ลันลนาลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำเพื่อปัสสาวะก็เหลือป้ากับเพื่อนทั้งสองคนนั่งอยู่ที่โต้ะและดื่มกาแฟคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทที่รู้เรื่องของกันและกันดี
“ตกลงว่าคุณเต้มีเมียน้อยจริงเหรอเธอ” ทิพยาดาถามเพื่อนและเรื่องนี้ทำให้ผลิตาอยู่ไม่เป็นสุขเพราะกลัวเมียน้อยจะมีทายาทให้สามี
“ฉันยังไม่แน่ใจ แต่วันนั้นฉันได้ยินเขาเรียกว่าที่รัก และแกคิดว่าเขาเรียกใครล่ะ” เธอยังไม่ได้ถามสามีเพราะกลัวเขาจะรู้ตัวจึงให้นักสืบแอบตามเงียบๆแต่ยังไม่ได้เรื่องอะไรเพราะเขาไปทำงานและไปประชุมไปดูงานกับทีมบริหารตามปกติและยังมีคนสนิทของเขากับแฟนไปด้วยตลอด
“นักสืบก็ไม่ได้เรื่องเหรอลีฟ”
“ยังอ่ะ เขาบอกว่าคุณเต้ก็ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติก็คงต้องรอดูสักพักก่อน” แต่สามีของเธอก็ไม่ได้ทำตัวผิดปกติเขาเลิกงานแล้วกลับถึงบ้านสองทุ่มตลอดและถ้ามีงานเลี้ยงก็จะกลับพร้อมกันและไปงานด้วยกันและนอกเหนือจากนั้นเขาไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือกับลูกค้าเธอก็ไม่ได้ไปด้วยเพราะส่วนมากจะมีแต่ผู้ชายและถ้ามีลูกค้าผู้หญิงเธอถึงจะไปด้วยและถ้าเธอไม่ไปก็จะมีคนสนิทกับแฟนช่วยดูแลจัดการให้ตลอด
“หรือว่าเธอจะเข้าใจคุณเต้ผิดหรือเปล่าลีฟ”
“มันก็ไม่แน่นะอุ้ม พวกผู้ชายมันไว้ใจได้ที่ไหนพอลับหลังเรามันก็ออกลายทั้งนั้นแหละ” ทิพยาดามีประสบการณ์มาก่อนและเธอหย่ากับสามีก็เพราะมือที่สามแล้วได้สินสมรสกับค่าเลี้ยงดูมาเยอะจึงทำธุรกิจเครื่องสำอางของตัวเองเป็นหญิงแกร่งและแม่เลี้ยงเดี่ยว ส่วนเรื่องเซ็กส์เธอก็ไปเที่ยวตามบาร์โฮสต์หากินหนุ่มหล่อกล้ามใหญ่ไปเรื่อยๆไม่เอาเป็นตัวเป็นตน
“แต่คุณเต้เขาไม่ได้มีท่าทีเจ้าชู้แลยนะยาดา” ธิติมาเข้าใจดีว่าเพื่อนยังฝังใจเรื่องของสามีมีเมียน้อยอยู่
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะยาดา อุ้ม อะไรมันก็ไม่แน่เพราะฉันไม่มีทายาทให้เขาแม้จะมียัยแคลร์แต่ไม่ใช่สายเลือดของเขาและพ่อแม่ของเขาก็พูดตลอดว่าอยากมีหลานแล้วมันเป็นความผิดของฉันเหรอที่มีลูกไม่ได้น่ะ” ผลิตาบ่นเรื่องไม่มีลูกให้เพื่อนฟังมาตั้งแต่แต่งงานเพราะมันเป็นเรื่องเดียวที่เธอทำไม่ได้ ส่วนเรื่องงานหลังควบกิจการเข้าด้วยกันแล้วบริษัทก็เติโตอย่างก้าวกระโดดเพราะมีผู้บริหารเก่ง
“เธอยังทำใจไม่ได้อีกหรือไงนี่มันจะสามสิบปีแล้วนะลีฟ”
“ฉันทำใจได้นานแล้วล่ะอุ้ม แต่ที่ฉันทำใจไม่ได้หากทรัพย์สินที่มีจะตกไปเป็นของคนอื่นสู้ฉันยกให้ยัยแคลร์ไม่ดีกว่าเหรอยังไหลานมันก็ไม่ทิ้งฉันแน่”
“เธอคิดถูกแล้วลีฟ หนูแคลร์นิสัยดีน่ารักและกตัญญูไม่มีทางทิ้งเธอแน่” ธิติมาพูดกับเพื่อนตามที่เห็นลันลนามาตั้งแต่เด็ก
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ”
จากนั้นสามสาวใหญ่ไฮโซก็พูดเรื่องแฟชั่นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าที่พวกเธอไปช้อปมาและวางแผนไปช้อปเครื่องประดับก่อนจะกลับเมืองไทยในอีกสามวันที่จะถึงแล้วพากันกลับที่พักและลันลนาก็พักที่โรงแรมกับป้าทุกครั้งที่ท่านบินมาหา
“แคลร์กลับไปเอาชุดที่ห้องก่อนนะคะป้าลีฟ” เธอเอาเสื้อผ้ามาแค่สองชุดเพราะที่พักอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมหรูริม
“รีบไปรีบมาล่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันกินข้าวเย็น” ผลิตาบอกหลานสาวเพราะลันลนาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของเธอเพราะมีหลานที่ใกล้ชิดคนเดียวที่มีสายเลือดเดียวกันเพราะเป็นลูกน้องสาวสของเธอ ส่วนคนอื่นก็เป็นหลานที่เกิดจากลูกของลุงป้าน้าอา
“ค่ะป้าลีฟ” ร่างเล็กบอบบางสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตรสัดส่วนอกเอวสะโพกรับกันอย่างเหมาะเจาะใบหน้าเรียวปลายจมูกงอนเชิดขึ้นเล็กน้อยริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ ดวงตาโตทรงอัลมอนด์สดใสแวววาว ผิวสีน้ำผึ้งซึ่งชาวต่างชาติจะชอบผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้ง
อาพาร์ทเม้นท์สูงสิบชั้นใกล้มหาวิทยาลัยที่ลันลนาพักอาศัยมาตั้งแต่เธอเรียนมหาวิทยาลัยที่แคลีฟฟอร์เนียจนถึงตอนนี้ก็เกือบปีและอยู่โรงเรียนประจำอีกหกปีเพราะป้าส่งเธอมาเรียนที่นี่ตอนขึ้นมอหนึ่งหรือเกรดเจ็ดอยู่โรงเรียนประจำมีป้าฮันนี่เพื่อนของท่านช่วยดูแลเธอเพราะป้าฮันนี่มีสามีอยู่ที่นี่และท่านก็ใจดีและมีลูกชายหนึ่งคนแก่กว่าเธอไปสิบปีและตอนนี้แต่งงานมีลูกสาววันสามขวบน่ารักมาก
“เฮ้อ เหนื่อยจัง” ร่างเล็กบอบบางปิดประตูห้องแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาเพราะเสียพลังงานจากตามป้ากับเพื่อนของท่านไปช้อปปิ้ง
“ก๊อกกๆๆ..”
“ฉันเองแคลร์” ชามีนหรือมินท์ สาวลูกครึ่งไทยอเมริกาเพื่อนสนิทของลันลนาสมัยเรียนโรงเรียนประจำด้วยกันมาพอจบก็เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันแต่เรียนคนละสาขาและรู้เรื่องของเพื่อทุกอย่างเหมือนกับลันนาก็รู้เรื่องของเธอทุกอย่างเช่นกันและเธอก็ไม่อายที่แม่เคยทำงานบาร์มาก่อนและตอนนี้ก็ยังเปิดบาร์อยู่ที่ภูเก็ต
“เข้ามาก่อนสิมิ้นท์
“เพิ่งกลับมาเหรอแคลร์” ชามีนถามเพื่อนแล้วนั่งลงข้างๆ
“อื่อ กลับมาเอาเสื้อผ้าเดี๋ยวจะไปนอนกับป้าลีฟที่โรงแรมน่ะ” หญิงสาวเปิดประตูห้องกว้างให้เพื่อนรักเข้ามาในห้องและป้าของเธอก็ไม่ชอบมิ้นท์ที่เป็นลูกสาวบาร์แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอทำตามเพราะชามีนนิสัยดีน่ารักทำไมเธอต้องเลิกคบเพื่อนที่ดีอย่างชามีนด้วยล่ะและทุกครั้งที่ป้ามาเธอก็จะบอกเพื่อนรักก่อนทุกครั้งเพื่อจะได้ไม่เผชิญหน้ากัน
“ฉันจะกลับเมืองไทยก่อนเธอแล้วนะแคลร์” ชามีนเอนศีรษะพิงไหล่เพื่อนเพราะเธอเพิ่งเรียนจบและกำลังจะทำงานและใช้ชีวิตอิสระมาหลายปีและสาเหตุที่ต้องกลับบ้านเพราะแม่จะให้เธอแต่งงานกับนายหัวอะไรก็ไม่รู้
“อ้าว แล้วเรื่องงานของเธอล่ะ”
“ก็คงไม่ได้ทำแล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะมิ้นท์ มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า” เธอกับเพื่อนเรียนจบพร้อมกันและไปสมัครงานและสัมภาษณ์ที่เดียวกัน
“แม่จะให้ฉันแต่งงานน่ะ”
“แต่งงานเหรอ”
“ใช่ แต่งกับนายหัวอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แกปฏิเสธไปสิ”
“ถ้าทำได้ฉันทำไปแล้ว เขามีอิทธิพลมากในภูเก็ตจะเรียกเจ้าพ่อก็ว่าได้และหากไม่ทำธุรกิจของแม่จะต้องย้ายออกจากภูเก็ตแล้วแด๊ดกับแม่ก็ลงทุนที่นั่นไปเยอะและเขาเห็นรูปของฉันที่บาร์ของแม่ก็ยื่นข้อเสนอให้แต่งงานกับเขา ถ้าเป็นแกจะทำยังไงแคลร์” ชามีนมองเพื่อนน้ำตาคลอเพราะเธอไม่มีทางเลือก
“มินท์..” ลันลนาโอบกอดเพื่อนรักด้วยความเห็นใจและอดคิดถึงตัวเองไม่ได้หากป้าจะให้เธอแต่งงานเธอก็ต้องแต่งไม่ว่าจะรักหรือไม่ก็ต้องทำตามความต้องการของท่าน
“ฉันน่าจะกลับอาทิตย์หน้านะแคลร์”
“แล้วฉันจะไปหาแกที่ภูเก็ตนะมินท์”
“ได้สิ แกกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ก็บอกละกัน”
“น่าจะปลายปีนี้แหละ เพราะป้าลีฟให้เวลาฉันแค่ปีเดียว”
“ก็ยังดีที่แกยังมีเวลาทำตามใจตัวเองก่อนจะกลับเมืองไทย”
“พวกแกไม่อยู่แล้วฉันจะทำยังไงล่ะ” หลังเรียนจบปริญญาโทแล้วนิวหรือ นุชจรินก็กลับเมืองไทยก่อนเธอกับชามีนและตอนนี้ชามีนจะกลับก่อนเธออีก
“ยังมีแองกัสไงล่ะ”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากให้ความหวังแองกัสนะมิ้นท์ เพราะวันหนึ่งป้าอาจจะจับฉันแต่งงานกับใครสักคนก็ได้” เธอกับแองกัสคบหากันฉันท์เพื่อนและไม่อยากให้ความหวังเพราะมันคงเป็นไปไม่ได้
“เลือกเกิดได้ก็ดีสิเนาะแคลร์ เฮ้อ..” เธอทำใจมาเป็นอาทิตย์หลังจากที่แม่บอกว่าจะให้เธอแต่งงานกับนายหัวรุ่นพ่อและเธอขอเวลาอยู่ต่ออีกสามเดือนแล้วจะกลับแต่นี่ยังไม่ถึงสองอาทิตย์เลยแม่ก็โทรมาเร่งให้กลับและยังส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เรียบร้อย
“ฉันก็ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นยังไงเหมือนกันนะมิ้นท์ แต่มันคงไปไปตามโชคชะตาของเราเองอะไรจะเกิดขึ้นก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตละกัน”
“สาธุจ้าแม่ชี” เธอมีลันลนาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและถ้ากลับเมืองไทยแล้วคงจะหาเวลาเจอกันยากขึ้นเพราะต่างก็ต้องมีหน้าที่ของตัวเอง
“ฉันเก็บเสื้อผ้าแป๊บนะแกอีกสองวันเจอกันนะ”
“ได้ๆ ขอบใจมากนะแคลร์ที่ทำให้ฉันสบายใจขึ้น”
“ขอให้แกพลาดหวังจากการแต่งานกับนายหัวนะมิ้นท์”
“สมพรปากนะเพื่อนรัก” ชามีนกอดเพื่อนอีกครั้งแล้วเดินออกจากห้องกลับห้องพักของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนรัก
เมื่อเก็บของเสร็จแล้วลันลนาก็นั่งรถเมล์ไปโรงแรมที่ป้าพักแม้จะมีความเป็นอยู่สบายแต่เธอก็ใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาต่างชาติทั่วไป พอไปถึงก็ทานอาหารกับพวกท่านก่อนจะขึ้นไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้จะไปช้อปปิ้งกันต่อ
วันถัดมา
ลันลนาพาป้ากับเพื่อนไปที่ห้างหรูเดินดูสินค้าแบรนด์เนมคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดเพราะบางอย่างที่เมืองไทยยังไม่เข้าเมื่อไปถึงก็ไปนั่งดื่มกาแฟรอเพื่อนของท่าน
“ทางนี้ค่ะป้าฮันนี่ สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเรียกเพื่อนของป้าที่มองหาป้าของเธออยู่หน้าร้าน
“สวัสดีจ้ะสาวน้อย ดูสิตั้งแต่เรียนจบยังไม่ได้เจอกันเลยนะจ้ะ” อันทินีต่อว่าหลานสาวเพื่อนยิ้มๆ
“ตอนแรกแคลร์ว่าจะไปขอนอนบ้านป้าฮันนี่สักสองสามคืนแต่ว่าป้าลีฟมาก่อนค่ะ เอาไว้วันหยุดหน้าแคลร์จะไปให้ป้าฮันนี่เลี้ยงนะคะ” เสียงหวานออดอ้อนป้าฮันนี่คนสวยและใจดีกับเธอมากจนพี่เฮนรีว่าป้ารักเธอมากกว่าลูกชาย