผลใหญ่ไหม เฮ้ย มีน้ำเปล่าไหม” พอผู้รับเหมาบอกแบบนั้นถึงเพิ่งรู้สึกแสบที่หลัง ธนดลพยายามเอี้ยวมอง ฟารีดาก็เพิ่งจะหน้าซีดและมีสีหน้ากังวล
“พี่ฟรองซ์เจ็บมากไหมคะ ไปหาหมอไหม” เธอพูดเร็วกว่าปกติมาก
“ไม่ครับ” เขาตอบ ขณะที่ผู้รับเหมาช่วยเทน้ำสะอาดล้างแผลที่หลังให้
“โชคดีครับ แผลไม่ลึกมาก เดี๋ยวล้างล้ำสะอาดแล้วไปล้างแผล”
“นุ่มขอดูได้ไหมคะ” เธอเดินอ้อมไปดูแผลที่ว่าไม่กว้างมากนั้นด้วยความรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เล็กเลย เลือดออกเปื้อนเสื้อเขายิ่งทำให้รู้สึกเป็นกังวล
“พี่ฟรองซ์ไปล้างแผลที่บ้านเถอะค่ะ”
“พี่ว่า...” ไม่ทันจะได้ค้าน มือเล็กๆ นั้นก็จับแขนเขาเดินออกไป ธนดลกลายเป็นผู้ชายตัวโตที่ปลิวตามแรงฉุดของผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้อย่างง่ายดาย จนไปถึงรถฟารีดาก็ขอกุญแจจากเขา
“เดี๋ยวนุ่มขับค่ะ”
“ครับ” เขาก็ยอมให้เธอขับพาไปบ้านของศุภณัฐที่ใช้เวลายูเทิร์นไปไม่ถึงห้านาที พอลงจากรถเจ้าตัวก็ดูรีบๆ ตรงมาจูงแขนเขาเข้ามาในบ้านทันที ธนดลมองมือที่จับแขนเขาสองครั้งแล้วในวันนี้พลันรู้สึกว่ามือก็นุ่มมากเหมือนกัน
“พี่ฟรองซ์นั่งรอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวนุ่มไปหายาล้างแผล” เธอหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล นั่งบนโซฟาข้างๆ เขา ธนดลหันหลังให้อย่างรู้หน้าที่ เจ้าตัวใช้สำลีเช็ดๆ ที่แผลซึ่งเลือดยังไม่หยุดไหลดีนัก
“พี่ต้องถอดเสื้อไหมนุ่ม”
“ถอดก็ดีค่ะพี่ฟรองซ์ นุ่มดูไม่ชัด”
เขาก็จะถอดเสื้อให้เธอดูชัดๆ ไปเลย ความขาวแยงตาจากผิวที่อยู่ใต้ร่มผ้าทำให้คนที่มุ่งมั่นจะดูแผลให้เขาตาพร่าไปเหมือนกัน ธนดลผิวขาวมาก กล้ามเนื้อเขาดูแข็งแรง แม้จะไม่ใช่หุ่นแบบนักกีฬาที่กล้ามแน่นปึกแต่ก็หุ่นดีมากๆ เขาสูง หุ่นดี ไหล่กว้าง เอวสอบ...ตายจริงเธอมองต่ำมาถึงตรงนี้เลยเหรอ
“เลือดยังไม่หลุดไหลเลยค่ะพี่ฟรองซ์ ต้องไปหาหมอไหมเนี่ย” พอเธอบอกเขาก็เอี้ยวมองแผลตัวเอง แล้วก็ถือโอกาสมองเธอไปด้วย
“ไม่เป็นไรมากหรอกนุ่ม แผลเพิ่งเกิดมันก็ยังไม่หยุดไหลเป็นปกติ รบกวนนุ่มเอาสำลีกดๆ ไว้แป๊บเดียวก็หยุดแล้ว”
เธอกดสำลีไว้ที่แผลของเขาตามคำบอก รู้สึกมือจะสั่นๆ อย่างไรไม่รู้ ฟารีดาสูดสายใจลึก พยายามมองไปทางอื่นนอกจากหลังขาวๆ ของเขา พอรู้สึกว่าเลือดไม่ซึมเท่าไรแล้วจึงยกสำลีออก
“นุ่มเอาแอลกอฮอล์ล้างแผลให้เลยได้ไหมคะ”
“ขอบคุณครับ”
ฟารีดาใช้ก้อนสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบๆ บาดแผล พยายามให้เบาที่สุดเพราะเธอคิดว่ามันคงแสบดีทีเดียว
“แสบไหมคะ”
“นิดเดียวครับ” แอลกอฮอล์แสบ แต่ฟารีดามือเบา...และนุ่มมาก
“เพราะนุ่มแท้ๆ เลยพี่ฟรองซ์ต้องมาเจ็บตัว ไม่น่าดื้อเลย” หญิงสาวอายุยี่สิบแปดบ่นว่าตัวเองดื้อได้น่ารักทีเดียวในความรู้สึกของธนดล...แล้วเด็กดื้อต้องโดนอะไร บ้าไปแล้ว นี่เขาไปจำประโยคนี้มาจากไหนกัน
“ขอบคุณครับ” เขาขอบคุณแล้วขยับตัวหันกลับมายิ้มให้เมื่อเธอทำแผลให้เรียบร้อย ฟารีดาต้องพยายามไม่มองหน้าอกแน่นๆ และหัวนมสีชมพูของเขา จะบ้าตาย เห็นแค่ด้านหลังเลือดกำเดาก็จะไหลอยู่แล้ว นี่มาจ้องด้านหน้าเธอจะทนมองอยู่อย่างไรไหว
“เอ่อ พี่ฟรองซ์อยากได้เสื้อไหมคะ เดี่ยวนุ่มลองไปดูเสื้อนกให้ เสื้อพี่ฟรองซ์ไม่น่าจะใส่ได้แล้ว มันเปื้อน”
“ออ รบกวนนุ่มด้วย” เขาก็พอจะรู้ว่าฟารีดาคงจะเขินที่เขามานั่งแก้ผ้าต่อหน้าเธอ แต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะลุกไปไหนพี่ชายเธอก็โผล่เข้ามาเสียก่อน ศุภณัฐชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนตัวเองถอดเสื้ออยู่กับน้องสาวสองต่อสอง แม้จะไม่ได้คิดอะไรอกุศล แต่ก็รีบทำตาโตตกใจ
“เฮ้ย นี่สองคนทำอะไรกัน ไอ้ฟรองซ์มึงทำอะไรน้องสาวกู” ซึ่งอาการที่โอเวอร์แอคติ้งนั้นก็ทำให้เพื่อนส่ายหน้าระอา ส่วนคนน้องแม้จะรู้ว่าพี่แกล้งแต่ก็ทั้งโมโหทั้งเขิน
“นุ่ม เธอเสียท่ามันแล้วใช่ไหม ต้องบอกแม่ เฮ้ย” หมอนที่อีกฝ่ายปาใส่เต็มแรงทำให้หลบเกือบไม่ทัน ธนดลหันไปมองคนที่นั่งหน้างอข้างๆ ก็ปรามเพื่อน
“มึงหยุดแซวน้องเลยไอ้นก ขึ้นไปหาเสื้อมาให้กูใส่หน่อย”
“เผื่อกูจับมึงเป็นน้องเขยได้เนอะ” ตอนนี้นอกจากแม่ๆ ของพวกเขาแล้ว ศุภณัฐก็เป็นอีกคนที่ชอบแซวทั้งคู่ แต่ก็ไม่กล้าแซวบ่อย กลัวไก่จะตื่นก่อน แต่มีโอกาสเหมาะแบบนี้ต้องรีบ
“เออๆ ไม่ต้องมองแรงขนาดนั้น แล้วเนี่ยตกลงไปทำอะไรกันถึงได้ถอดเสื้อ” เขามองเห็นกล่องปฐมพยาบาลก็พอจะเดาได้
“เศษกระเบื้องหล่นใส่หลังน่ะ นุ่มเลยทำแผลให้”
“เออ กูขึ้นไปหาเสื้อมาให้ใส่ อยู่กันดีๆ ล่ะ” ประโยคสุดท้ายก็ไม่วายส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนกับน้อง กลายเป็นว่าฟารีดาต้องนั่งหน้าแดงข่มความเขินอยู่กับธนดลต่อไปอีก จนกว่าพี่ชายจะลงมา นี่ไม่รู้ทำไมหาเสื้อนานจัง