ตอนที่.7 น้องม.4 พี่ม.6 (1)

1937 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.7 น้องม.4 พี่ม.6 (1) โดย: srikarin2489 “บุษไปหาที่ห้องน้ำไม่เจอ อินมาคุยอยู่กับน้องม.4นี่เอง” นอกจากบุษกรยังมีตุลยาเดินตามหลังมาด้วย ตุลยาสูงไล่เลี่ยกับอินทิราหน้าตาดีสวยคมออกโทนไทยแท้ ฝ่ายอินทิราดูก็รู้ว่ามีสายเลือดผสมฝรั่ง ส่วนบุษกรเป็นสาวหมวยหน้าตาสวยน่ารักสดใส สวมแว่นกรอบกลมเลนส์บาง ดวงตาหลังแว่นกลมโตสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวจัดเนียนสดใสสมวัย มีความสูงเพียง 160 ซม. “เงาแกมันมาตามแล้วอิน มันจะคลั่งที่หาแกไม่เจอ” “ไอ้บ้าตุล” บุษกรหันไปแว้ดใส่เพื่อนตาวาวไม่พอใจ แต่ตุลยาไม่โกรธกลับยิ้มยียวนกวนประสาท บุษกรเลยแยกเขี้ยวใส่ “พี่ตุลกินขนมค่ะ” “ขอบใจนะน้องแนน” ตุลยาโน้มตัวไปหยิบขนมมากิน “ไอ้ตะกละ” บุษกรร้องว่าเพื่อน “น้องเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ เราต้องไม่ให้เขาเสียน้ำใจสิ” “พี่ไปก่อนนะ” อินทิรารีบพาเพื่อนทั้งสองออกมา ก่อนที่จะต่อปากต่อคำกันต่อหน้าน้องม.4 มือหนึ่งดึงแขนตุลยาที่หยิบขนมของน้องม.4ติดมือมาด้วย โดยมีบุษกรเกาะแขนอีกข้าง “อิน วันเสาร์นี้แกจะไปร้านพี่ยอร์ชใช่มั้ย” ตุลยาหันไปถามเพื่อน ระหว่างเดินกลับห้องเรียนด้วยกัน “พี่ยอร์ชประมูลบิ๊กไบค์มาได้หลายคัน เห็นบอกว่าสวย ๆ ทั้งนั้นเลย ฉันจะไปดูรถ” “ฉันไปด้วยคนดิ” ตุลยาเข้ากระแซะแขนเพื่อนแล้วบอก “พี่ยอร์ชยอมให้แกขับบิ๊กไบค์แล้วใช่มั้ย” “แกจะไปทำไมตุล” บุษกรว่าขัดจังหวะ “ฉันอยากหัดขับบิ๊กไบค์ พี่ชายแกเขาเก่งมาก ฉันจะฝากตัวเป็นลูกศิษย์พี่ยอร์ช ฉันขับมอเตอร์ไซค์เก่งนะโว้ย ตอนปิดเทอมเวลากลับไปบ้านที่ชุมพร ฉันซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ประจำ แต่นั่นมันรถธรรมดา อยากหัดขับบิ๊กไบค์บ้างฉันไปด้วยนะอิน” “แกไปด้วยก็ดีตุลจะได้หัดด้วยกัน พี่ยอร์ชเขามีบิ๊กไบค์เก่าไว้ให้หัดขับ ฉันต้องฝึกขับให้เก่งให้ได้ แล้วจะขอคุณพ่อซื้อสักคัน” อินทิรากับตุลยาคุยกันเรื่องรถบิ๊กไบค์ ด้วยท่าทางสนุกสนาน ส่วนบุษกรทำหน้าเซ็งเบื่อไม่ชอบด้วย ตุลยาเป็นเพื่อนสนิทของอินทิรากับบุษกร พื้นเพมาจากภาคใต้ มีพ่อเป็นคนใต้ส่วนแม่เป็นคนกรุงเทพฯ ตุลยาจึงดูสวยคมอย่างสาวใต้ สูงไล่เลี่ยกับอินทิรา สูงถึง176 ซม. เป็นคู่กัดกับบุษกรคอยกัดคอยแซะกันตลอด “แกมาเรียนที่นี่ตอนม.1 บอกว่าจะเรียนแค่ปีเดียว ทำไมอยู่ยาวมาถึงม.6ล่ะตุล” “ไม่รู้ หลงเสน่ห์อะไรเข้าไปไม่รู้ หาทางกลับชุมพรไม่เจอเลย” ปากตอบอินทิรา แต่หน้าหันไปยิ้มยักคิ้วยั่วบุษกรที่แยกเขี้ยวให้เป็นการตอบโต้ “ตอนแม่บอกว่าจะพามาเรียนที่กรุงเทพฯ ฉันไม่อยากมาเลย แต่แม่ในฐานะลูกสาวคนเดียวของคุณยาย และไม่ได้ทำงานประจำแค่ช่วยงานธุรกิจของพ่อฉัน ต้องเสียสละมาดูแลคุณยายที่ป่วยหนัก พวกลุง ๆ เขาต้องทำงานและเป็นผู้ชายด้วย เลยเอาฉันกับน้องสาวมาด้วย จะปล่อยไว้กับพ่อที่ชุมพร พ่อเขาไม่ค่อยมีเวลาดูแล ต่อรองกันว่าเรียนแค่ปีเดียว พอครบปีทำไมฉันไม่อยากกลับก็ไม่รู้ เลยอยู่ยาวมาถึงเดี๋ยวนี้ แม่เลยกลับกับไอ้ตาลน้องสาวฉัน ไอ้ตาลมันเป็นลูกแหง่ติดแม่ ฉันโตแล้วฉันไม่ติดแม่” ประกาศบอกเสียงดังภูมิใจ “แหวะ...ไม่ติดแม่แต่ติดนมกล่องแทน” ตุลยาหัวเราะชอบใจ เมื่อถูกบุษกรทำเสียงขัดหมั่นไส้ “ปิดเทอมนี้ฉันจะไม่กลับชุมพร จะอยู่ติวหนังสือกับแก แกสะดวกติวให้ฉันมั้ยอิน” “ไม่มีปัญหา ทำไมแกเลิกเรียนกวดวิชาล่ะ” ตุลยาทำท่าคิด “อืม...เอาจริง ๆ นะ ฉันติวกับแกเข้าใจดีกว่าไปเรียนกวดวิชา โรงเรียนกวดวิชาคนมันเยอะอาจารย์ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ติวกับแกเวลาฉันไม่เข้าใจสงสัยตรงไหน ฉันถามตอบโต้กับแกได้ทันที ทำให้ฉันเข้าใจและจำได้ดียิ่งขึ้น ฉันต้องสอบเข้าแพทย์ให้ได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้บุษไปกับแกแค่สองคน มันจะสอบเข้าแพทย์ฉันต้องสอบด้วย” “ไอ้คนไม่มีความคิด ดีแต่ตามคนอื่น” บุษกรร้องว่า “ตาลน้องสาวแกยังมีความคิดกว่า เขามีความฝันอยากเป็นแอร์ และมีความมุ่งมั่นมากจะเป็นให้ได้ ส่วนแกแค่อยากตามฉันกับอินนี่นะ” “แกรู้มั้ยบุษ เพราะไอ้ตาลมันอยากเป็นแอร์ พลอยลำบากฉันด้วย มันบังคับให้ฉันโทรไปคุยกับมัน อย่างน้อยอาทิตย์ละ2ครั้ง ต้องคุยเป็นภาษาอังกฤษด้วย อาทิตย์ไหนฉันลืมโทร มันฟ้องพ่อกับแม่จนแม่ต้องโทรมาบ่นว่าฉัน ไอ้น้องคนนี้มันแสบจริง ๆ แกไม่เคยมีน้อง ไม่รู้หรอกว่ามันน่าปวดหัว” ตุลยาส่ายหน้าบ่น “มิน่าล่ะ...ภาษาอังกฤษแกดีขึ้นเยอะเลยนะตุล ฉันจำได้ตอนแกมาเรียนที่นี่ใหม่ ๆ สำเนียงภาษาอังกฤษติดใต้ของแก ทำเอาฉันหัวเราะ ใช่มั้ยอิน ตอนนั้นอินยังหัวเราะเลย” อินทิราเพียงยิ้มขำเมื่อเพื่อนหันมาถาม “ฉันมันเด็กต่างจังหวัด จะสำเนียงเป๊ะเหมือนแกเหรอ” “แกฝึกให้น้อง พลอยทำให้ภาษาอังกฤษแกดีขึ้นด้วย นี่คือข้อดีไอ้ตุลนมกล่อง” ตุลยาหัวเราะชอบใจอีก เมื่อเพื่อนยื่นหน้ามาว่า “คงจะจริงอย่างแกว่านะบุษ ขอบใจนะหมวยที่เข้าใจฉัน” บุษกรมองค้อนเมื่อเพื่อนหันมายิ้มยั่ว “ฉันต้องสอบเข้าแพทย์ให้ได้ ไม่ปล่อยให้แกไปกับอินแค่สองคน ฉันจะตามไปเป็นก้างทิ่มคอแกตลอดไป” “ไอ้บ้า...ไอ้ซาดิสต์” แทนที่จะโกรธตุลยากลับหัวเราะเสียงดัง ทำให้บุษกรโมโหพุ่งร่างเข้าหาจะทุบ แต่ตุลยาถอยหลบฉากได้ก่อน วิ่งหนีและหลอกล่อให้บุษกรวิ่งไล่ตาม คนขาสั้นกว่ายากที่จะไล่ตามคนขายาวทัน ได้แต่ตะโกนว่าตามหลัง อินทิรามองดูเพื่อนทั้งสองไล่ทุบกันแล้วยิ้มขำ เป็นเรื่องปกติคุ้นตาที่จะเห็นตุลยากับบุษกรเป็นคู่กัดคอยแขวะกันตลอดไม่ยอมกัน แต่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 หลังจากอินทิราเข้ามาให้ณิชมนแนะนำให้รู้จักกับปาลิดาอย่างเป็นทางการแล้ว ปาลิดาเริ่มผิดสังเกตมักจะเห็นพี่ม.6มาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ บางครั้งทำเป็นเข้ามาพูดคุยทักทายกับณิชมน แต่คอยส่งสายตายิ้มมาให้เธอ แม่ขับรถมารับมาส่งเองทุกวัน ปาลิดาคุ้นเคยกับโรงเรียนแล้ว ไม่ต้องให้ณิชมนมายืนรอรับเหมือนช่วงแรก ปาลิดาหิ้วกระเป๋านักเรียนสีดำจะขึ้นบันไดอาคารเรียน แต่พลันชะงักเมื่อเห็นร่างสูงของพี่ม.6คนดัง ยืนพิงผนังตึกข้างบันไดท่าทางเหมือนรอใคร พอเธอหันไปมองฝ่ายนั้นยิ้มให้แต่ไม่พูดอะไร ปาลิดาจะเจออินทิราตรงบันไดทางขึ้นอาคารเรียนทุกเช้า จนวันหนึ่งเธอไม่เดินผ่านไปเลยเช่นทุกวัน แต่หยุดเดินแล้วหันไปทางพี่ม.6 “เจอตรงนี้ทุกวันแบบนี้ ตั้งใจมาดักรอใครหรือพี่อิน” “เปล่า” คนถูกถามรีบร้องปฏิเสธ ยิ้มแห้งปนเขินไม่คิดว่าปาลิดาจะหยุดถาม เพราะที่ผ่านมาแค่มองแล้วเดินผ่านไปเลย “พรุ่งนี้อย่าลืมมาดักรออีกนะ” ปาลิดาร้องบอกตามหลัง คนที่กำลังจะเดินหนีขึ้นบันไดด้วยความเขินถูกรู้ทันว่ามาดักรอ คำร้องบอกนั้นทำให้อินทิรายิ้มดีใจ วิ่งขึ้นบันไดไปไม่เห็นว่าคนมองตามยิ้มขำ วันต่อมาปาลิดามาถึงโรงเรียนในตอนเช้า ปรากฏว่าไม่เห็นพี่ม.6 มายืนดักรอเหมือนทุกวัน ได้แต่หยุดยืนมองหา ขณะกำลังมองหาคนที่ชอบมาดักรอ ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง “แชะ” ปาลิดาหับขวับไปทางเสียง ปรากฏว่าเป็นอินทิรา กำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเธออยู่ “ถ่ายรูปฟางหรือพี่อิน” ทำหน้าขึงขังไม่จริงจังร้องว่า อินทิราพยักหน้า ดูรูปในโทรศัพท์แล้วยิ้มพอใจ ขยับจะเดินขึ้นบันได “ทำแบบนี้ได้ไง ถ่ายรูปไม่ขออนุญาต เอามาให้ฟางดูก่อน” ปาลิดาวางกระเป๋านักเรียน แล้วพุ่งร่างเข้ามาหาพี่ม.6 “เฮ้ย...ระวังเดี๋ยวล้ม” อินทิราร้องลั่นตกใจ ไม่คิดว่าจะถูกอีกฝ่ายรุกประชิด ด้วยการเอาแขนขวากอดล็อคคอเธอไว้จากทางด้านหลัง ทำให้เสียหลักเซถอยหลัง แต่ยั้งร่างตัวเองไว้ทัน “เอามาให้ฟางดู ว่าพี่อินถ่ายรูปอะไรฟาง” “โอเค...โอเค...เอ้าดูเลย” บอกพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ ปาลิดารับมาเลื่อนดูรูป เป็นรูปเธอทั้งหมดห้ารูปในอิริยาบถเผลอ “แอบถ่ายรูปฟางทำไม” เธอมัวแต่ก้มดูรูป ไม่เห็นว่าเจ้าของโทรศัพท์ยื่นหน้ามาดูด้วย พอเธอเงยหน้าขึ้นถามทำให้ใบหน้าแทบชนกัน ทำให้ต่างชะงักไป อินทิรายิ้มสดใสมองสบตากันชิดใกล้ ปาลิดาขยับถอยนิด แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อสบตาพี่ม.6ที่ยิ้มตาเป็นประกาย “เห็นมั้ยมีแต่รูปสวย ๆ ไม่มีรูปอะไรเสียหาย” “พี่อินยังไม่ตอบเลย แอบถ่ายรูปฟางทำไม” “เอาไว้ดู วันหยุดไม่ได้มาโรงเรียน เวลาคิดถึงจะได้เปิดดู” ตอบพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม อินทิราเวลาอารมณ์ดีมีความสุข จะยิ้มทั้งปากและนัยน์ตาทำให้คนมองรู้สึกสดใสอยากยิ้มตาม “จะมาคิดถึงทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “คนมันคิดถึง ได้ดูรูปในโทรศัพท์ก็ยังดี” “ถ้างั้นฟางจะแถมให้อีกรูป” อินทิรายังไม่ทันตั้งตัว ถูกอีกฝ่ายเอื้อมมือซ้ายมากอดคอดึงเข้าไปหา แล้วกดถ่ายรูป รูปจึงเป็นลักษณะปาลิดายิ้มสนุก ส่วนอินทิราทำหน้าเหวอตกใจ “เอ้า...รูปเมื่อกี้ฟางแถมให้ ถ้าอยากถ่ายรูปฟางให้บอก ไม่ต้องมาแอบถ่าย จะโพสต์ท่าสวยๆ ให้ถ่ายเลย” ยัดโทรศัพท์ใส่มือพี่ม.6 แล้วเดินไปคว้ากระเป๋านักเรียน “พรุ่งนี้อย่าลืมมาดักรออีกนะ” หันมาร้องบอกด้วยรอยยิ้มสนุก ได้แกล้งพี่ม.6 แล้วเดินขึ้นบันไดไปใบหน้ายิ้มกริ่มพอใจที่ได้แกล้งคนเล่น “อะไรของเขา นึกว่าจะโกรธกลับแถมรูปให้” อินทิราพึมพำมองตามด้วยสีหน้าแปลกใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตกอยู่ในสายตาของตุลยาผ่านมาเห็นพอดี ตุลยามองดูเพื่อนกับน้องม.4ด้วยแววตาครุ่นคิดสงสัย เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี ไม่เคยเห็นเพื่อนมีอาการแบบนี้กับใครมาก่อนเลย “ดูอะไรอิน”ยื่นหน้าไปถามเพื่อนที่กำลังดูรูปในโทรศัพท์ “เฮ้ย...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD