เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1
ตอนที่.18 เลี้ยงฉลองนักศึกษาแพทย์(1)
โดย: srikarin2489
“เข้ามาเลยนักศึกษาแพทย์”
ยงยศกับภรรยากำลังช่วยกันจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มพร้อมแล้ว เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารภายในบ้านของยงยศ
“โอ้โห...อาหารเครื่องดื่มเพียบเลย” ตุลยาถึงกับอุทานตาโต เมื่อเห็นขวดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์เป็นที่ถูกใจมาก
“วันนี้พี่เลี้ยงเต็มที่ พวกเอ็งโตแล้วดื่มแอลกอฮอล์ได้”
ตุลยากับอินทิรามองดูอาหารพร้อมเครื่องดื่มจัดวางเรียงรายเต็มโต๊ะ แล้วหันมายิ้มตาโตให้กันโดยเฉพาะตุลยา ดูจะตื่นเต้นถูกใจเป็นพิเศษ มองขวดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ตาวาว
“วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” ตุลยาทำท่าคึกคักร้องบอกเพื่อน
“เดี๋ยวอย่าพึ่ง” ยงยศร้องบอกเมื่อนั่งลงกันแล้ว ตุลยาเอื้อมมือจะหยิบขวดเครื่องดื่มมารินใส่แก้ว
“ทำไมล่ะพี่ยอร์ช หรือพี่ยอร์ชจะกล่าวเปิดงานก่อน”
“ดูการแสดงก่อนโว้ย พี่มีการแสดงพิเศษให้ทุกคนชม...เอ้าเชิญนักแสดง”
ยงยศหันไปร้องบอก ใครบางคนทางห้องนอนชั้นล่าง ทำให้ตุลยากับอินทิรามองตามอย่างสนใจ อยากรู้ว่ายงยศจะมีอะไรเซอร์ไพส์ให้แปลกใจอีก
“ว้าว...”
ตุลยาถึงกับร้องอุทานทำตาโต เมื่อเห็นบุษกรเดินออกมา สวมกางเกงฮ้อตแพ้นสีดำรัดรูป เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว ตัวใหญ่สกรีนรูปการ์ตูนน่ารัก สวมถุงน่องสีดำเลยเข่ารองเท้าเช้าชุดกัน ผมยาวมัดด้วย ริบบิ้นผ้าสีสดใส ไม่ได้สวมแว่นแต่งหน้ามากกว่าปกติ ดูสวยสดใสจนตุลยา มองตาเยิ้ม
“ไอ้บุษมันเอาจริงว่ะอิน” ตุลยาเอียงร่างไปพูดใกล้เพื่อน แต่สายตาจับอยู่ที่ร่างบุษกร ยิ้มตาเป็นประกายพราวระยับ
พอเสียงเพลงดังขึ้น บุษกรเริ่มยักย้ายส่ายสะโพกเต้นตามจังหวะเพลง ส่วนตุลยายิ้มกว้างมองไม่วางตาและพลอยโยกร่างตามจังหวะเพลงด้วย อินทิรามองดูเพื่อนทั้งสองสลับกันแล้วยิ้มขำ
“แดนเซอร์ยิ้มหน่อย”
ตุลยาร้องบอกเมื่อเพื่อนเต้นเต็มที่แต่ทำหน้านิ่ง บุษกรจึงเริ่มยิ้ม เพื่อนทั้งสองนั่งดูอยู่โยกร่างตามจังหวะเพลงกันสนุกสนาน ตุลยาส่งเสียงคึกคักสนุกเป็นพิเศษ
“บุษแต่งแบบนี้น่ารักดีเซ็กซี่นิดๆ ไม่สวมแว่นดูน่ารักไปอีกแบบ” ตุลยา เอียงร่างไปพูดใกล้เพื่อน เพราะเสียงเพลงค่อนข้างดัง
“แกไปท้าบุษเขานี่หว่า เห็นมั้ยเขาจัดเต็มให้เลย บุษเขาสวยนะ”
“ใช่...สวยมาก หมวยบุษของฉันสวยที่สุด” ตุลยาทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ ยิ้มตาเยิ้มมองดูเพื่อน
ยงยศกับภรรยาที่นั่งดูอยู่ด้วยได้แต่ยิ้มขำ ตุลยาแรก ๆ นั่งโยกตัวบนเก้าอี้สักพักลุกขึ้นยืนเต้นตาม ส่วนอินทิราพลอยนั่งโยกร่างตามด้วย บุษกรทำการแสดงเต็มที่ เต้นเก่งสมกับเป็นFCศิลปินเกาหลี การแสดงจบลงทุกคนช่วยกันตบมือให้นักแสดงเกรียวกราว ตุลยาถึงกับเป่าปากให้
“ขออีกรอบได้มั้ยบุษ”
“ของดีมีครั้งเดียวโว้ย” นักเต้นร้องว่า แล้วเดินมานั่งลงข้างอินทิรา
“เต็มที่เลยนะน้อง ๆ อยากได้อะไรเพิ่มบอก ถ้าเมาก็นอนที่นี่ไม่ต้องกลับบ้าน ห้องนอนชั้นล่างพี่เตรียมไว้ให้พวกเอ็งแล้ว” ยงยศหยิบขวดเครื่องดื่มมารินใส่แก้ว แจกจ่ายให้นักศึกษาแพทย์ทั้งสาม รวมทั้งตัวเองส่วนภรรยาไม่ดื่ม
“ก่อนอื่น พี่ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาแพทย์ทั้งสาม เอ้า...ชนแก้ว” ยงยศชูแก้วขึ้นให้ทั้งสามยกแก้วมาชนด้วย
“ฮู้...” ตุลยาทำเสียงถูกใจ เมื่อเครื่องดื่มผ่านลำคอลงไป ส่วนเพื่อนอีกสองคนทำหน้าแหยแต่พยายามดื่ม การดื่มกินเป็นไปด้วยความสนุกสนาน พูดคุยกันเสียงดังเฮฮา ระหว่างดื่มพูดคุยกันอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือของยงยศดังขึ้น ยงยศจึงลุกออกไปคุยโทรศัพท์ก่อน
“ทุกคนดื่มกันตามสบายเลยนะ” ยงยศเดินกลับมาบอกหลังคุยโทรศัพท์เสร็จ
“พี่ขอตัวออกไปทำธุระก่อน อยากได้อะไรเพิ่มบอกพี่ยุเขา” ยงยศบอกแล้วเดินออกไปกับภรรยา ปล่อยให้นักศึกษาแพทย์ทั้งสามดื่มต่อกันตามลำพัง
“ตอนนี้ไอ้ตุลมันจะเลิกเป็น ไอ้ตุลนมกล่องแล้วนะอิน ท่าทางมันจะชอบแอลกอฮอล์มากกว่า” ตุลยาหัวเราะเสียงใสอารมณ์ดี
“จะเลิกกินนมกล่องแล้วหรือตุล”
“ไม่เลิก ฉันชอบดื่มนมตอนเช้า ตอนเย็นดื่มแอลกอฮอล์” บอกแล้วหัวเราะครื้นเครง จนเพื่อนพลอยยิ้มด้วย ยิ่งได้แอลกอฮอล์ปรุงแต่งอารมณ์ทำให้สนุกคึกคักเป็นทวีคูณ
“ฉันมีความลับ ระดับท็อปซีเคร็ทจะบอกแกสองคน” อินทิรากับบุษกรหันมามองหน้ากัน แล้วหันกลับไปทางตุลยา
“คนอย่างแกมีความลับด้วยเหรอ ไอ้ตุลนมกล่อง” ตุลยาหัวเราะอีก เมื่อบุษกรเรียกฉายาประจำตัว ตอนเรียนมัธยมปลาย
“ลับจริงๆนะ รู้มั้ยแต่ก่อนฉันไม่ได้ซื่อเล่นว่าตุล”
“คนทะลึ่งอย่างแกซื่ออะไร มีซื่ออะไรจะเหมาะกับแกเท่าซื่อตุล”
“บอกแล้วห้ามหัวเราะนะโว้ย” ตุลยาทำหน้าขึงขังบอกเพื่อน
“ถ้ามันตลก แกจะไม่ให้ฉันกับอินหัวเราะหรือไง”
“แค่ซื่อเล่น จะตลกทำไม” ตุลยาทำหน้าหงิกว่าเพื่อน
“อยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ลีลาเยอะฉันกับอินไม่อยากรู้แล้ว”
“ก็ได้ก็ได้...ซื่อเล่นที่พ่อฉันตั้งให้คือ...”
ตุลยาเว้นระยะพูด มองหน้าเพื่อนทั้งสอง ที่หันมารอฟังอย่างสนใจ กระตุ้นต่อมอยากรู้ของเพื่อน ออกลีลาจนน่าหมั่นไส้ก่อนเฉลย
“ตุ๊กตา”
“ตุ๊กตา” เพื่อนทั้งสองร้องทวนซื่อพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วปล่อยหัวเราะก๊ากออกมา
“หน้าอย่างแกนี่นะซื่อตุ๊กตา” บุษกรร้องว่าแล้วหัวเราะ
“ซื่อตุ๊กตามันน่าขำตรงไหนวะ” ตุลยาทำหน้าหงิกว่า ที่เห็นเพื่อนยังพากันหัวเราะขำจนตัวโยก
“พ่อบอกว่าฉันตอนเด็กน่ารักเหมือนตุ๊กตา ตัวขาวเหมือนแม่ แต่หน้าคมเหมือนพ่อ แม่เล่าว่าพ่อชอบอุ้มฉันไว้กับอก กล่อมให้นอน เรียกว่าตุ๊กตาตัวน้อยของพ่อ เอ่เอ้...” ตุลยาทำท่าประกอบการเล่า เพื่อนมองภาพนั้นแล้วหัวเราะจนตัวกระเพื่อม
“พอฉันได้ขวบหนึ่งไอ้ตาลก็ตามออกมาอีกคน แม่ต้องดูแลไอ้ตาลพ่อเลยต้องดูแลฉันช่วยแม่ กลายเป็นพ่อลูกอ่อน”
“แล้วมันเพี๊ยนมาเป็นตุลได้ยังไง” อินทิราถามยังไม่หายขำดีนัก
“ตอนฉันอายุสี่ห้าขวบ เวลาพ่อซื้อขนมมาให้พวกเรา ฉันกินไม่เคยทันพี่ชายสามคนเลย”
“พ่อแกออกจะรวย ซื้อขนมให้ลูกซื้อน้อยจนลูกต้องแย่งกันกินเลยหรือตุล ท่าทางพ่อเตชน์ไม่ใช่คนขี้เหนียวใจดีมากด้วยซ้ำ ใช่มั้ยบุษ” บุษกรพยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่ได้ซื้อน้อย ซื้อเยอะแต่พี่ชายฉันมันเลือกเอาแต่ของอร่อยไปหมด ฉันตัวเล็กกินไม่ทันพวกมัน ต่อมาฉันเลยปีนขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ โกยขนมอร่อย ๆ มาไว้ตรงหน้า ห้ามใครมาแย่งด้วย ใครกล้ามาแย่งฉันแหกปากร้องฟ้องพ่อกับแม่ แค่นี้ก็เสร็จฉัน ฉันกับไอ้ตาลเลือกเอาแต่ของอร่อย ๆ มาไว้ตรงหน้า พี่ ๆ มันเลยพากันรุมว่าฉัน ไอ้พี่ตั้มเป็นคนแรกที่เรียกฉันว่าไอ้ตุน มันหมายถึงตุนน.หนูไม่ใช่ล.ลิง เลยเป็นที่มาของซื่อฉัน” ตุลยาออกลีลาประกอบการเล่าอย่างออกรสออกชาติ จนเพื่อนพากันยิ้มขำ
“อ้อ...ประวัติอันน่าจดจำ” บุษกรว่าขัดคอ
“ครอบครัวตัวต.ของแก มีพี่น้องหลายคนน่าสนุกนะตุล ไม่เหมือนฉัน ฉันกับพี่อาร์มห่างกันสิบปี เขาไม่ค่อยเล่นกับฉัน พอฉันเป็นเด็กกำลังซนพี่อาร์มเป็น วัยรุ่นแล้ว เขามีโลกส่วนตัวไม่เล่นกับน้องที่ยังเด็ก”
“อยู่กันครบเมื่อไหร่บันเทิงเลยล่ะ ฉันกับไอ้พี่ตั้มมีเรื่องทะเลาะกันประจำ ฉันตัวเล็กกว่าสู้มันไม่ค่อยได้ กระโดดขี่หลังกัดหูแม่งซะเลย มันถูกฉันกัดจนร้องไห้หลายครั้ง ทะเลาะกันทีไรไอ้ตาลจะเข้ามาช่วยฉันรุมไอ้พี่ตั้ม ไอ้ตาลมันเป็นมือขวาของฉัน” ตุลยาเล่าตาเป็นประกายแจ่มใสสะท้อนถึงความสุข เมื่อพูดถึงครอบครัว
“พวกแกคิดดูนะ ฉันกระโดดขี่หลังกัดหู ไอ้ตาลเข้าช่วยกัดแขนหรือขา ไม่ให้มันร้องได้ยังไง” ตุลยาออกท่าทางประกอบการเล่าจนเพื่อนหัวเราะอีก
“พี่ตั้มสู้กับน้องหรือสู้กับหมา” ตุลยาหัวเราะร่วนชอบใจกับคำแขวะว่าของบุษกร เมื่อนึกถึงวีรกรรมในวัยเด็กของตัวเอง
“แต่พอฉันมาเรียนที่กรุงเทพฯ คนที่ฉันคิดถึงที่สุดคือไอ้พี่ตั้ม ตอนนี้เราเลิกทะเลาะกันแล้ว หันมารักกันแทน”
“ใช่ซี้...กลายเป็นคู่หูชวนกันเมาแทน ขี้เมาทั้งพี่ทั้งน้อง” ตุลยาถึงกับหัวเราะเมื่อบุษกรยื่นหน้ามาว่าใกล้
”จากไอ้ตุลนมกล่อง มาเป็นไอ้ตุลขี้เมา” ตุลยายิ้มกว้างชอบใจไม่ถือสาคำแขวะว่าของเพื่อน
“พึ่งมีแกนะอิน ที่เรียกบ้านฉันว่าครอบครัวตัวต. พ่อเตชน์แม่ต่ายมีลูกด้วยกันห้าคน พี่โตโตมร พี่ต้นเตชัส แล้วก็ไอ้พี่ตั้มเตชิต ส่วนฉันตุลตุลยา น้องเล็กสุดไอ้ตาลตวิษา พ่อฉันเขาตั้งเองทุกคนเลยนะ บ้านแกครอบครัวตัวอ.”
“ใช่ บ้านฉันครอบครัวตัวอ.”
“ไม่เหมือนบ้านไอ้บุษ ซื่อไปคนละทิศละทางเลย หน้าหมวยชัดขนาดนี้แต่ซื่อไทย แกมีซื่อจีนมั้ยหมวยบุษ” ตุลยาหันไปถามเพื่อนที่กำลังจิบเบียร์
“มีแต่แกไม่ต้องรู้หรอก ขืนให้แกรู้คงเอามาเรียกล้อฉัน” ตุลยายิ้มขำเมื่อถูกเพื่อนชี้หน้าว่าอย่างรู้ทัน
“แม่ฉันชอบดอกบัวมาก พอมีลูกสาวเลยให้ซื่อบุษกร แปลว่าดอกบัวสีน้ำเงิน แต่ส่วนมากพี่ ๆ จะเรียกฉันว่าหมวยเล็ก”
“อ้อ...อาหมวยเล็ก” ตุลยาทำเสียงล้อแล้วหัวเราะ
“เห็นมั้ย...แค่นี้แกก็ล้อฉันแล้ว” อินทิราได้แต่หัวเราะเห็นเพื่อนทั้งสอง
ต่อปากต่อคำกัน ทั้งสามนั่งดื่มพูดคุยกันสนุกสนานเสียงดัง ผลัดกันเล่าวีรกรรมในวัยเด็ก หัวเราะจนตัวโยกน้ำหูน้ำตาเล็ด โดยเฉพาะตุลยาออกลีลาในการเล่า ทำให้เรื่องราวสนุกยิ่งขึ้นเพื่อนได้หัวเราะเป็นระยะ เป็นคนมีวีรกรรมในวัยเด็กเยอะที่สุด