มารยาแรกเริ่ม (บทนำ)
บทนำ
โรงแรมกาสเตอร์
อาฟารีเดินกึ่งวิ่งออกมาจากโรงแรมเพื่อมารอเพื่อนรักมารับไปรับประทานอาหารที่บ้านของแฟนสาว คิดๆ แล้วก็รู้สึกเคืองเพื่อนอยู่นิดๆ ที่ปล่อยให้เธออยู่โรงแรมตามลำพังคอยจัดการเรื่องสาวๆ ให้ แต่ตัวเองกับอยู่กับคนรักสบายใจ แต่มาคิดดูอีกทีมันก็เป็นความผิดของเธอส่วนหนึ่งที่เล่นอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกของแพททีเซียจนเธอต้องบินหนีกลับบ้านเพราะความเข้าใจผิดที่เธอคิดสนุกจงใจแกล้งทั้งสองแล้วเป็นยังไงล่ะ เธอต้องมารับผิดชอบในการกระทำของเธอเอง โดยการจัดการกับผู้หญิงคนอื่นของนัฐริทธิ์ แล้วต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนรักเข้าใจกันกับแพททีเซีย ไปทานข้าวที่บ้านของแพททีเซียคราวนี้เธอจะอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้แพททีเซียฟังทั้งสองจะได้เข้าใจกันเสียทีหญิงสาวเดินไปเดินมาอยู่หน้าโรงแรมพลางชะเง้อ มองหาเพื่อนรัก หิวก็หิว แล้วจู่ๆ ก็มีรถคาดิแลคสีดำคันโตเลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้าเธอพร้อมกับประตูหลังเปิดออกตามด้วยใครบางคนที่ส่งเสียงเรียกเธอ
“ขึ้นรถสิ”
เสียงเข้มๆ ดังออกมาทำให้เธอขมวดคิ้วก่อนจะก้มลงไปมอง เมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ด้านในอาฟารีก็เบ้ปากใส่ทันทีก่อนจะเดินหนีไปยืนรอเพื่อนอีกด้านหนึ่ง การกระทำของเธอสร้างความไม่พอใจให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เขาสบถออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดอยู่สองสามคำ ก่อนจะก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าที่แสนจะเฉยชา เขาเดินตรงไปยังหญิงสาวที่ยืนกอดอกรอเพื่อนรักอยู่
“บอกให้ขึ้นรถไม่ได้ยินหรือไง”
เสียงเข้มดุพูดกับเธอเป็นภาษาอังกฤษ แต่อาฟารีกลับเฉยทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินที่เขาเรียก เทียร์รีขบกรามแน่น มองหญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไฟคุกรุ่น
“ดี ไม่ขึ้นก็อย่าหวังว่าเพื่อนรักของเธอจะได้สมหวังกับน้องสาวฉัน และทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะเธอ”
พูดเสร็จเขาก็เดินจ้ำอ้าวๆ ไปที่รถ ปล่อยให้อาฟารีหันมามองเขาตาโต อ้าปากค้าง
“อีตาบ้า นี่นายขู่ฉันหรอฮ้า”
หญิงสาวตะโกนว่าตามหลัง ชายหนุ่มหยุดซะงักครู่หนึ่งก่อนจะเดินตรงไปยังรถคันใหญ่ของเขาทันทีโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอ เมื่อเห็นว่าเขาเอาจริงอาฟารีก็รีบวิ่งตามเขาทันทีหญิงสาววิ่งขึ้นรถคันโตที่เปิดประตูไว้รอและด้วยความเร่งรีบทำให้เธอถึงกับเสียหลัก เข้าไปซบอยู่กับอกเขาเฉยเลย
“ว๊าย.....ตุ๊บ”
หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยท่าทางตกใจ แต่แล้วภาพที่เธอเห็นมันช่างสร้างความหมั่นไส้แก่เธอยิ่งนักใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร เรียบเฉย ไร้ความรู้สึก แค่สายตาของเขาจะมองมายังเธอซักนิดก็ไม่มี เขามองตรงไปยังด้านหน้านิ่งเสียจนเธออึดอัดอาฟารีค่อยๆ ขยับตัวที่เกยทับเขาแทบทั้งตัวออกช้าๆ รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ชักหวาดๆ กับท่าทางเงียบๆ แบบนี้ของเขาขึ้นมา
“ออกรถได้แล้ว”
ประตูรถถูกปิดก่อนที่รถคันโตจะค่อยๆ เลื่อนออกไปช้าๆ หญิงสาวขยับตัวออกห่างเขาสะบัดหน้าไปนอกกระจกพลางบ่นอุบอิบของเธอไปเรื่อยๆ เป็นภาษาไทยที่เธอคิดว่าเขาฟังไม่ออก
“ไอ้เราก็คิดว่าจะมาง้อเหมือนพระเอกนางเอกในละครเสียอีก ถ้าไม่ขึ้นรถล่ะก็จะอุ้ม คิดว่าจะแกล้งให้อุ้มซะหน่อยเชอะคนอะไรเฉยชาไร้ความรู้สึก นี่ถ้าไม่หล่อละก็คนอย่างอาฟารีไม่สนหรอก”
ชายหนุ่มแทบจะปล่อยก๊ากออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ผู้หญิงอะไรคงคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกสินะ คิดอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรออกมาทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องที่เธอพูด พลางคิดในใจอย่างเข้าตัวเองซักหน่อย “เธอชอบฉันแล้วล่ะสินะอาฟารี” แล้วความอยากแกล้งหญิงสาวก็บังเกิดขึ้น
“ที่เธอพูดมาทั้งหมดน่ะจริงเหรออาฟารี”
คำถามของเขาทำเอาคนที่กำลังบ่นเพลินๆ ถึงกับเผลอรับออกมา
“ก็จริงน่ะสิ ไม่จริงจะพูดทำไม เอ๊ะ...นะ..นี่...คุณ”
แล้วเธอก็ต้องหน้าเหวอแก้มสีชมพูระเรือเปลี่ยนเป็นแดงแปร๊ดในพริบตา อย่าบอกนะว่าอีตานี่ฟังภาษาไทยออก คราวนี้เทียร์รีถึงกับทำเสียงขลุกขลักในลำคอก่อนจะแสร้งกระแอมเบาๆ
“ฮะแฮม...ก็ดีนะ น้องสาวฉันจะได้ไม่ต้องคิดมาก”
คราวนี้อาฟารีถึงกับเหวอหนักเขาไปอีกสมองน้อยๆ ของเธอเร่งรีบทำงานอย่างหนักเพื่อทบทวนคำพูดของเขาอีกครั้ง.
“คุณ....หมายความว่ายังไง....ฉัน....ฉัน หมายถึงเรื่องอะไรอ่ะ”
ชายหนุ่มแสร้งตีหน้าขรึมเข้าใส่เธอ
“อ้าวก็เธอบอกว่าเป็นแค่เพื่อนของนายนัฐริทธิ์ไม่จริงหรือไง”
อาฟารีถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกที่แท้ก็เรื่องนั้นเอง
“ก็จริงน่ะสิ แค่เพื่อนกัน เนี้ยฉันตามนายนัทมาก็เพราะจะมาช่วยอธิบายให้น้องสาวนายฟังนั่นแหล่ะ แต่ก็มาเจอก้างชิ้นโตเสียก่อน”
ท้ายประโยคยังไม่วายแขวะเขาอีกจนได้ แต่เขาก็ยังคงนั่งนิ่งใบหน้าเรียบเฉย
“แล้วเธอมีแฟนหรือยัง” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมา
“เรื่องของฉันนายมายุ่งอะไรด้วย เรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกัน”
เออแนะนี้เขาถามดีๆ แล้วนะเจ้าหล่อนยังจะมาเล่นคำ
“สงสัยจะยังสินะ มิน่าล่ะ”
เสียงเรียบๆ ของเขาสร้างความโมโหให้กับเธอทันที
“มิน่าอะไรพูดให้ดีๆ นะ”
เธอหันมาแว๊ดๆ ใส่เขาแต่ชายหนุ่มกลับยกไหล่แล้วหลับตาหนีเสียดื้อๆ สร้างความขัดใจแก่หญิงสาวยิ่งนักไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อน
“บอกมาดี๋ยวนี้เลยนะ มิน่าอะไร
“.......” เขายังเงียบ
“นี่นาย..นาย.. บอกมานะ มิน่าอะไร....”
หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้แล้วเขย่าแขนเขาและเมื่อเขายังเฉยเธอทุบที่อกเขาอย่างแรง จนชายหนุ่มชักจะทนไม่ไหวเขาลืมตาขึ้นกระชากทีเดียวเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างง่ายดาย อาฟารีเงยหน้าขึ้นเพื่อจะต่อว่าเขา แล้วจู่ๆ เสียงเธอก็เงียบหายไปในลำคอหญิงสาวเบิกตากว้างก่อนที่จะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงของเธอมันหายไปไหนหมดเพียงแค่เขาจูบเธอ เทียร์รีจูบเธออย่างที่เขาอยากจูบ กอดเธออย่างที่เขาอยากกอดฝ่ามือใหญ่ของเขาตรึงท้ายทอยเธอเอาไว้แน่นพร้อมกับระดมจูบปากเธออย่างเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเธอแทบหายใจไม่ออก
อีกสามนาทีต่อมาเมื่อเขาปล่อยเธอเป็นอิสระแล้ว หญิงสาวก็ขยับตัวออกห่างเขาทันที ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำไปจนถึงใบหูแต่เทียร์รีไม่ยอม เขากลับดึงเธอทีเดียวให้กลับมาอยู่ในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง พร้อมกับกระซิบขู่เธอด้วยน้ำเสียงต่ำพร่า
“อยู่เฉยๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะเจอมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า หรือว่าเธอติดใจอยากจะลองอีกก็ได้นะ สำหรับฉันไม่มีปัญหา”
อาฟารีนิ่งอยู่กับอกเขาไม่กล้าขยับอีกแต่เธอก็ยังไม่วายแอบหยิกเขาไปสองทีแรงๆ เขาตอบกลับโดยการแกล้งรัดเธอแน่นขึ้น จนเธอแทบหายใจไม่ออก
“เจ็บนะคนบ้า”
เสียงเล็กๆ ของเธออู้อี้อยู่กับอกเขา เทียร์รีจึงค่อยคลายอ้อมแขนเขา
“ถ้าขืนเธอยังรังแกฉันอีกล่ะก็ ฉันจะรัดเธอให้กระดูกหักคาอกฉันเลยคอยดู”
ชายหนุ่มกระซิบเสียงรอดฟัน ยายแสบนี่มือหนักซะมัดเลย หยิกมาได้ที่อกเขาไม่รู้ว่าจะมีรอยเล็บของเธอติดหน้าอกเขาหรือเปล่ารู้แต่ว่ามันรู้สึกแสบๆ พิกล อาฟารีไม่กล้ากับเขาอีกเธอเอาแต่นั่งนิ่งๆ ซบหน้าอยู่แนบอกเขาจะกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที
“เธออยากช่วยให้เพื่อนรักของเธอกับน้องสาวฉันดีกันไหม”
ชายหนุ่มถามขึ้นก่อนจะคลายอ้อมแขนออกจากร่างนุ่มนิ่มของเธอเล็กน้อย อาฟารีมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจแต่เธอก็พยักหน้ารับ
“ใช่..ก็มันเป็นเพราะฉันนี่ถึงทำให้น้องสาวคุณหนีมา”
“ถ้าเธอยอมมาถ่ายโฆษณาสินค้าตัวใหม่ให้ฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่ขัดขวางทางรักของพวกเขาแต่ถ้าไม่ ฉันจะพาน้องแพมหนีจากเพื่อนรักของเธอจนสุดขอบฟ้าเลยทีเดียว และความผิดในครั้งนี้ก็เป็นเพราะเธอ อาฟารี”
หญิงสาวมองใบหน้าของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อทำไมมันง่ายอย่างนี้ล่ะ โธ่ก็อีแค่ถ่ายโฆษณาแค่นี้ ของถนัดเธอเลย ทำไมจะทำไม่ได้ หญิงสาวยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่มทันที
“ตกลง คุณสัญญาแล้วนะ”
หญิงสาวส่งนิ้วก้อยให้ชายหนุ่มเกี่ยวเป็นเชิงสัญญาซึ่ งเขาเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย เทียร์รีตาพร่าไปกับรอยยิ้มอันสดใสของเธอก่อนที่จะสะบัดศีรษะแรงๆ เรียกสติตัวเองให้กลับมา หญิงสาวอมยิ้มก่อนจะออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี “อยากได้เค้าไปถ่ายโฆษณาก็ไม่บอก คิกๆ”
..