เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1
ตอนที่.4 โรงเรียนใหม่
โดย srikarin2489
รถติดยาวเหยียดขยับได้ทีละนิด ทำให้ลดามองแล้วอดจะถอนใจไม่ได้ ตอนยังอยู่นครราชสีมามีรถติดในชั่วโมงเร่งด่วนแต่ไม่เท่ากรุงเทพฯ เจอรถติดหนักตอนขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน ทำให้ลดาถึงกับเหนื่อยท้อใจ แต่ต้องกัดฟันสู้เพราะตัดสินใจมาอยู่ที่นี่แล้ว
ปาลิดาสอบเข้าเรียนชั้นม.4ได้ตามความต้องการของแม่ ต้องตื่นแต่เช้ามืดออกจากที่พักตั้งแต่ยังไม่สว่าง สองแม่ลูกต้องพยายามปรับตัวเข้ากับสภาพ แวดล้อมใหม่ ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด อาหารเช้าของลูกต้องซื้อจากร้านข้างทางเอา
“ฟางต้องกินอาหารเช้าบนรถนะลูก รถติดมากเหลือเกิน มันเร่งรีบไปหมดแม่ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ขอเวลาแม่หน่อย ต่อไปแม่คงเตรียมอาหารเช้าให้ฟางได้” ลดาลงไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง จากร้านรถเข็นข้างทางมาส่งให้ลูก
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ข้าวเหนียวหมูปิ้งนี่ก็อิ่มแล้ว” บอกพร้อมดึงไม้หมูปิ้งออกจากถุงที่แม่ซื้อมาให้ กัดกินตามด้วยข้าวเหนียวแม่ค้ากดให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมแบน ๆ อยู่ในถุง ดันออกจากปากถุงหน่อยหนึ่ง กัดกินได้เลยไม่ต้องถูกข้าวให้เปื้อนมือ
“อร่อยพอได้ค่ะแม่ แต่หมูหวานไปหน่อย ฟางไม่ชอบอาหารออกรสหวานมาก”
“รถติดมากเหลือเกิน เวลานี้ตอนอยู่โคราชฟางยังไม่ตื่นเลย อดทนหน่อยนะลูก”
“แม่ไม่ต้องห่วงฟางหรอกค่ะ แนนกับพี่เนตรเขากินอาหารเช้าบนรถเหมือนกัน เพื่อนบางคนบ้านอยู่ไกลต้องมาแต่งตัวในรถด้วยซ้ำ แม่เหนื่อยกว่าฟางต้องขับรถคอยรับส่ง”
จราจรติดขัดหนาแน่น ลดาต้องใช้สมาธิสูงในการขับรถ ในวันธรรมดาต้องตื่นแต่เช้ามืดทำอะไรแทบไม่ทัน ยังดีหน่อยปาลิดารู้หน้าที่ดูแลตัวเองได้ ลดาสอนให้ลูกรู้จักดูแลตัวเองในเรื่องส่วนตัวมาตั้งแต่เล็กแล้ว
ปาลิดาสวมเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลาย เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว เนคไทกับกระโปรงสีเดียวกัน ผมยาวถักเปียสองเส้นมัดด้วยริบบิ้นผ้าสีขาว หน้าตาสดใสแววตากระตือรือร้น ที่จะได้เจอบรรยากาศใหม่ๆ
“ฟางมาเรียนที่นี่ได้หลายวันแล้ว เป็นยังไงบ้างได้เพื่อนใหม่หรือยัง” ปากคุยกับลูกแต่สายตาคอยมองถนนตลอด ปฏิกิริยาต้องไว สติห้ามหลุดกับการขับรถ มือเท้าต้องสัมพันธ์กัน ลดาขับรถเก่งเพราะต้องขับรับส่งลูกเองตั้งแต่ลูกเข้าโรงเรียน
“แนนเขาเพื่อนเยอะค่ะแม่ เขาพาฟางไปรู้จักกับเพื่อนๆ เพื่อนแนนน่ารักทุกคน โรงเรียนใหม่ก็โอเคค่ะ”
ผู้เป็นแม่เอี้ยวหน้ามาดูแล้วยิ้มเอ็นดู กับเสียงเล่าเจื้อยแจ้วใสของลูกสาว ที่ยังคงเคี้ยวข้าวเหนียวหมูปิ้ง เสร็จแล้วตามด้วยน้ำและนมอีกกล่องอาหารเช้าง่ายๆ
“ฟางมาเรียนที่นี่ได้หลายวันแล้ว มีอยู่เรื่องหนึ่งฟางสงสัยมาก”
“อะไรหรือลูก” รถติดไม่ขยับลดาจึงหันไปถามลูกได้
“ตั้งแต่วันแรกที่ฟางมาเรียนที่นี่ ฟางได้ยินเขาคุยกันถึงคนคนหนึ่ง ได้ยินทุกวันวันละหลายครั้งด้วยค่ะ เดินไปทางไหนได้ยินแต่คนพูดถึงเขา”
“แล้วเขาคุยถึงใครล่ะ”
“เขาเรียกว่าพี่อิน ฟางได้ยินซื่อนี้ตั้งแต่วันแรก แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร”
“ทำไมไม่ถามแนนล่ะลูก แนนเรียนที่นี่มาตั้งแต่ชั้นป.1 แนนน่าจะรู้จัก เพราะเขาเป็นคนอัธยาศัยดีคุยเก่ง เรื่องพูดเก่งยกให้เขาเลย” ลดาพูดยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงหลานสาวของสามี ซึ่งอยู่ในวัยรุ่นราวคราวเดียวกับปาลิดา
“จริงด้วยสิคะ ฟางนึกไม่ออกเลยว่าต้องถามแนน” ลดายิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นลูกสาวทำท่าดีใจ คงสนใจอยากรู้ว่า”พี่อิน” คนนี้เป็นใคร แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
ตรงจุดที่ทางโรงเรียนจัดไว้สำหรับผู้ปกครอง ขับรถมาจอดเพื่อรับส่งบุตรหลาน รวมทั้งรถรับส่งนักเรียน รถหนาแน่นติดขัด เป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงม.6 จำนวนหลายพันคน บรรยากาศจึงดูวุ่นวายจอแจ พลุกพล่านเสียงดังกว่าปกติ พอมีรถมาจอดถ้าเป็นเด็กเล็กชั้นประถมต้น จะมีคุณครูมารับแล้วนำเข้าโรงเรียน เพราะต้องพาข้ามถนนก่อนเข้าโรงเรียน
“เย็นนี้แม่มารับช้านะ แม่ต้องไปคุยธุระเรื่องงาน”
“ค่ะ หวัดดีค่ะแม่” ปาลิดายกมือไหว้แม่ แล้วคว้ากระเป๋านักเรียนสีดำ เปิดประตูลงจากรถ
“ฟาง...ทางนี้” เสียงร้องเรียกทำให้ปาลิดาหันไปดู เห็นเพื่อนยืนรออยู่พร้อมพี่สาว ส่งยิ้มให้แล้วรีบเดินเข้าไปหา
“แนนกับพี่เนตรมาถึงนานหรือยัง”
“ก่อนฟางแป๊บหนึ่ง”
แนนหรือณิชมนเป็นทั้งเพื่อนและญาติ คอยดูแลช่วยเหลือ ทำให้ปาลิดา ปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่ได้เร็วขึ้น ณิชมนเรียนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ชั้นป.1 เห็นมีคนร้องทักทายด้วยเป็นระยะ แสดงให้รู้ว่าณิชมนคงเป็นที่รู้จักพอสมควร เจ้าตัวดูเป็นคนมีอัธยาศรัยดียิ้มแย้มทักทายตอบ ไม่เพียงกับเพื่อนกับคุณครูก็เป็นที่รู้จักด้วย
“เข้าไปข้างในกันเถ่อะ”
ณัชชาพยักหน้าบอกน้อง แล้วพากันเดินเข้าไปในโรงเรียน มีครูมาคอยดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวกให้ผู้ปกครองที่มาส่งบุตร หลาน ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน จะมีทั้งครูและนักเรียนชั้นมัธยมปลาย เป็นเวรในแต่ละวัน มาคอยดูแลรุ่นน้อง ๆ ด้วย คอยตักเตือนคนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผิดระเบียบของโรงเรียน
ณัชชากับณิชมนรูปร่างใกล้เคียงกับปาลิดา แต่ปาลิดาสูงกว่าเล็กน้อย สองพี่น้องสูง 162 ซม. ส่วนปาลิดาสูง 163 ซม.โดยเฉพาะณิชมนหน้าตาคล้ายปาลิดา รูปร่างผอมบางผิวพรรณดี ขาวสะอาดหน้าตาน่ารัก พูดเก่งอัธยาศัยดี ส่วนปาลิดาจะดูเงียบนิ่งกว่า ทั้งสามเดินคุยกันเข้าไปข้างในโรงเรียน ที่คลาคล่ำไปด้วยนักเรียน ปาลิดาได้ยินนักเรียนรุ่นสาวคุยกันถึงคนซื่อ “พี่อิน” เธอได้ยินคนคุยกันเรื่อง”พี่อิน”ทุกวันและวันละหลายครั้ง จนเกิดเป็นความสงสัยอยากรู้ว่าเป็นใคร ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึง และพูดถึงด้วยน้ำเสียงชื่นชอบไม่ใช่การนินทา
“แนน...ฟางถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่า” ณิชมนหันมามองหน้าเพื่อนรอฟัง
“ฟางมาเรียนที่นี่ได้หลายวันแล้ว ได้ยินคนคุยกันเรื่องพี่อินทุกวัน เขาเป็นใครเหรอ” คำถามของปาลิดาทำให้สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม
“ฟางถามอะไรผิดหรือคะพี่เนตร”
“เปล่า ฟางถามได้ถูกคนแล้ว แนนเขาเป็นFc.เบอร์หนึ่งของอิน” ณิชมนยิ้มกว้าง ราวจะภูมิใจที่ได้เป็น Fc.เบอร์หนึ่ง
“โห...ขนาดมีFc.เลยหรือคะ แสดงว่าต้องดังมาก เขาเป็นใครหรือคะพี่เนตร”
“ถ้าถามว่าอินดังมั้ย ไม่มีใครไม่รู้จักอิน ขวัญใจสาวๆ ทั้งโรงเรียน เลยล่ะ อินเป็นเพื่อนพี่เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล จนมาต่อชั้นประถมที่นี่ถึงม.3 พอม.4อินเขาเรียนวิทย์-คณิต ส่วนพี่ไม่เก่งคำนวณไม่ชอบด้วย เลยเลือกเรียนศิลป์-ภาษา อยากรู้อะไรเกี่ยวกับอินถามแนน เขาชอบอินมากวิ่งตามอินมาตั้งแต่ม.1แล้ว” ณิชมนยิ้มพยักหน้ารับคำพูดของพี่สาว
“ระวังจะถูกเสน่ห์ของอินตกเอานะ ดูแนนเป็นตัวอย่างหลงใหลคลั่งไคล้มาก ระวังบุษด้วยจะถูกหยุมหัวเอา บุษเขาหวงอินมาก พี่ขอตัวไปหาเพื่อนก่อน” ณัชชาแยกตัวไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่
“พี่อินเขาเป็นพี่ม.6 เป็นเพื่อนสนิทของพี่เนตร พวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มใหญ่ แต่ที่ตัวติดกันจริงๆมี พี่เนตร พี่อิน พี่บุษ พี่ตุล พอขึ้นม.ปลายพี่เนตรแยกมาเรียน เหลือแค่แฝดสามที่ตัวยังติดกัน เรียนวิทย์-คณิตด้วยกัน พี่เนตรก็เคยแอบชอบพี่อิน รู้แล้วเงียบนะ” ปาลิดายิ้มขำเมื่อเพื่อนเข้ามากอดไหล่ แล้วบอกเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ ทั้งที่พี่สาวไม่อยู่ตรงนี้แล้ว
“เขาไม่อยากมีเรื่องกับพี่บุษ พี่บุษหวงพี่อินมาก พี่เนตรเลยเป็นฝ่ายถอย”
“พี่อินกับพี่บุษเป็นแฟนกันเหรอ”
“ไม่ใช่” ณิชมนร้องปฏิเสธทันที
“พี่บุษคงอยากให้เป็นแต่พี่อินเขาเฉย ๆ มีคนชอบเขาเยอะครึ่งค่อนโรงเรียนเลยมั้ง พี่อินเขาหล่อมาก มากแบบก.ไก่ล้านตัวเลย” ณิชมนเน้นคำว่ามากจนเพื่อนยิ้ม ดูท่าทางเพื่อนจะชื่นชอบ”พี่อิน” คนดังมากแค่เล่าถึงตาเป็นประกายแล้ว
“เป็นผู้หญิงทำไมเรียกว่าหล่อ”
“พี่อินเขาหล่อจริงๆ นี่นา เคยมีคนบอกว่า พี่อินเป็นคนสวยหล่อครบจบในร่างเดียว เป็นจริงตามนั้นเขาทั้งสวยและหล่อมาก”
“เขาเป็นทอมเหรอ”
“ม่ายช่าย” ณิชมนรีบปฏิเสธเสียงยาว
“พี่อินไม่ได้เป็นทอม แต่เขาเป็นคนสวยและหล่อมากในคนคนเดียว แนนอธิบายไม่ถูก ฟางต้องเห็นเองถึงจะเข้าใจ พี่เนตรบอกว่าคุณย่าของพี่อินเป็นลูกครึ่ง พี่อินถึงได้ดูสวยหล่อคมมาก แนนชอบพี่อินมาตั้งแต่อยู่ม.1พี่อินอยู่ม.3 ตอนนั้นว่าหล่อแล้ว ตอนนี้หล่อกว่าเดิมร้อยเท่าพันเท่า” ปาลิดายิ้มขำเมื่อเห็นเพื่อนเล่า ด้วยท่าทางชื่นชอบหลงใหล
“พี่อินเป็นกัปตันทีมบาสโรงเรียน แข่งบาสทีสาวๆ ไปเชียร์กรี๊ดสนามแทบแตก เขาหล่อกันทั้งทีม แต่พี่อินหล่อที่สุด เขาเป็นดาวโรงเรียนหน้า ตาดีเล่นบาสเก่ง และเรียนเก่งมากด้วย ทั้งที่เขาไม่ได้เรียนกวดวิชาเลย” ปาลิดามองหน้าเพื่อน ไม่รู้ว่าเพี่อนเล่าเกินจริงไปหรือเปล่า คนอะไรจะดูดีโดดเด่นไปทุกเรื่องแบบนั้น
“พ่อแม่พี่ชายเขาเป็นหมอ พี่เนตรบอกว่าพี่อินจะสอบเข้าเรียนแพทย์ น่าจะสอบติดเพราะเขาเรียนเก่ง ไม่แค่พี่อินนะพี่บุษกับพี่ตุล เพื่อนสนิทเขาจะสอบเข้าแพทย์เหมือนกัน”
“โอ้โห...เป็นหมอกันทั้งบ้าน ไม่คิดจะทำอาชีพอื่นเลยเหรอ”
“ไม่แปลกหรอกเป็นหมอทั้งบ้าน คุณพ่อของพี่อินเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ซื่อโรงพยาบาลGPHย่อมาจากนามสกุลของเขา โรงพยาบาลดังฟางเคยได้ยินซื่อมั้ย” ปาลิดาพยักหน้ายอมรับว่ารู้จัก
“ฟางยังไม่เคยเห็นพี่อินใช่มั้ย” ปาลิดาพยักหน้าอีก
“เหมาะเลย วันนี้ทีมบาสเขาจะเริ่มซ้อมวันแรก หลังโรงเรียนเลิกเราไปดูพี่ม.6 ซ้อมบาสกัน ฟางจะได้เห็นว่าพี่อินหล่อมาก ตกลงมั้ย”
“ตกลง วันนี้แม่จะมารับช้า ฟางไปดูบาสกับแนนก่อนก็ได้”
“ตั้งสติดีๆ อย่าโดนพี่อินตกนะ แนนโดนตกคนเดียวก็พอ” ปาลิดาเพียงยิ้ม เมื่อเพื่อนยื่นหน้ามาบอกเจือยิ้ม
“คงจะหน้าตาดีมากใช่มั้ย ท่าทางแนนจะหลงเขาแล้วนะ”
“ไม่มีใครสวยหล่อเท่าพี่อินหรอก เวลามีงานโรงเรียนแต่งเป็นผู้หญิงก็สวยมาก แต่งเป็นผู้ชายหล่อจนคนตะลึง เวลาโรงเรียนมีงานขาดพี่อินไม่ได้เลย เขาเป็นดาราเวทีงานโรงเรียน ไม่ว่าจะแสดงอะไรคนไปรอดูเต็มหอประชุมจนแน่นทุกครั้ง” ปาลิดายิ้มขำกับท่าทางเพ้อของเพื่อน
“ตอนอยู่โรงเรียนเดิม ฟางก็เล่นบาสไม่ใช่เหรอ”
“แค่กีฬาสี อย่าคุยอายเขา” ณิชมนยิ้มขำ เมื่อเพื่อนรีบเข้ามากอดคอแล้วบอกเสียงเบา
“โอเค...นักบาสกีฬาสี” ทั้งสองหัวเราะคิกคักให้กัน
“รีบไปห้องเรียนกัน ป่านนี้เพื่อนคงมากันเยอะแล้ว จะได้มีเวลาเม้าท์ก่อนเข้าเรียน” ปาลิดายิ้มขำกับความเป็นคนช่างพูดของเพื่อน รีบมาโรงเรียนเร็วเพื่อจะได้มีเวลาเม้าท์กับเพื่อนก่อนเข้าเรียนภาคเช้า