“ได้เลยลูก เป็นไงลีฟ ทิพย์ อุ้ม ช้อปจนห้างแตกเลยสิ” อันทินีแซวเพื่อนที่มาเพื่อช้อปปิ้ง
“มาถึงที่แล้วจะกลับไปมือเปล่าได้ยังไงล่ะฮันนี่”
“ถ้ารอเธอกลับเมืองไทยคอลเล็คชั่นนี้ก็เอาท์ไปก่อนสิจ้ะ”
“พวกนี้ขนเงินผัวมาซื้อนะฮันนี่ มีฉันนี่แหละซื้อน้อยสุดเพราะไม่มีคนเปย์” ทิพยาดาพูดกับเพื่อนขำๆ
“ก็เธอเอาแต่เปย์หนุ่มๆนี่ยะ”
“แหมเธอก็ เขาบอกว่ากินเด็กเป็นอมตะฉันก็เลยกินแต่เด็กน่ะสิ ถ้าเธอไปเมืองไทยฉันจะพาไปกินนะฮันนี่ คิกกๆๆ..” ทิพยาดาพูดแล้วหัวเราะใส่จริตแต่ก็น่าดูเพราะเธอยังสวยเซ็กซี่รักษาหุ่นดูแลร่างกายหน้าตาให้ดูสวยใสตลอดเวลา
“ไม่ต้องไปถึงเมืองไทยหรอกยาดาที่นี่ก็มีเยอะย่ะ คิกกๆๆ..” ฮันนี่เกทับเพื่อนแล้วหัวเราะชอบใจเพราะเป็นเพื่อนกันมานานจึงรู้ใจกันและเธอเป็นหม้ายผัวตายส่วนทิพยาดาหย่ากับสามี
“งั้นคืนนี้จัดส่งท้ายหน่อยปะไรเท้อ..”
“เอาจริงเหรอเธอ” ฮันนี่มองเพื่อนทั้งสามและสาวน้อยในกลุ่มที่หน้าแดงเรื่องอย่างเอ็นดูที่มาฟังเรื่องผู้ใหญ่คุยกัน
“จริงสิ”
“ฉันไม่ได้ขาดของเชิญเธอสองคนเถอะย่ะ” ผลิตาค้อนเพื่อนทั้งสองอย่างหมั่นไส้แต่ถ้าเธอโสดเหมือนเพื่อนก็คงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนทิพยาดากับอันทินี
“งั้นไปช้อปปิ้งกันก่อนแล้วเราไปสปาก่อนจะไปเจอผู้ชายดีมั้ยฉฮันนี่”
“โอเคจ้ะ ฉันว่าเอาไว้คุยกันในห้องสปาดีมั้ย เดี๋ยวหนูแคลร์ใจแตกกันพอดี” ธิติมาบอกเพื่อนเมื่อเห็นเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มอายจนหน้าแดง
จากนั้นทุกคนก็ไปช้อปปิ้งด้วยกันเลือกซื้อของตัวเองและของฝากให้สามีและลูกจนกระทั่งถึงช้อปนาฬิกาแบรนด์ดังจึงแวะเข้าไปในช้อป
“เอ้ะ ว้ายย!!...”
“ตุ๊บ..”
“ขอโทษครับ” เสียงภาษาอังกฤษนุ่มละมุนของหนุ่มหล่อในชุดสูทสีเทาที่จับแขนเรียวเสลาของหญิงสาวที่เขาชนเธอจนเกือบล้มเพราะเขารีบลงมาตรวจสอบร้านแบรนด์เนมชื่อดังที่บอกว่ามีคนขโมยของและตอนนี้กักตัวไว้แล้วเธอไม่ให้ค้นตัว เขาจึงลงมาดูแลด้วยตัวเองและความรีบเร่งทำให้เขาชนกับสาวร่างเล็กบอบบางที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในร้านแบรนด์เนมฝั่งตรงข้ามกระทันหันจึงชนเต็มแรงจึงตวัดแขนโอบเอวบางไว้อก่อนที่เธอจะล้มหน้าคะมำลงไป
“ไม่เป็นไรค่ะ ขะ ขอบคุณค่ะ ขอตัวนะคะ” ลันลนาตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษราวกับเป็นเจ้าของภาษาเหมือนกับหนุ่มหล่อที่ชนเธอและเขาก็หล่อจนเธอตะลึงเลยก็ว่าได้
หัสดินมองตามสาวร่างเล็กบอบบางเข้าไปในร้านแบรนด์เนมฝั่งตรงข้ามแล้วเดินเข้าไปในช้อปแบรนด์เนมชื่อดังเพื่อจัดการปัญหาซึ่งเขามีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในห้างหรูแห่งนี้มาได้เกือบสามปีและเหลืออีกหกเดือนเขาก็ต้องกลับเมืองไทยตามคำสั่งของผู้ให้กำเนิดที่เขาไม่สามารถเรียกว่าพ่อได้และเรียกคุณมาตลอด
“ทำอะไรอยู่ยัยแคลร์ทำไมมาช้าจังเลยล่ะลูก”
“แคลร์เดินดูของเพลีนไปหน่อยค่ะป้า”
“มาเร็วช่วยป้าเลือกนาฬิกาให้ลุงเขาหน่อย ป้าจะให้เป็นของขวัญวันเกิดน่ะ” คนเป็นป้าเรียกหลานสาวให้ไปช่วยเลือกนาฬิกาให้สามีเพราะมันมีหลายรุ่นจนเธอเลือกไม่ถูก
“ถ้าให้คุณลุงก็ต้องเป็นนาฬิกาที่ใส่ได้ทุกโอกาสแบบโครโนกราฟนี่ดีกว่าค่ะ” ลันลนาบอกป้าแล้วชี้ให้พนักงานหยิบนาฬิกาแบรนด์ดังมาให้ดูส่วนราคาไม่ต้องพูดถึงหลักล้านขึ้นทุกเรือน
“สวยดี เหมาะกับลุงเต้ของเราเลยนะ ขอบใจมากลูก แล้วแคลร์ล่ะจะเอาสักเรือนมั้ยป้าเห็นมีของผู้หญิงเอาไว้ใส่ไปทำงาน”
“ไม่เป็นไรค่ะป้าลีฟ แคลร์มีเยอะแล้วบางเรือนไม่ได้ใส่ก็มีค่ะ” ป้ามาทีไรเธอก็ได้ของเยอะและขนกลับไปไว้ที่บ้านทุกปี
“เวลาทำงานเราจะแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้นะแคลร์ บุคลีฟกของเราสำคัญมากยังไงก็มีเอาไว้ไม่เสียหายนี่ ไปเลือกมาเลยเดี๋ยวป้าจะไปเลือกกับพวกนั้นหน่อย” ผลิตาบอกหลานสาวและบอกพนักงานเอามาให้หลานสาวเลือก
จากนั้นสี่สาวใหญ่หนึ่งสาวน้อยหน้าตาสวยและหุ่นดีก็เดินช้อปปิ้งทั่วห้างกรูจนจุใจก่อนจะพากันไปรับประทานอาหารเย็นก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ก็ต้องกลับเมืองไทยและลันลนาไม่ได้บอกป้าว่าเธอเพิ่งได้งานที่ห้างหรูแห่งนี้และจะเริ่มงานต้นเดือนนี้
ต้นเดือนมีนาคม
กลางฤดูร้อนหรือหลายคนเรียกว่าช่วงซัมเมอร์พราะจะต้องเรียนซัมเมอร์ในช่วงปิดเทอมแต่สำหรับคนที่เรียนจบแล้วก็ต้องทำงานและหนึ่งในนั้นคือลันลนาที่มาทำงานเต็มเวลาวันแรกเพราะเธอเรียนจบปริญญาโทจึงมาสมัครงานที่นี่ตามที่รุ่นพี่แนะนำ
“ขอให้สนุกกับงานนะแคลร์” แองกัสมาส่งเพื่อนสาวทำงานที่ห้างหรูในตำแหน่งพนักงานการตลาด
“ขอบคุณนะแองกัสที่มาส่ง” หญิงสาวขอบคุณเพื่อนหนุ่มที่อาสามาส่งเธอทำงานวันแรกทั้งที่บอกว่าไม่ต้องเธอมาเองได้แต่แองกัสไม่ยอมเธอก็เลยให้เขามาส่ง
“ตอนเย็นผมมารับนะ”
“ไม่ต้องค่ะแองกัส แคลร์กลับเองได้ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ บาย..” ลันลนายกมือโบกให้เพื่อนชายแล้วเดินเข้าไปทางจุดเข้าห้างของพนักงานเพราะห้างสรรพสินค้ายังไม่เปิดให้บริการ
แองกัสมองตามหลังเพื่อนสาวแล้วถอนหายใจเพราะลันลนาจำกัดความสัมพันธ์กับเขาแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นและเหตุผลของเธอเขาก็เข้าใจแต่ว่าเขารักเธอไปแล้วมันก็ทำใจยากที่จะเปลี่ยนใจและเขายอมรับความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่เธอมอบให้และเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยและเป็นไม้กันหมาที่ดีให้เธอเวลามีหนุ่มมาจีบและทุกคนก็คิดว่าเขากับเธอเป็นแฟนกันจนกระทั่งเรียนจบและเขาก็ได้งานโรงแรมคาสิโนที่ลาสเวกัสและจะไปเริ่มงานเดือนหน้า
ลันลนาเดินเข้าไปในออฟฟิศของห้างเพื่อรายงานตัวกับฝ่ายบุคคลของบริษัทและเริ่มงานวันแรกและได้พบปะเพื่อนร่วมงานในแผนกของเธอก็ทำความรู้จักกันและที่เธอได้งานนี้ก็เพราะผลการเรียนปริญญาตรีและปริญญาโทและประสบการณ์เล็กๆน้อยๆของเธอที่ทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนทำให้ผู้บริหารฝ่ายบุคคลพิจารณาเป็นพิเศษ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน
หลังจากลันลนาทำงานที่ห้างสรรพสินค้าหรูฝ่ายการตลาดเธอก็เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดีและทำหน้าที่ของตัวเองตามทีได้รับคำสั่งมาจากผู้จัดการฝ่ายและวันนี้เป้นครั้งแรกที่เธอจะต้องเข้าร่วมประชุมประจำเดือนกับผู้จัดการและรองผู้จัดการเพื่อให้เธอได้เรียนรู้การทำงานเพื่อจะได้หาลูกค้าและดูแลผู้เช่าพื้นที่ในห้างและยังต้องทำการตลาดจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าและพนักงานฝ่ายการตลาดก็ต้องช่วยกันคิด
“มีผู้บริหารอยู่ประเทศไทยเหมือนยูด้วยนะแคลร์” เรเชลบอกเพื่อนร่วมงานที่มาทำงานยังไม่ถึงเดือน
“จริงเหรอคะ ผู้หญิงหรือผู้ชายคะเรเชล”
“ผู้ชายจ้ะ หล่อมากด้วยแต่เขาไม่สนใจผู้หญิง ไอเห็นเขามีแต่เพื่อนผู้ชายนะ” เรเชลยกมือป้องปากพูดกับพนักงานใหม่เบาๆ
“เงียบก่อน ผู้บริหารมาแล้ว” โทมัสดุผู้ช่วยกับพนักงานใหม่ที่เขาพามาเรียนรู้งานและลันลนาก็หัวไวสอนอะไรก็จำได้แม่นและยังช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานจึงทำให้ทุกคนในแผนกเอ็นดูเด็กใหม่
“ค่ะ..” สองสาวมองหน้ากันแล้วนิ่งเงียบเมื่อทีมผู้บริหารของห้างหรูเดินตามกันมาเป็นขบวนและเธอก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะเพิ่งเข้าร่วมประชุมประจำเดือนครั้งแรก
เมื่อผู้บริหารมาครบแล้วรองประธานบริษัทก็เปิดประชุมประจำเดือนเพื่อสรุปรายได้ของบริษัททั้งหมดและผู้บริหารฝ่ายการตลาดก็มอบหมายให้ฝ่ายการตลาดวางกลยุทธ์ทางการตลาดคิดแคมเปญใหม่เพื่อเสริมสร้างช่องทางการหารายได้ให้เพิ่มมากขึ้นและดึงดูดลูกค้าจากทุกช่องทาง
“ตอนนี้การตลาดมีการแข่งขันกันมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายและบริษัทของเราก็ไม่เคยหยุดนิ่ง เราต้องแข่งขันกับเวลาและคู่แข่งทางธุรกิจและตอนนี้ช่องทางออนไลน์และดิลิฟเวอร์ลี่กำลังเป็นที่นิยมและเราจะเจาะลูกค้ากลุ่มนี้ ผมขอให้ฝ่ายการตลาดคิดแคมเปญใหม่ๆและจัดโปรโมชั่นให้ความสนใจจากลูกค้าให้ใช้บริการของเราด้วยครับ” หัสดินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มชัดเจนและมองพนักงานแต่ละฝ่ายจนกระทั่งถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาจำได้ดีว่าชนเธอแต่ไม่ทันได้ทำความรู้จักเธอก็ไปเสียก่อนและไม่คิดว่าจะมาเจอเธอที่นี่
“ตอนนี้ทีมของเรามีพนักงานใหม่มาร่วมงานและเธอก็มีไอเดียดีๆมาเสนอผมคิดว่าน่าสนใจมากแต่ผมขอเวลาให้เธอได้จัดการกับแผนงานของเธอก่อนแล้วผมจะส่งแผนงานให้ผู้บริหารพิจารณาครับ” โทมัสยืนขึ้นแล้วพูดและแนะนำเด็กใหม่ของแผนก
“ผมหวังว่าทีมของคุณจะไม่ทำให้ผิดหวังนะครับ” หัสดินมองพนักงานใหม่ที่ยังดูเด็กอยู่และอยากเห็นฝีมือการทำงานว่าจะสมกับคำชมของผู้จัดการฝ่ายการตลาดหรือเปล่า
“แน่นอนครับ” โทมัสตอบอย่างมั่นใจเพราะฝ่ายการตลาดทำงานร่วมกันต่างคนก็จะมีไอเดียมานำเสนอและช่วยเสริมเติมแต่งให้เพื่อนที่มีไอเดียดีกว่าเรียกว่าช่วยกันคิดคนละเล็กละน้อยแล้วผลงานออกมาก็ประสบความสำเร็จทุกครั้ง
จากนั้นแต่ละฝ่ายก็รายงานผลงานของตัวเองในที่ประชุมแล้วท่านรองประธานบริษัทก็พูดเสริมก่อนจะปิดประชุมประจำเดือนที่มีผลงานและรายได้เป็นที่พอใจเพราะการร่วมมือของทุกฝ่ายในบริษัทและนั่นหมายถึงพวกเขาจะได้รับโบนัสพิเศษนั่นเอง
“ดูท่านายจะสนใจพนักงานใหม่นะพอล” สตีเว่นพูดกับเพื่อนยิ้มๆเพราะหัสดินหรือเพื่อนเรียกว่าพอลเพราะเรียกง่ายกว่าโปรดและเขาเห็นเพื่อนมองพนักงานใหม่นานกว่าใคร
“ฉันเคยเจอเธอน่ะ” เสียงห้าวตอบเพื่อนตามความจริง
“นี่แกเจอแต่สาวสวยนะพอล”
“ก็เจอจริงนี่หว่า คราวก่อนที่ชั้นล่างมีปัญหาแล้วฉันลงไปจัดการแล้วฉันชนเธอน่ะสิ” ชายหนุ่มบอกเพื่อนว่าทำไมเขาถึงจำลันลนาได้
“ว้าวว..อุบัติเหตุซะด้วย นายคงไม่เจอรักแรกพบใช่มั้ยพอล” สตีเว่นพูดหยอกเย้าเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เกรดสิบจนกระทั่งจบปริญญาโทและเป็นเพื่อนคนไทยที่เขาสนิทและรักกันเหมือนพี่น้องและเข้าออกบ้านของเขาเหมือนบ้านตัวเอง