เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1
ตอนที่.28 เตรียมลุยศึกอินเทิร์น1(2)
โดย: srikarin2489
“มายืนคุยกันอยู่ที่นี่เอง ฉันออกมาจากห้องน้ำไม่เห็นใครสักคน”
“อินแกอยากเล่นอะไรสนุกๆ มั้ย” อินทิรามองสบตายิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อน แล้วยิ้มตามรู้กัน
“ไอ้บ้าตุล...แกจะทำอะไร”
บุษกรร้องโวยวาย ไม่ทันตั้งตัวถูกเพื่อนทั้งสอง เข้ามาช่วยกันหามลงน้ำทะเล หัวเราะสนุกเสียงดังประสานกัน ร่างของบุษกรถูกเพื่อนโยนใส่น้ำจนจมไปทั้งร่าง
“ไอ้ตุล...ไอ้ทุเรศ”
บุษกรโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ลูบน้ำออกจากหน้าแล้วร้องว่าด้วยความโมโห พุ่งร่างเข้าชนตุลยาที่ยืนหัวเราะอยู่ จนหงายหลังลงน้ำเปียกไปอีกคน
“บุษ...อินยังไม่เปียก”
ตุลยาลูบน้ำออกจากหน้าตัวเองแล้วร้องบอกเพื่อน อินทิรายืนหัวเราะอยู่ขยับจะวิ่งหนีแต่ไม่ทัน ถูกเพื่อนทั้งสองพุ่งร่างเข้ามาดึงลงน้ำเปียกไปด้วยกัน
“อย่าลงไปลึกนะ บุษว่ายน้ำไม่เก่ง” บุษกรร้องบอก เมื่อเพื่อนทั้งสองลุยลงน้ำทะเลอีก
“มาเกาะอินเร็วบุษ อินจะพาไปไม่ต้องกลัว” บุษกรพุ่งเข้ามาเกาะคอเพื่อน โดยไม่รอให้บอกซ้ำ
อินทิรากับตุลยาว่ายน้ำเก่ง ไม่กลัวน้ำลึกพาบุษกรลงน้ำลึกแต่ยังไม่ลึกมากโดยให้กอดคอไว้ ทั้งสามเล่นน้ำกันสนุกสนานเสียงดัง เสียงหัวเราะประสานกันเป็นระยะ อินทิรากดความเศร้าไว้เล่นสนุกกับเพื่อนได้อย่างเต็มที่
พอกลับขึ้นมาบนชายหาดเหนื่อยจนหมดแรง นอนแผ่ลงบนทราย ไม่กลัวเปื้อนมีบุษกรนอนอยู่ตรงกลาง นอนดูท้องฟ้าสีครามสดใส เมฆลอยเคลื่อนบางเบา บรรยากาศยามเย็นแดดอ่อนตัว ทำให้อากาศไม่ร้อนเหมาะที่จะเล่นน้ำ
“ไม่รู้อีกนานแค่ไหน เราสามคนจะได้สนุกมีความสุขแบบนี้” บุษกรมองดูท้องฟ้าสดใสแล้วพูดขึ้น
“อดกังวลไม่ได้ ว่าพวกเราจะเจอสถานการณ์แบบไหน กับการได้ทำหน้าที่หมอเต็มตัวเป็นครั้งแรก” บุษกรพึมพำ
“พวกเรามาชาร์จแบตก่อนลุยศึกอินเทิร์น1 เก็บเกี่ยวความสุขให้เต็มที่ ยังไม่รู้ว่าเราจะเจออะไรบ้าง แต่ฉันมั่นใจว่าเราสามคนจะผ่านไปได้ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา” ตุลยากระตุ้นให้กำลังใจเพื่อน
“เมื่อเราสามคนรวมใจสู้ เรื่องทุกเรื่องจะกลายเป็นเรื่องเล็กใช่มั้ย” อินทิรา กระตุ้นเพื่อนอีกคน
“ใช่” เพื่อนอีกสองประสานเสียงกันตอบ
“เราสามคนจะลุยต่อให้ถึงที่สุด วันนี้เรายังมีเวลาสนุกกันได้ สนุกให้เต็มที่” อินทิราพูดแล้วดีดร่างลุกขึ้นยืน
“เดินเล่นชายหาดดีกว่า” บอกพร้อมดึงแขนบุษกรให้ลุกขึ้น
“ไม่ไหว บุษเหนื่อยแล้ว” บุษกรส่ายหน้าบอก
“ถ้างั้นมาขี่หลังอิน” อินทิราบอกพร้อมย่อร่างลง ทำให้บุษกรยิ้มดีใจ ไม่เห็นว่าตุลยาทำหน้าหมั่นไส้อยู่
“สบายเลยนะแก” ตุลยาทำเสียงหมั่นไส้ เมื่อเห็นบุษกรกระโดดขึ้นขี่หลังอินทิราอย่างไม่ลังเล ให้อินทิราแบกใส่หลัง วิ่งไล่ทุบตุลยาที่วิ่งยั่วหลอกล่อ พออินทิราเหนื่อย เปลี่ยนมาขี่หลังตุลยาแทน วิ่งไล่เล่นกันเหมือนเด็ก ๆ เสียงหยอกล้อกันดังลั่นหาด
เสียงประตูห้องทำงานถูกเปิด ทำให้อโรชากำลังพูดโทรศัพท์อยู่หันไปดู ปรากฏว่าเป็นสามีเดินเข้ามาในห้อง นายแพทย์อารักษ์นั่งลงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของภรรยา ลักษณะการพูดคุยกับคนปลายสาย ทำให้รู้ว่าไม่ใช่ลูกสาวแต่เป็นเพื่อนของอินทิรา จึงนั่งรอเงียบๆ สีหน้าอโรชาขณะคุยโทรศัพท์ดูเครียดแต่น้ำเสียงยังปกติ นายแพทย์อารักษ์นั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตาจับอยู่ที่รูปครอบครัว แขวนอยู่บนผนังหลังโต๊ะทำงานของอโรชา เป็นรูปหมู่ครอบครัวในชุดแพทย์มีอินทิรารวมอยู่ด้วย
“มีเรื่องอะไรหรืออุ้ม”
อโรชาวางโทรศัพท์ พร้อมเสียงถอนใจยาวสีหน้าขรึมครุ่นคิดเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงาน มองดูกรอบรูปคู่แบบพับได้วางอยู่บนโต๊ะทำงาน รูปแรกเป็นรูปอินทิราในวัยเด็กกำลังน่ารักฉีกยิ้มกว้างให้กล้อง ส่วนอีกรูปเป็นตอนโตแต่งชุดครุยรับปริญญา
“การที่อินมีพ่อแม่เป็นหมอ ไม่คิดว่ามันจะสร้างแรงกดดันให้เขา”
“ทำไม” นายแพทย์อารักษ์ขมวดคิ้วถาม
“ตุลบอกว่า มีสตาฟวอร์ดคนหนึ่งชอบจับผิดเล่นงานอินเรื่อย ชอบพูดว่าเป็นลูกหมอมีความสามารถแค่นี้เองเหรอ” อโรชาเล่าด้วยสีหน้าขรึมเครียด แววตาฉายแววไม่สบายใจเป็นห่วงลูก
“อุ้มเคยเป็นหมออินเทิร์นที่นั่น อะไร ๆ เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ตอนไปส่งลูกเห็นอยู่ว่าโรงพยาบาลใหญ่โตขึ้นมาก แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งไม่เคยเปลี่ยน คือจำนวนคนไข้ในแต่ละวันยังมากเหมือนเดิม อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ตอนนั้นอุ้มไม่มีปัญหากับสตาฟได้สตาฟดีด้วยซ้ำ ยังรู้สึกว่าหนักเหนื่อยมาก ควงเวรทีไม่เคยต่ำกว่าสามสิบกว่าชั่วโมง ยุ่งทั้งคืนเช้ามาต้องมาราวน์วอร์ดต่อ ราวน์วอร์ดเสร็จต่อด้วยตรวจคนไข้แผนกOPD”
“ถามตุลหรือเปล่า ว่าอินเป็นยังไงบ้าง” นายแพทย์อารักษ์ถามด้วยแววตาเป็นกังวลห่วงลูกสาว
“เขาใจสู้ค่ะ ตุลบอกว่าอินไม่เคยบ่นเลย จะถูกสตาฟตำหนิต่อว่ายังไงเขานิ่ง พยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด” อโรชาถอนใจเข้าใจดีถึงสถาการณ์ของลูกในตอนนี้ เพราะตัวเองเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว
“แต่การที่ต้องควงเวรยาวไม่ได้นอน มันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง มันทั้งเหนื่อยและล้า”
“พี่ว่าจะชวนอุ้มไปเยี่ยมลูก ลูกไปเป็นหมออินเทิร์นไม่ได้กลับบ้านเลย เจอกันอีกทีตอนรับปริญญา หลังจากนั้นไม่ได้เจอกันอีก แค่จะพูดคุยกันทางโทรศัพท์ยังยาก เราเองงานเยอะลูกก็เหนื่อยไม่ค่อยมีเวลา จะรอให้เขาได้วันหยุดกลับมาบ้านท่าทางจะยาก”
“ควงเวรสามสิบกว่าชั่วโมง พักสิบหกชั่วโมงแล้วเริ่มเวรใหม่วนลูปอยู่อย่างนั้น ยากค่ะที่จะได้กลับบ้าน หมออินเทิร์นช่วงแรกลาไม่ได้เลย จนกว่าจะผ่านหกเดือนแรก ต้องเอามาลาตอนรับปริญญา” อโรชาส่ายหน้าว่า เข้าใจถึงสถานการณ์ของลูก
“ขออุ้มเช็ควันหยุดของลูกก่อน เราไปหาจะได้เจอลูกไม่เสียเที่ยว”
“การเป็นหมออินเทิร์นจบใหม่ มันก็มีจุดเด่นอยู่นะ” อโรชามองหน้าสามีที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“หมออินเทิร์นจบใหม่แม้ประสบการณ์จะน้อย สู้หมอจบมานานแล้วไม่ได้ แต่เขามีจุดเด่น”
“ยังไงคะ”
“โรคทั่วไปเขาจะตรวจได้ดี ตรวจละเอียดด้วย เพราะเขาพึ่งจบมา ความรู้ยังเฟรชยังอัปเดต อย่างโรคความดัน เบาหวานไกด์ไลน์อัปเดตแน่นอน ค่าเลือดตัวไหนเท่าไหร่ ยาตัวใหม่อะไรรู้หมด ตรวจตามไกด์ไลน์ ตรวจตามตำราเป๊ะมาก” อโรชาพยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้
“มันเป็นข้อดีของคนประสบการณ์น้อย เขาจะระวังมาก พอระวังจะละเอียดเพราะกลัวผิดพลาด ไฟในการทำงานยังเต็มเปี่ยม บางคนไฟจะดับตอนเป็นหมออินเทิร์นนี่แหละ”
“พี่โอมพูดจนอุ้มนึกภาพตามได้เลย นึกถึงตัวเองตอนเป็นหมออินเทิร์นเหนื่อยมาก แค่คิดว่าลูกต้องเจออะไรบ้าง สามารถมองภาพในหัวออกเลย” อโรชาส่ายหน้า นึกถึงลูกด้วยความรู้สึกเป็นห่วงตามประสาแม่
“นี่คือข้อดีของหมอจบใหม่ ถ้าเขาอดทนผ่านสามปีไปได้ ถือว่าเก่งเขาจะโตขึ้นในหลาย ๆ ด้าน มันคือการเพิ่มพูนทักษะสั่งสมประสบการณ์ เพราะการเป็นแพทย์ยังต้องเจอะเจอความเหน็ดเหนื่อยอีกเยอะ แต่พี่เชื่อมั่นในตัวลูกของเรา ว่าเขาแกร่งพอ เขาได้เลือดหมอจากพ่อกับแม่เต็มเปี่ยม” กำลังคุยกันอยู่เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นขัดการสนทนา นายแพทย์อารักษ์ดังโทรศัพท์มาดู
“พี่ต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้ว อุ้มเช็คดูก็แล้วกันว่าเราจะไปหาลูกได้วันไหน พี่จะพยายามเคลียร์งานให้ว่างตรงกับวันหยุดลูก”
ภายในวอร์ดมีนักศึกษาแพทย์ แพทย์อินเทิร์นอยู่กันเต็มตรงส่วนที่ทำงานของแพทย์กับพยาบาล โดยมีเคาน์เตอร์กั้นแยกออกจากเตียงคนไข้ให้เป็นสัดส่วน คนไข้มีเป็นจำนวนมาก เสริมเตียงจนล้นออกไประเบียงหน้าวอร์ด และยาวไปถึงหน้าลิฟต์ไม่มีเตียงว่างเลย นักศึกษาแพทย์เป็นกลุ่มแรกที่มาถึง เพื่อมาซักประวัติคนไข้ตรวจร่างกาย ดูผลแล็ป ผลเลือดมาบอกรุ่นพี่จึงดูวุ่นวายพอสมควร
อินทิราอยู่ในชุดสครับสีฟ้า ขึ้นเวรมาทั้งคืนยังไม่ได้นอนต้องมาราวน์วอร์ดต่อ ไม่มีกระทั่งเวลาไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ต้องมาราวน์ก่อนคร่าว ๆ รอบหนึ่งเพื่อดูเคสคนไข้ จะได้เล่าเคสให้อาจารย์ฟังได้ ก่อนราวน์รอบจริงตอนอาจารย์
มาถึง
สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย พยายามตั้งสมาธิจำเคสต่างๆ สะบัดศีรษะหลายครั้ง เพื่อไล่ความง่วงกระตุ้นตัวเอง ด้วยจำนวนคนไข้มีเยอะต่อให้พยายามแค่ไหนก็ราวน์เคสไม่ทัน เมื่ออาจารย์แพทย์มาถึงได้เวลาต้องราวน์จริง ไปดูคนไข้ตามเตียงต่าง ๆ ในความรับผิดชอบ พร้อมอาจารย์แพทย์ แพทย์รุ่นพี่และนักศึกษาแพทย์
ภายในวอร์ดจึงหนาแน่นไปด้วยนักศึกษาแพทย์ แพทย์อินเทิร์น แพทย์และอาจารย์แพทย์ จับกันเป็นกลุ่มยืนอยู่ตรงปลายเตียงของคนไข้ เตียงละร่วมสิบคน มีนักศึกษาแพทย์อยู่วงนอกสุด คอยดูแพทย์กับอาจารย์พูดคุยกันเรื่องอาการของคนไข้ จะได้เรียนรู้ไปด้วย ดูว่าใครอาการดีขึ้นใครอาการแย่ลง หมอต้องทำอะไรต่อ ต้องปรับยาไหมหรือส่งตรวจอะไรเพิ่มเติม
สตาฟหรืออาจารย์แพทย์ของอินทิรา เป็นแพทย์หญิงวัยกลางคนตัวเล็กพอ ๆ กับบุษกร สีหน้าเรียบนิ่งจนดูน่ากลัว มองหน้าหมออินเทิร์นนิ่ง อินทิราถือชาร์ตคนไข้อยู่ในมือ พร้อมทั้งเล่าอาการของคนไข้ให้อาจารย์แพทย์ฟัง
ด้วยมีความสูงที่โดดเด่น สูงกว่าผู้ชายทุกคนในกลุ่ม หน้าคมดูดีเหมือนหมอหนุ่มมากกว่าจะเป็นหมอหญิง ตัดผมสั้นดูหล่อโดดเด่นผสมสวย จนทำให้นักศึกษาแพทย์หลายคนเฝ้ามองเพลิดเพลิน ผมสั้นคงแค่ใช้มือเสยไว้ไม่ได้สัมผัสหวีเลย ระหว่างเล่าเคสมีบรรดานักศึกษาแพทย์คอยลุ้นเอาใจช่วย รู้ว่าพี่อินเทิร์นขึ้นเวรมาทั้งคืนยังไม่ได้นอน อาจารย์คอยถามขัดเป็นระยะถึงอาการของคนไข้และแนวทางการรักษา
“เล่าเคสไม่รู้เรื่อง ขาดความน่าเชื่อถือ”
หมออินเทิร์นร่างสูงโปร่งยืนนิ่งเมื่อถูกอาจารย์แพทย์ตำหนิ ต่อหน้านักศึกษาแพทย์ แพทย์รุ่นพี่และคนไข้ สุดท้ายเหมือนทุกครั้งด้วยคำพูดเย้ยหยันว่าความสามารถน้อย ไม่สมกับเป็นลูกหมอ อินทิรานิ่งไม่ตอบโต้ ทำใจไว้แล้วเพราะโดนประจำเวลามาราวน์วอร์ดนี้
พยาบาลวัยสาวยืนอยู่ข้างหลัง ได้แต่มองดูอย่างเห็นใจ เห็นอินทิราถูกอาจารย์แพทย์คนนี้ตำหนิบ่อย เวลามาราวน์วอร์ดนี้แม้บางครั้งจะทำได้ดีไม่มีผิดพลาดยังหาเรื่องมาตำหนิเหมือนมีอคติต่อกัน
“สู้ ๆ นะคะคุณหมอ” อินทิราฝืนยิ้มด้วย เมื่อพี่พยาบาลเข้ามาพูดเสียงเบาให้กำลังใจ ขณะกำลังจะย้ายไปดูคนไข้เตียงต่อไป
“ยังไม่ได้นอนใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ เมื่อคืนขึ้นเวรอีอาร์ มีอุบัติเหตุใหญ่ยุ่งทั้งคืนจนสว่าง ยังไม่ได้กลับห้องต้องมาราวน์วอร์ดต่อ”
พอไปถึงคนไข้เตียงต่อไป อินทิราเล่าเคสได้ดีขึ้นมากมีบ้างบางครั้งเหมือนจะติดขัด ได้พี่พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างหลังคอยกระซิบบอก ทำให้เล่าเคสได้ราบรื่นขึ้น เพราะพยาบาลอยู่ประจำวอร์ด รู้อาการคนไข้แต่ละเตียงดีกว่าหมออินเทิร์น ไม่ต้องเวียนไปตามวอร์ดต่าง ๆ เหมือนหมออินเทิร์น อาจารย์แพทย์ยังคงทำหน้านิ่งขณะฟังหมออินเทิร์นเล่าเคส แค่ไม่ตำหนิไม่ยิงคำถามขัดอินทิราพอใจแล้วถือว่าเล่าเคสผ่าน
กว่าจะราวน์วอร์ดเสร็จเริ่มสาย ต้องมาเคลียร์วอร์ดต่อ เคลียร์สิ่งที่ตัวเองได้ออเดอร์ไว้ ต้องรีบเร่งทำก่อนไปตรวจคนไข้แผนก OPD ต่อ
“ขอบคุณพี่พยาบาลมากนะคะ ที่ช่วยหมอเมื่อเช้า” อินทิราเข้าไปขอบคุณพี่พยาบาลหลังจากเคลียร์วอร์ดเสร็จ ก่อนไปทำงานต่อ
“ถ้าไม่ได้พี่พยาบาลคอยกระซิบบอก หมอคงถูกอาจารย์ตำหนิมากกว่านี้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ คุณหมอทานข้าวเช้าหรือยังคะ”
“ยังค่ะ ต้องไปตรวจคนไข้ OPD ต่อ หมอไปก่อนนะคะ ป่านนี้คนไข้คงมา รอกันเต็มแล้ว ต้องได้เจอสายตาตำหนิจากคนไข้แน่ว่าทำไมหมอมาสาย” พยาบาลได้แต่มองตามอย่างเห็นใจ เห็นหมออินเทิร์นรีบเร่งออกไป