"แต่ก่อนที่เราจะรวมกลุ่มทำกิจกรรมตามสี พี่มีเกมสนุกๆ ให้น้องๆ เล่นผ่อนคลายก่อน โดยเริ่มที่พี่จะให้น้องๆ จับคู่กันก่อนนะจ๊ะ พี่ขอแนะนำให้จับกับคนที่สีป้ายคล้องคอเหมือนกันน้าาา"
ได้ยินดังนั้นเราก็พากันลุกขึ้นยืนเพื่อจับคู่ ฉัน ผึ้ง และน้ำขิงเดินเข้าหากันด้วยสีหน้าคิดไม่ตก
"เอาไงดีอ่ะ พวกเราดันเป็นคี่"
"เดี๋ยวเราหาคู่เอง เธอสองคนคู่กันเลย"
ฉันเสียสละให้สองคนนั้นคู่กันไปเลย เพราะฉันรู้จักสองคนนั้นทีหลัง เลยอยากให้เกียรติคนรู้จักกันก่อนได้คู่กัน แม้สองคนนั้นจะทำสีหน้าดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็พยักหน้าตกลงให้ฉัน
"โอเคๆ"
ฉันหันมองซ้ายขวาก็เห็นคนพากันจับคู่กันได้หมดแล้ว อาจจะเพราะเลือกจับคู่กันจากคนที่นอนด้วยกันหรือไม่ก็ทำความรู้จักกันไปแล้ว เป็นงานยากสำหรับฉันเลย เพราะฉันดูไม่ออกว่าใครยังไม่มีคู่บ้าง ยิ่งต้องหาคนที่ป้ายคล้องคอสีส้มยิ่งยากเข้าไปใหญ่
ฉันถอยหลังเล็กน้อยเพราะจะหมุนตัวไปดูว่าคนข้างหลังใครที่ป้ายคล้องคอสีส้มและยังไม่มีคู่บ้าง ทว่าเท้าของฉันก็เหยียบเท้าใครบางคนเข้าแบบเต็มๆ
"อุ๊ย!..ขอโทษนะ" ฉันรีบยกเท้าออกและเอ่ยขอโทษไปอย่างรู้สึกผิด คนมันเยอะนี่นา ฉันเลยไม่ทันระวัง
เมื่อมองดีๆ ก็เห็นว่าเจ้าของเท้าที่ฉันเหยียบไปเต็มๆ คือคิมหันต์นี่เอง เขาอีกแล้วเหรอเนี่ย ทำไมฉันถึงมีประเด็นทำร้ายเขาตลอดเลย
ฉันยิ้มแหยให้เขาก่อนจะหันหน้าหนี แต่เอ๊ะ! เหมือนเขาจะยืนอยู่คนเดียวนี่นา แปลว่าเขาอาจจะยังไม่คู่ ฉันชวนเขามาคู่ด้วยดีไหมนะ แม้จะรู้สึกเขินๆ แต่ก็ยังดีกว่าไปคู่กับคนที่ยังไม่ชินหน้าค่าตาดี
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วหันไปอ้าปากเตรียมจะเอ่ยถามเขาออกไป ทว่าฉันก็ต้องรีบหุบปากทันทีทันใดเพราะโดนผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดชวนคิมหันต์ตัดหน้าฉันซะก่อน
"นายมีคู่รึยัง?"
"ไม่"
"คู่กับฉันไหม?"
"ไม่"
เขาตอบเสียงเรียบไปแบบไร้เยื่อใย ทำเอาเธอคนนั้นหน้าถอดสี ถามเขากลับไปอย่างไม่พอใจที่โดนปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า
"ทำไมอ่ะ!?"
เขาไม่ได้ตอบเธอไปทันที ปรายตามองฉันแบบนิ่งๆ ทำเอาฉันทำอะไรไม่ถูก เกาต้นคอตัวเองเบาๆ
"คู่กันไหม?"
คำชวนของเขาทำฉันอึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกชวน ทั้งๆ ที่ตัวเองตั้งใจจะชวนเขาแท้ๆ
"ว่าไง?"
เมื่อเห็นฉันอ้ำอึ้งก็ถามซ้ำ ฉันจึงพยักหน้าตอบรับคำชวนไปแบบเคอะเขิน แม้จะถูกสายตามองแรงจากเธอคนนั้น แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะฉันไม่ผิดสักหน่อย อารมณ์ฉันตอนนี้อยากจะตะโกนร้องเพลงนี้ดังๆ เลย
ฉันเปล่าน้าาา เขามาเอง~...ฉันเปล่าชวนน้าาา เขามาเอง~
เธอคนนั้นทำหน้าบึ้งก่อนจะเดินไปขอจับคู่กับคนอื่น ฉันจึงทำตาปริบๆ ให้คิมหันต์ แต่เขากลับทำหน้าเรียบเฉยดูไม่ทุกข์ร้อนเลยสักนิดเดียว
"น้องๆ จับคู่กันเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ?" เวลาผ่านไปสักพักพี่จุ๊บแจงก็พูดถามขึ้น
"ค่ะ/ครับ"
"มีใครยังไม่มีคู่บ้างคะ ยกมือเลยน้าา"
"......"
ทุกคนเงียบกริบและหันมองซ้ายขวาว่ามีใครที่ยกมือขึ้นไหม แต่ก็ไม่มีคนยกมือ พี่จุ๊บแจงจึงพูดสรุป
"โอเค ทุกคนมีคู่หมดแล้ว..ในเมื่อทุกคนมีคู่แล้ว พี่จะบอกว่าต่อไปนี้คู่ของน้องๆ จะคือบัดดี้ในค่าย บัดดี้จะต้องดูแลซึ่งกันและกัน ห้ามทิ้งบัดดี้ของตัวเองเด็ดขาดนะจ๊ะ"
ฉันเหล่ตามองคิมหันต์เล็กน้อย ไม่คิดว่าเราจะกลายเป็นบัดดี้กันซะได้ นึกว่าจะแค่จับคู่ทำกิจกรรมซะอีก แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะฉันชอบ กรี๊ดๆๆ (กรี๊ดในใจ)
จะว่าไปเขาก็สูงเหมือนกันนะ สูงกว่าฉันประมาณยี่สิบเซนติเมตรน่าจะได้ หัวฉันอยู่ระดับไหล่เขาพอดี ได้มองเขาในมุมข้างแบบนี้ก็ทำหัวใจฉันวูบวาบแปลกๆ เหมือนกันแฮะ
เขาเหมือนจะรู้ว่าโดนฉันแอบมองก็หันมามอง แต่ฉันก็รีบเบือนหน้าหนีด้วยความไวแสงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จะให้โดนจับได้ว่าแอบมองเขาไม่ได้!
"เกมที่พี่จะพาเล่นชื่อว่าเกม 'กระต่ายสามขากระทืบโป่ง' จ้า โดยพี่จะผูกขาน้องๆ กับบัดดี้ติดกัน คู่ของน้องๆ จะมีลูกโป่งคู่ละ 2 ลูกติดอยู่ที่ขาที่ไม่ถูกผูก น้องๆ จะต้องไปกระทืบลูกโป่งของคู่อื่นและต้องรักษาลูกโป่งเอาไว้ไม่ให้ถูกคู่อื่นกระทืบด้วย คู่ไหนที่แข็งแกร่งที่สุดและเหลือลูกโป่งเป็นคู่สุดท้ายจะเป็นผู้ชนะจ้า"
ได้ยินดังนั้นพวกเราก็พากันตื่นเต้น ฉันว่ามันต้องสนุกมากแน่ๆ เพราะฉันได้เล่นกับคิมหันต์ไง ได้ใกล้ชิดเขาแบบสุดๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว คิกๆๆๆ
"เราจะแข่งกัน 4 รอบ รอบละ 10 คู่ 4 คู่ ที่เป็นผู้ชนะในแต่ละรอบ จะเป็นตัวแทนมาแข่งรอบสุดท้ายเพื่อหาผู้ชนะของผู้ชนะ พี่บอกเลยว่าผู้ชนะจะมีรางวัลใหญ่ให้ด้วยน้าา"
ได้ยินดังนั้นก็ทำฉันดวงตาลุกวาวกระหายชัยชนะ อยากรู้จังว่าของรางวัลใหญ่ที่ว่ามันคืออะไร ถ้าได้คงจะดี
คิดได้ดังนั้นฉันก็หันมองคิมหันต์เพื่อฝากความหวังไว้ที่เขา ทว่าเขากลับทำหน้าเซ็งเหมือนไม่อยากเล่นเกมนี้สักเท่าไหร่ ทำเอาความหวังของฉันลอยหายไปกับตา
เวลาผ่านไปหลายนาที การแข่งขันก็เสร็จไป 3 รอบแล้ว โดยคู่ฉันกับคิมหันต์ได้แข่งเป็นรอบที่ 4 หรือรอบสุดท้ายนั่นแหละ พร้อมกับคู่ของผึ้งและน้ำขิงด้วย
"...ได้ผู้ชนะรอบที่ 3 เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นรอบสุดท้ายจ้าา ขอเชิญน้องๆ ที่เหลืออีก 10 คู่ออกมาเตรียมตัวเลยจ้า"
ได้ยินเสียงเรียก ฉันก็ลุกขึ้นเดินออกมาพร้อมกับคิมหันต์ ผึ้ง และน้ำขิง
"เดี๋ยวพี่ผูกเชือกมัดขาติดกันให้นะคะ"
พี่สตาฟเอ่ยบอกฉันกับคิมหันต์พร้อมถือเชือกเตรียมมัดขาให้เราสองคน เราจึงพยักหน้าตอบพี่สตาฟไป
"ยืนชิดขากันหน่อยจ้ะ"
ฉันกระดึ๊บๆ เข้าไปใกล้คิมหันต์ เพื่อเอาขาไปติดกับขาเขา ส่วนเขาก็เบือนหน้าหนีหันมองทางอื่น
เมื่อพี่สตาฟผูกขาให้เราติดกันและเอาลูกโป่งใส่ขาที่ไม่ได้ผูกเสร็จแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ก็เลยเก้ๆ กังๆ ไม่รู้ว่าควรเอามือไปไว้ตรงไหนดี แล้วฉันก็ไม่กล้าโอบคิมหันต์ก่อนด้วย ทำไมฉันถึงรู้สึกเขินจังเลยนะ ><
"เดี๋ยวน้องๆ เดินเข้ามาในสนามแข่งเลยจ้าา"
เสียงพี่จุ๊บแจงเอ่ยเรียกให้เขาไปตรงลานที่ใช้แข่ง ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงก็หันมองหน้าคิมหันต์เป็นเชิงถามเขาว่าต้องเดินยังไง เพราะเราต้องเดินประสานกัน ไม่อย่างนั้นได้พากันล้มหัวทิ่มพื้นแน่ๆ แต่เขากลับยืนนิ่งไม่ยอมทำอะไรสักอย่างหรือพูดกับฉันเลย
ฉันถอนหายใจเบาๆ มองดูคู่อื่นๆ ก็เห็นว่าพากันจับมือ โอบไหล่ โอบเอวกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นคู่หญิงหญิง หรือไม่ก็คู่ชายชาย ไม่ค่อยมีคู่ชายหญิงเหมือนคู่ฉันเท่าไหร่ ถึงเป็นคู่ชายหญิงเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ไม่ถือสาและจับมือกันเดินไปได้ ตัดมาที่ฉัน คู่กับหนุ่มฮอตจะทำอะไรก็ต้องคิดดีๆ เพราะอาจโดนประณามทางสายตาได้
"มาเร็วจ้าน้องๆ คู่นั้น เพื่อนๆ มากันครบหมดแล้ว"
พี่จุ๊บแจงกวักมือเรียกเราสองคน ฉันจึงหันไปมองหน้าคิมหันต์อีกครั้ง
"เอายัง..."
ฉันไม่ทันที่ฉันจะพูดถามจบประโยค คิมหันต์ก็โอบไหล่ฉันและดึงให้ชิดกับตัวเขา ทำเอาฉันชะงักอ้าปากค้างอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ก้าวขาที่ไม่ได้มัดก่อน" เขาพูดบอกฉัน ฉันจึงพยักหน้ารับ
"ก้าว"
ได้ยินเขาพูดส่งสัญญาณ ฉันก็ก้าวขาที่ไม่ได้ผูกก่อน เราสองคนค่อยๆ เดินและเข้ามาในลานแข่งรวมกับคู่อื่นๆ
"ก่อนเริ่มแข่ง พี่ขอสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันสักนิดนึงได้ไหมจ๊ะ โดยเฉพาะคู่นี้" พี่จุ๊บแจงพูดพลางเดินยิ้มมาใกล้คู่เรา
"น้องสุดหล่อชื่ออะไรจ๊ะ?" พูดถามก่อนจะเอาไมค์จ่อที่ปากคิมหันต์
"คิมหันต์ครับ"
"ชื่อหล่อเหมือนหน้าตาเลยจ้ะ..แล้วน้องล่ะจ้ะ?" พี่จุ๊บแจงยื่นไมค์มาถามฉันบ้าง
"แครอทค่ะ"
"เป็นคู่ที่น่ารักมากเลย..คิดว่าคู่ของน้องจะชนะรึเปล่าจ้ะ?"
"จะแข่งให้เต็มที่ค่ะ ไม่ชนะก็ไม่เป็นไร"
"โอเคจ้ะ สู้ๆ น้า ไปถามคู่อื่นบ้างดีกว่า"
พี่จุ๊บแจงเดินไปสัมภาษณ์อีกสองคู่ ก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น โดยฉันพยายามทรงตัวดีๆ และทำตามที่คิมหันต์พูดสั่ง
โป้ง! (เสียงลูกโป่งแตก)
โป้ง!
คิมหันต์ทำหน้าที่กระทืบลูกโป่งของคู่อื่นๆ จนแตกไปหลายลูก ส่วนฉันก็มีหน้าที่ปกป้องลูกโป่งของตัวเองไว้สุดชีวิต ถ้าเห็นคู่ไหนกำลังเผลอและอยู่ใกล้ ฉันก็ฉวยโอกาสกระทืบแตกไปด้วย
โป้ง!
"อ๊ายยย!"
โป้ง!
"ว๊ายยยย!"
โป้ง!
ทั้งเสียงลูกโป่งและเสียงกรี๊ดกร๊าดดังสอดประสานกัน มีผู้ตกรอบที่ลูกโป่งแตกหมดไปแล้ว 6 คู่ ตอนนี้จึงเหลือแค่คู่ฉันที่เหลือลูกโป่งครบ 2 ลูก คู่ผึ้งกับน้ำขิง และอีก 2 คู่ที่ดูโหดใช่ย่อย โดยทั้ง 3 คู่นั้นเหลือลูกโป่งกันคู่ละ 1 ลูก และเป้าหมายของฉันก็คือลูกโป่งที่ติดอยู่ที่ขาของน้ำขิง ฉันต้องกระทืบมันแตกให้ได้
ฉันมองจ้องตาผึ้งกับน้ำขิง ตอนนี้คู่ฉันกับคิมหันต์ได้เปรียบเพราะอยู่ริมสุด สองคนนั้นตั้งท่าป้องกันเต็มที่เพราะกลัวคู่ฉันจู่โจมพลางระแวงอีก 2 คู่ไปด้วย
"อย่านะ!"
คู่ผึ้งกับน้ำขิงหลบคู่หนึ่งที่พุ่งเข้ามาจู่โจม แต่หลบมาอยู่ใกล้ฉัน ฉันมองตาคิมหันต์แวบหนึ่งเป็นเชิงบอกเขา ก่อนจะอาศัยจังหวะที่น้ำขิงเผลอเข้าจู่โจมด้วย
"ว๊ายยย!"
จังหวะที่ฉันกำลังจะง้างขาเพื่อกระทืบลูกโป่งของน้ำขิง ฉันก็เสียหลักตัวเอนเหมือนจะหงายหลัง และขาที่ถูกมัดติดกับคิมหันต์ทำให้เขาเซมากับฉันด้วย ใจฉันกระตุกเฮือกหลับตาปี๋เตรียมใจว่าต้องเจ็บตัวแน่ๆ
พึ่บ!
เอวของฉันถูกโอบรัดไว้และถูกดึงเข้าหาร่างใหญ่กว่า ทำให้ตัวฉันกระแทกกับตัวคิมหันต์เต็มๆ รวมถึงใบหน้าของฉันด้วยที่กระแทกกับแผงอกของเขา
ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาคมกริบ การได้สบตากับเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกต้องมนต์สะกด มันลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก พาเอาหัวใจของฉันเต้นรัวเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...
เสียงหัวใจของฉันเต้นแรงจนเสียงดังกระหน่ำ การได้ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้ทำฉันเสียอาการ หายใจติดขัด แต่ทว่าก็รู้สึกดีไม่น้อยที่เขาช่วยฉันไว้ และฉันก็คิดว่ามันดูโรแมนติกด้วยเช่นกัน
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...
ฉันว่าไม่ใช่แค่เสียงหัวใจของฉันที่เต้นแรง แต่ฉันได้ยินเสียงหัวใจของคิมหันต์เต้นแรงด้วยเช่นกัน แต่มันน่าจะเต้นแรงด้วยสาเหตุที่ต่างกับฉัน เพราะฉันเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นที่ได้อยู่ใกล้เขา แต่เขาน่าจะเต้นแรงเพราะกลัวว่าฉันจะล้มหน้ากระแทกพื้นไปหากช่วยไว้ไม่ทัน