เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1
ตอนที่.3 เปลี่ยนโรงเรียน
โดย: srikarin2489
“เป็นเรื่องธรรมดาของพี่วินค่ะ ช่างเขาเถ่อะค่ะคุณแม่ ที่ฝ้ายอยากให้คุณแม่ช่วยคือ ฝ้ายจะพาลูกไปอยู่กรุงเทพฯ”
“ทำไมล่ะลูก”
“พี่ปออยากให้ฝ้ายช่วยงานเขา ธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้าจากไทยและเอเชีย กิจการประสบความสำเร็จดีมากพี่ปออยากให้ฝ้ายช่วยคัดสินค้าจากไทยส่งไปให้เขา ฝ้ายเลยต้องไปอยู่กรุงเทพฯ เอาลูกไปเรียนที่นั่น เป็นโรงเรียนที่ฝ้ายเคยเรียน ที่อยากให้คุณแม่ช่วย เพราะเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ถ้าพี่วินรู้เขาไม่ยอมให้ลูกไปเรียนแน่ เขาจะให้ลูกเรียนโรงเรียนสหศึกษาเท่านั้น
“เจ้าวินมันกลัวลูกจะมีแฟนเป็นทอม มันเกลียดทอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฝ้ายรู้มั้ยว่าทำไมเจ้าวินมันไม่ชอบทอม” ลูกสะใภ้ส่ายหน้าขณะที่คุณปรานียิ้มขำเมื่อนึกถึงลูกชายคนเล็ก
“ตอนมันยังเรียนอยู่ มันเคยถูกทอมแย่งแฟนไปสองครั้ง เคยจีบผู้หญิงแข่งกับทอมก็แพ้ทอม มันบ้าถึงขั้นเคยมีเรื่องชกต่อยกับทอม เขามีเพื่อนมาด้วยหลายคน ยังดีที่ไม่ถูกทอมรุมกระทืบเอา มันถึงได้ฝังใจเกลียดทอมมาก” ลดาส่ายหน้าแล้วยิ้มขำเมื่อรู้สาเหตุ
“ที่มันถูกทอมแย่งแฟนได้ เพราะเอาแต่ไปแทงสนุ๊กไม่สนใจเขา ขลุกอยู่ที่โต๊ะสนุ๊กจนเกือบเรียนไม่จบ แม่เลยไปยื่นคำขาดถ้าเรียนไม่จบจะตัดหางปล่อยวัด หยุดให้เงินค่าใช้จ่ายของมันด้วย มันถึงยอมกลับมาสนใจเรียน แม่รู้ว่าเจ้าวินมันไม่ใช่คนดีนัก แม่เลยต้องหาผู้หญิงดี ๆ ให้มัน เผื่อมันจะได้สติกลับมาทำตัวดีบ้าง แล้วแม่จะพูดกับมันเอง” ลดายิ้มอออกมาได้เบาใจขึ้น รู้ดีว่าสามีไม่กล้าขัดแม่ แม่พูดคำไหนต้องคำนั้น
“จะไปเมื่อไหร่หรือลูก”
“รอให้ฟางจบม.3ก่อนค่ะ ช่วงนี้ฝ้ายต้องเทียวไปเทียวมาก่อน มีอีกเรื่องที่จะขออนุญาตคุณแม่ ฝ้ายจะพาลูกไปอยู่คอนโดที่คุณแม่ซื้อไว้”
“มันเป็นของฝ้ายกับลูกอยู่แล้ว ไม่ต้องมาขออนุญาตแม่หรอก แม่ซื้อไว้ให้ฟางอยู่ตอนเขาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย คุยกับเจ้าวินมันหรือยัง”
“ยังค่ะ เขากำลังหลงคนใหม่ ไม่มีเวลามาสนใจฝ้ายกับลูกหรอกค่ะ”
“ไอ้ลูกคนนี้สันดานมันยังเหมือนเดิม” คุณปรานีส่ายหน้าบ่นระอาใจกับลูกชายคนเล็ก
“พอแต่งงานกับฝ้ายแล้วมันทำตัวดีขึ้น แม่เบาใจว่ามันมีครอบครัวแล้วคงคิดได้ สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม” คุณปรานีถอนใจเบา แต่แววตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตา เมื่อมองใบหน้าหมองเศร้าของลูกสะใภ้ แม้จะเป็นแค่สะใภ้แต่รักเหมือนลูกคนหนึ่ง เพราะได้อุปการะดูแลมาตั้งแต่ลดายังเป็นวัยรุ่น การที่ต้องเป็นกำพร้าเสียพ่อแม่ไปพร้อมกัน มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากสำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในตอนนั้น
“แม่ผิดเองที่ขอให้ฝ้ายแต่งงานกับมัน มันมาขอร้องแม่บอกว่ารักฝ้ายจะขอกลับตัวเป็นคนดี สุดท้ายมันทำตัวดีได้ไม่กี่ปี สันดานเจ้าชู้เพล์บอยกลับมาเหมือนเดิม ทั้งที่มันรับปากแม่กับคุณพ่อแล้ว ว่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีคอยดูแล ฝ้ายกับลูก แม่ขอโทษนะลูก” คุณปรานีวางมือโอบไหล่ลูกสะใภ้บอกเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ถึงชีวิตคู่ของฝ้ายกับพี่วินจะไม่ราบรื่น แต่ฝ้ายได้สิ่งที่ดีที่สุดมาคือลูก เขาเป็นชีวิตจิตใจของฝ้าย อยู่เคียงข้างแม่เสมอไม่ว่าสุขหรือทุกข์” น้ำเสียงอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูกสาวคนเดียว
“เจ้าวินมันบอกแม่ว่า ฝ้ายมีคนรักแล้วก่อนมาแต่งงานกับมัน จริงหรือลูก” ลดาไม่ตอบแต่สีหม่นเศร้าเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต
“ในเมื่อฝ้ายมีคนรักอยู่แล้ว ทำไมตอนนั้นไม่บอกแม่ ถ้าแม่รู้แม่จะไม่ขอร้องฝ้ายเลย”
“ถึงฝ้ายจะไม่ได้แต่งงานกับพี่วิน ฝ้ายกับพี่อุ้มก็ไม่สามารถร่วมชีวิตกันได้หรอกค่ะ” น้ำเสียงเอ่ยซื่อนั้นเจือไปด้วยความเศร้าสะเทือนใจ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง
“ทำไมล่ะลูก”
“เพราะ...” ลดาหยุดคำพูดมองสบตาแม่สามี แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงแหบเครือ
“พี่อุ้มเขาเป็นผู้หญิงค่ะ”
คุณปรานีนิ่งอึ้ง ยิ่งรู้สึกเวทนาสงสารเมื่อมองใบหน้าหม่นเศร้าของสะใภ้ สายตาที่มองมาเจือไปด้วยความไม่มั่นใจ ว่าแม่ของสามีจะคิดรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้
“ฝ้ายบอกคุณแม่ โดยที่ฝ้ายไม่รู้ว่าคุณแม่จะคิดยังไง ที่ฝ้ายเคยรักกับผู้หญิง”
“ฝ้ายไม่ต้องห่วงว่าแม่จะคิดยังไง เรื่องนี้แม่รับได้ เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนหรือลูก” ลดาพยักหน้า กล้ำกลืนความเศร้าสะเทือนใจไว้เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
“ตอนฝ้ายอยู่โรงเรียนประจำ ฝ้ายได้รู้จักกับพี่อุ้ม เขาเป็นลูกบุญธรรมของครูคนหนึ่งในโรงเรียน ฝ้ายอยู่ม.4พี่อุ้มอยู่ม.6 เขามีหน้าที่ดูแลน้องๆ ที่อยู่ประจำช่วยแม่เขา ก่อนหน้าที่ฝ้ายจะอยู่ประจำ ฝ้ายพอรู้จักพี่อุ้มอยู่บ้างเขาเป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน แต่เราไม่เคยคุยกันจนฝ้ายเปลี่ยนมาอยู่ประจำ ถึงได้ทำความรู้จักพูดคุยกัน” ลดาคิดลำดับเรื่องราวในอดีตให้แม่สามีฟัง
“เวลาฝ้ายแอบไปร้องไห้คนเดียว พี่อุ้มจะเข้ามาพูดปลอบให้กำลังใจเสมอ เขาบอกว่าฝ้ายโชคดีกว่าเขามาก ที่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครและมีพี่ ส่วนเขาเป็นเด็กกำพร้า มีคนเอามาวางไว้หน้าสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ตั้งแต่ยังแบเบาะเกิดได้ไม่กี่วัน ถูกเลี้ยงอยู่ในสถานสงเคราะห์ไม่รู้พ่อแม่เป็นใคร จนห้าขวบมีคนมาขอรับเป็นลูกบุญธรรม” สีหน้าของคนเล่า แม้จะดูเศร้าขณะเล่าเรื่องในอดีต แต่เจือด้วยความสดใสเมื่อพูดถึงคนในความทรงจำ
“มีพี่อุ้มคอยเป็นเพื่อนปลอบใจ พาทำกิจกรรมเพื่อไม่ให้เหงาคิดมาก เขาเป็นนักกีฬากัปตันทีมบาสโรงเรียน ชอบชวนฝ้ายไปเล่นบาส เขาตัวสูงสูงเกือบเท่าพี่วิน หน้าตาดีมาก ฝ้ายรู้ว่ามีนักเรียนหญิงหลายคนชอบเขา เขาโดดเด่นทุกเรื่อง แต่เป็นคนนิ่งไม่ค่อยพูด ถ้าสนิทกันแล้วถึงจะพูดเยอะ ฝ้ายไม่เก่งคำนวณพี่อุ้มช่วยติวให้จนฝ้ายเรียนดีขึ้น” ลดาคิดเล่าถึงคนในอดีตด้วยแววตาสดใสเป็นพิเศษ
คุณปรานีปล่อยให้ลูกสะใภ้เล่าถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อเห็นแววตาคนเล่าแจ่มใสเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ แม้จะดูแลอุปการะมาตั้งแต่ลดาอายุแค่สิบสี่ แต่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดมาก จึงไม่เคยรู้เรื่องราวเหล่านี้ของลดาเลย
“เขาคอยดูแลให้กำลังใจ จนจิตใจฝ้ายเข้มแข็งขึ้น เขาเรียนเก่งมากความประพฤติดีกีฬาเยี่ยม ได้ทุนการศึกษาทุกปี เรียนเก่งจนสอบเข้าแพทย์ได้ เราต่างรู้ดีว่าต่อให้เรารู้สึกดีต่อกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องยากที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน พอพี่อุ้มเรียนจบแพทย์ต้องไปเป็นหมออินเทิร์นใช้ทุน เราได้บอกลากัน ฝ้ายตัดสินใจรับปากคุณแม่แต่งงานกับพี่วิน พี่อุ้มเข้าก็มีเส้นทางของเขา เขาบอกว่าเขามีแต่ตัวยังไม่สามารถรับผิดชอบใครได้ ต้องไปเป็นหมออินเทิร์นอยู่ต่างจังหวัด แม่บุญธรรมเขาเริ่มป่วยเขายังอยู่ดูแลไม่ได้”
คุณปรานีลูบศีรษะสะใภ้อ่อนโยนเวทนา เมื่อเห็นลดาเล่าด้วยน้ำตาซึมคลอน้ำเสียงเจือไปด้วยความสะเทือนใจ “
“เราจากลากันตั้งแต่วันนั้น ไม่เคยเจอหรือได้ข่าวเขาอีกเลย” อาการกลั้นสะอื้นเบา ทำให้คุณปรานีเวทนาสงสาร จนต้องเอนตัวเข้าไปโอบกอดปลอบลูกสะใภ้ไว้
“ถึงมันจะเศร้าที่เราต้องจากกัน แต่ตอนอยู่ด้วยกันเป็นช่วงเวลาที่ฝ้ายมีความสุข ฝ้ายได้แต่หวังว่าพี่อุ้มเขาจะมีชีวิตที่ดี เขาโชคร้ายมาตั้งแต่เกิด ขอให้ชีวิตต่อไปของเขามีแต่เรื่องดี ๆ ” คุณปรานีลูบผมสะใภ้อ่อนโยน แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา แม้จะเป็นแค่สะใภ้แต่รักเหมือนลูกคนหนึ่ง
“แฮบปี้เบิร์ด เดย์ ทู ยู”
“คุณพ่อ”
ปาลิดาอุทานตาโตยิ้มกว้างดีใจ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วมาที่ห้องรับประทานอาหาร เห็นคุณย่า พ่อ แม่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ในมือพ่อถือเค้กวันเกิดจุดเทียนเรียบร้อย พ่อกับแม่ช่วยกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดเมื่อปาลิดาเดินเข้าไปหา ปาลิดาหยุดยืนเบื้องหน้าพ่อกับแม่ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใสถูกเซอร์ไพส์จากผู้เป็นพ่อ คุณย่าไม่ได้ร้องเพลงด้วยแต่ช่วยปรบมือ
“อธิษฐานก่อนลูก ค่อยเป่าเทียน” ลดาบอกเมื่อสามียื่นเค้กไปใกล้ลูกสาว ทุกคนยิ้มเอ็นดูเห็นปาลิดายกมือพนมหลับตา ตั้งจิตอธิษฐานก่อนเป่าเทียน
“คุณพ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ฟางไม่รู้ว่าคุณพ่อมาด้วย”
“พ่อมาถึงตั้งแต่บ่าย มาฉลองวันเกิดย้อนหลังให้ฟาง วันจริงพ่อติดธุระอยู่กรุงเทพฯ พ่อเอาเค้กมาจากโคราชเลยนะ สั่งให้เขาทำให้ แม่เขาบอกว่าฟางชอบเค้กร้านนี้ เป็นเครปเค้กของโปรดของฟาง”
ปาลิดายิ้มสดใสมองดูเค้กวันเกิด แต่งหน้าเป็นรูปม้าพร้อมคำอวยพรด้วยตัวอักษรสีสันสดใสสวยงาม ปวินท์เอาเค้กไปวางบนโต๊ะรับประทานอาหารก่อน แล้วดึงซองกระดาษออกจากกระเป๋ากางเกง
“พ่อไม่รู้จะซื้ออะไรให้ฟาง ฟางเอาเงินในซองนี้ไปซื้อของที่อยากได้นะลูก สุขสันต์วันเกิดลูกสาวของพ่อ ขอให้ฟางสุขภาพแข็งแรง เป็นลูกสาวที่น่ารักอย่างนี้ตลอดไป” ปวินท์โอบร่างผอมบางของลูกสาวไว้แล้วหอมแก้ม เอียงแก้มให้ลูกหอมตอบ ลดามองภาพนั้นนิ่ง รู้ดีว่าสามีเก่งในเรื่องแสดงความรักต่อลูกแต่นานๆ ครั้ง ลูกรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เจอพ่อ
“รับของขวัญจากพ่อเขาแล้ว มารับจากย่าบ้าง” คุณปรานีหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“สุขสันต์วันเกิดหลานรักของย่า” ปาลิดานั่งคุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้าคุณย่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เพื่อให้คุณย่าสวมสร้อยใส่คอให้
“ย่าสั่งทำเป็นพิเศษ ชอบมั้ย” ปาลิดาก้มดูสร้อยที่คอตัวเอง เป็นสร้อยคอทองคำขาวห้อยจี้รูปเกือกม้าด้วยรอยยิ้มสดใส
“ชอบค่ะ ขอบพระคุณค่ะคุณย่า” ปาลิดากราบลงที่อกของคุณย่า
คุณปรานีหอมแก้มหลานสาวก่อนดึงร่างเข้ามากอด
“จะให้ลูกเปลี่ยนโรงเรียน ไปเรียนโรงเรียนนั่นจริงๆ หรือฝ้าย” ปวินท์ถามโดยที่สายตามองมารดากับลูกสาว
“พี่บอกเลยนะว่าพี่ไม่เห็นด้วย ฝ้ายก็รู้ว่าพี่ไม่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนหญิงล้วน แต่พี่ขัดคุณแม่ไม่ได้ ดูแลลูกให้ดีนะพี่คงไปอยู่ด้วยไม่ได้ แต่จะไป ๆ มา ๆ ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฝ้ายอยู่กับลูกสองคนจนชินแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบหน้านิ่งเฉย สายตาจับอยู่ที่ลูกกับแม่สามี ทำให้ปวินท์หงุดหงิดไม่ค่อยพอใจแต่ไม่อยากตอแย เดี๋ยวจะทะเลาะกันเสียบรรยากาศงานวันเกิดลูก
“อย่าให้ลูกมีแฟนเป็นทอมเด็ดขาด พี่ขอเรื่องนี้เรื่องเดียว” ลดากระตุกยิ้มนิดแต่ไม่รับปาก ทำให้ปวินท์ได้แต่มองดูอย่างขัดใจ