ตอนที่ 4 : หลักฐานชัดเจน
ห้องกิจการนักศึกษา
แก๊งรุ่นพี่ปีสี่เดินนำหน้าแก๊งปีสาม และตามมาด้วยแก๊งปีหนึ่ง เข้ามาในห้องกิจการนักศึกษา โดยที่ฟินิกซ์ โอโซน และพอร์ชยืนรออยู่อีกมุมหนึ่งให้ดีเซลจัดการเพียงคนเดียว รวมถึงคนอื่นด้วยยกเว้นแต่หัวโจกของแก๊งที่จะได้เคลียร์กันตัวต่อตัว
"ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงอาหารช่วงเที่ยงหน่อย"
"ได้ครับ"
คนที่เฝ้าดูความเรียบร้อยของกล้องวงจรปิดในมหา'ลัยทำตามคำสั่งของดีเซล และเปิดภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดให้ทุกคนได้เห็น ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่การที่หัวหน้านักศึกษาคณะวิศวะเข้ามาขอดูภาพกล้องวงจรปิดคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
ชิลินมองภาพจากกล้องวงจรปิดและยกยิ้มมุมปากชอบใจ เธอมั่นใจว่าตัวเองถูก และเป็นคนวางกระเป๋าก่อนตามที่บอกไปตั้งแต่แรก ทำให้สายตาชำเลืองมองคู่อริรุ่นพี่ปีสามที่กำลังทำสีหน้าไม่สู้ดีกระอักกระอ่วน คงรู้ว่าตัวเองผิด
ดวงตากลมโตปรายตามองชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเบือนหน้าไปทางภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า
...ถึงแม้จะปากไม่ดีแต่เขาก็ยังค้นหาความถูกต้อง ค่อยเหมาะกับคำว่ารุ่นพี่หน่อย
"ขอโทษซะ"
"คะ?" ชิลินแสดงสีหน้าแปลกใจเพราะตอนที่พี่ดีเซลพูดหันมาทางเธอราวกับเธอคือผิด สายตาคู่นั้นมองเธอไม่วางตา
"พี่ดีเซลเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าคนที่ผิดคือน้องชิลิน"
ยัยนี่พกความมั่นใจมาจากไหน ทั้งที่ภาพมันฟ้องชัดเจนว่าตัวเองมาทีหลังแถมยังมาหาเรื่องเธอก่อน
"ฉันเห็นว่าใครผิด...ขอโทษน้องปีหนึ่งเดี๋ยวนี้" ดีเซลปรายตามองรุ่นน้องปีสามและหันมาประสานกับดวงตากลมโตที่ทำตาปริบ ๆ อยู่ตรงหน้า
"ขอโทษ"
"อะไรนะคะ ชิลินไม่ได้ยิน ตอนด่าที่โรงอาหารดังกว่านี้อีกนะ"
"ขอโทษ" รุ่นพี่ปีสามกัดฟันและเอ่ยคำขอโทษออกมาแบบที่ไม่เต็มใจ
"ถึงจะฟังดูไม่เต็มใจแต่รับไว้ก็ได้ค่ะ ขอตัวนะคะ หิวข้าว" ชิลินมองพี่ดีเซลและมองรุ่นพี่ปีสามด้วยสายตาไม่ชอบหน้าอย่างเปิดเผย ก่อนจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่รออยู่
สาวสวยปีสามเดินกระฟัดกระเฟียดไปพร้อมกับเพื่อน ตามหลังกลุ่มของชิลินออกไป เพราะไม่กล้าที่จะเถียงอะไรอีกด้วยที่หลักฐานชัดขนาดนั้น
"ปวดประสาทตั้งแต่วันแรก" ดีเซลส่ายหัวไปมาเล็กน้อยกับส่ิงที่ต้องเคลียร์ ถึงแม้เขาจะเหมือนคนไม่สนใจโลกแต่ก็ให้ความสำคัญกับความถูกต้อง
และไม่คิดพิศวาสเด็กนั่น ถ้าเกิดเปิดภาพวงจรปิดขึ้นมาแล้วเด็กปีหนึ่งทำความผิด เขาก็จะให้ขอโทษเช่นกัน
"เด็กปีหนึ่งคนนี้แสบไม่เบา" ฟีนิกซ์ชอบใจในความก๋ากั่นของแก๊งเด็กปีหนึ่ง
"ดูทรงแล้วไม่ใช่คนที่นี่ซะด้วยสิ" พอร์ชพูดเสริม
"จะคนที่ไหนก็ชั่ง กูก็อยากรู้ว่าจะแน่สักแค่ไหนเหมือนกัน" ดีเซลยกยิ้มมุมปากเพราะการรับน้องไม่ใช่แค่ปากเก่ง แต่ต้องใช้ความอดทน คนที่ปากเก่งสุดท้ายก็ร้องไห้กันทุกรายกว่าจะรับน้องจบ
ช่วงเย็นของวัน หลังจากเลิกกิจกรรมรับน้อง
แก๊งสี่สาวปีหนึ่งเดินกลับออกมาจากใต้อาคารพร้อมกัน เพราะวันนี้มีนัดกันว่าจะไปตลาดใกล้ ๆ กับมหา'ลัย รุ่นพี่ในคณะบอกมาอีกทีว่ามีทั้งของถูกและของอร่อย จุดรวมพลนักศึกษาหลังเลิกเรียน
"ดีหน่อยช่วงบ่ายยังไม่มีอะไรมาก สอนเต้น สอนร้องเพลง ก็สนุกไปอีกแบบ"
"อืม ก็จริง แต่พรุ่งนี้คงโดนหนักแน่ รุ่นพี่ให้เตรียมเสื้อดำกางเกงวอร์มมาเปลี่ยนด้วย"
"พรุ่งนี้ก็ส่วนพรุ่งนี้ ตอนนี้หิวแล้ว อยากรู้ว่าตลาดใกล้มหา'ลัยเป็นแบบไหน" ชิลินไม่ได้สนใจเรื่องอื่น แต่ใจจดจ่อกับการเดินตลาด และรู้สึกตื่นเต้นจนใบหน้าหวานแสดงอาการออกมา
"ทำเหมือนไม่เคยเดินตลาดอย่างนั้นแหละ" พราวถามเพื่อนสาวเพราะเห็นสีหน้าและแววตาตื่นเต้น
"ก็ใช่น่ะสิ อารมณ์แบบเพิ่งได้ออกจากกระดองอะไรประมาณนั้น มีแต่ห้างไม่ค่อยมีตลาด"
"ก็อย่างว่าเด็กกรุงเทพก็แบบนี้แหละ"
ชิลินระบายยิ้มและพยักหน้า ต่อให้เธอไม่ใช่ลูกสาวมาเฟียก็ไม่ค่อยได้เดินตลาดหรอก เพราะด้วยสังคมและการเป็นอยู่ของคนกรุงเทพต่างกับที่นี่อย่างสิ้นเชิง
ใช้เวลาไม่นานแก๊งสี่สาวก็เดินมาถึงตลาดตามที่รุ่นพี่แนะนำ ผู้คนมากมายต่างมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของกินของใช้ มีทั้งนักศึกษา นักเรียน และคนทำงาน ด้วยที่กว่ากิจกรรมรับน้องจะเลิกก็ห้าโมงเย็นแล้ว เป็นเวลาเลิกงานพอดีคนเลยเยอะ
"มีแต่ของน่ากิน" ของละลานตาทำให้แววตาของชิลินเป็นประกายแถมราคายังถูกมากจนน่าตกใจ หลงรักชีวิตมหา'ลัยที่แบบไม่ต้องมีใครคอยตาม คอยดูแลซะแล้วสิ
"โอ๊ะ นั่นพี่ดีเซลมากับสาวด้วย ดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่มอเราแต่น่าจะคณะอื่น"
ชิลินมองไปตามคำบอกกล่าวของเพื่อนสาว เห็นอย่างที่เพื่อนบอกแต่ไม่สนใจ สิ่งที่น่าสนใจคือของกิน
สองชั่วโมงผ่านไป
หญิงสาวร่างเล็กเดินเข้ามาที่คอนโดตัวเองข้าวของเต็มไม้เต็มมือ กว่าจะเลือกซื้อของที่ตลาด และรอรถสองแถวกลับคอนโดท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ถึงจะสนุกแต่ก็เหนื่อยใช่เล่น อาจเป็นเพราะวันนี้ทำกิจกรรมทั้งวันเสียพลังงานไปเยอะ แถมยังมีเรื่องกับรุ่นพี่อีกยิ่งปวดประสาท
เท้าเรียวเล็กเดินเข้าลิฟต์ที่กำลังจะปิด ทำให้เธอร้องเรียกคนที่อยู่ด้านในให้กดประตูลิฟต์รอเธอด้วย
"รอด้วยค่ะ"
ประตูลิฟต์ที่เกือบปิดไปถูกเปิดออกเมื่อเธอกดปุ่มด้านนอกไม่ใช่คนด้านในกดเปิดเพื่อให้เธอเข้า แต่ต้องชะงักไปเมื่อเจอรุ่นพี่ปีสี่กำลังยืนเคียงข้างกับผู้หญิง แต่แล้วคิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปมเพราะไม่ใช่คนที่เจอตอนที่อยู่ตลาดใกล้มหา'ลัย แถมเข็มที่ติดหน้าอกเสื้อนักศึกษายังไม่ใช่มหา'ลัยเดียวกันกับเธอ
...อย่าบอกนะว่าพี่ดีเซลขั้วเด็กในมหา'ลัยและนอกมหา'ลัย
"จะไปหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ไปก็ถอยออกไป" หญิงสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างดีเซลเอ่ยถามเด็กที่ขอไปด้วย
"อ่อ ๆ ไปค่ะ ขอบคุณค่ะ" ชิลินเดินเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างกับคนข้างหลังเพียงชั้นเดียว เขาอยู่ชั้นแปด ส่วนเธออยู่ชั้นเจ็ด แต่ก็ไม่คิดว่าโลกจะกลมจนมีรุ่นพี่ในคณะอยู่ในคอนโดเดียวกัน
ดีเซลมองเด็กสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เพราะไม่รู้จะเบนสายตาไปทางไหนด้วยที่ลิฟต์คับแคบทำให้มองตรงไปแต่ข้างหน้าก็เป็นรุ่นน้องในคณะ
"ทำไมวันนี้ถึงมารับฟ้าช้าละคะ"
"วันนี้ปล่อยเด็กรับน้องช้า เด็กมีปัญหาเยอะ"
"นึกว่าดีเซลจะไม่มารับฟ้าแล้ว"
ชิลินเหล่ตามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เพราะก่อนหน้านี้เธอเจอเขาที่ตลาดใกล้มหา‘ลัยกับผู้หญิงอีกคนคงมารับผู้หญิงคนนี้ช้า เลยเอาเรื่องรับน้องมาเป็นข้ออ้าง
ติ๊ง…
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นเป้าหมาย ทำให้ชิลินเดินออกไปทันที
ดีเซลมองคนตัวเล็กที่ก้าวเท้าออกจากลิฟต์ สายตาคมกริบมองเลขชั้นที่บ่งบอกว่าเธออยู่ชั้นอะไร
"สักวันรถไฟจะชนกันนะพี่ดีเซล หึหึ" ชิลินพูดกึ่งหัวเราะเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของตัวเอง อยู่ ๆ ก็มีเรื่องตลกให้ขำระหว่างที่ขึ้นลิฟต์
ติ้ด แกร่ก...
มือเรียวเล็กหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาแตะและบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตูเข้าห้องก่อนจะวางของที่ถือมา
ฟุบ
ร่างเล็กล้มตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว แผ่หลาแบบไร้เรี่ยวแรง
"ชีวิตนักศึกษาแค่วันเดียว เหมือนกับไปออกรบมาเลย"