พี่ชาย

3656 Words
ณ ธรรมมัธนาภรณ์กรุ๊ฟ หน้าห้องฝ่ายบุคคลเรรินได้นั่งกรอกใบสมัครพร้อมกับผู้สมัครอีกหลายคนมีสาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นแต่ละคนที่มาสมัครงานต่างก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรากันทั้งนั้นเรรินมองแล้วก็งงว่าจะมาสมัครงานหรือว่าจะมาสมัครเดินแบบกันแน่เพราะแต่ละคนหุ่นนางแบบกันทั้งนั้น “สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ให้เกียรติมาสมัครงานกับทางบริษัทเรา เนื่องจากทางบริษัทของเราต้องการรับเลขาท่านประธานเป็นการด่วน เพราะว่าเลขาคนเดิมคือคุณโสภีได้ประสบอุบัติเหตุกระทันหันไม่สามารถมาทำงานได้ในระหว่างนี้ทางบริษัทจำเป็นต้องรับสมัครเลขาชั่วคราว หากคุณโสภีกลับมาทำงานได้แล้ว ทางบริษัทก็จะมีการจัดสรรตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้ค่ะ แล้ววันนี้คนที่มาสมัครจะได้รับการสัมภาษณ์เลยทันที โดยท่านประธานแล้วก็จะแจ้งให้ทราบภายในวันนี้ว่าใครได้รับเลือกเป็นพนักงานของธรรมัธนาภรณ์ กรุ๊ฟ คนแรกคุณวีระวรรณค่ะเชิญเข้าไปด้านในเลยคะ” เมื่อการเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์เริ่มขึ้นก็มีหญิงสาวหลายคนเข้าไปสัมภาษณ์แล้วกลับออกมาด้วยท่าทางแตกต่างกันออกไปหลายคนทำหน้าหนักใจแต่หลายคนก็ยิ้มแย้มออกมากว่าจะถึงคิวของเรรินยังเหลืออีกห้าคนเธอนั่งรอจนเริ่มจะง่วงเรรินจึงชวนคนข้างๆ คุย “สวัสดีค่ะ เรรินค่ะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรค” เรรินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ชื่อวสาคะไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่ามีหวังแห้ว แน่ ๆ เลย” “อืมนั่นสินะคะถ้าไม่ได้ตำแหน่งนี้ก็สมัครประชาสัมพันธ์สิคะคุณสวยออก” เรรินแนะนำเพราะเธอเห็นว่าวสาสวยมากทีเดียวเหมาะกับงานประชาสัมพันธ์มากกว่าเลขา “ขอบคุณคะคุณมาจากไหนค่ะเนี่ย สามาจากพัทลุงคะ ย้ายมาอยู่กับแฟนน่ะค่ะ” “หนูเรอยู่เชียงใหม่ค่ะพึ่งเรียนจบมาหางานทำค่ะ” เรรินตอบด้วยรอยยิ้ม สองสาวคุยกันอย่างออกรสรู้สึกถูกชะตาซึ่งกันและกัน เรรินได้ขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับวสาเอาไว้ก่อนจะถึงคิวของเรรินเข้าสัมภาษณ์ ทันทีที่เคาะประตูและเปิดประตูเข้าไปหญิงสาวแทบก้าวขาไม่ออก ขาเจ้ากรรมชาไปหมดหญิงสาวพยายามตั้งสติ ยกมือไหว้คนที่อยู่ข้างหน้าและผู้หญิงที่นั่งขนาบซ้ายขวา “ตายล่ะพี่ธันว์สัมพาษณ์หรือเนี่ยเตรียมตัวไม่ทันเลยอ่า เขินๆ ” “สะ....สวัสดีค่ะ” “เชิญนั่งค่ะ” ธันสินีและธันนินียิ้มให้กับเรรินส่วนท่านประธานได้แต่นั่งอึ้งและพูดออกมาแบบกุกกักจนสองสาวจำต้องเป็นคนสัมภาษณ์แทนพี่ชาย “จากที่กรอกใบสมัคร เอ๊ะ..ธันนินีเงยหน้าขึ้นจากใบสมัครพลางจ้องร่างบางตรงหน้านิ่งแต่ก่อนจะพูดอะไรออกมาธันว์ก็หยิบเอกสารในมือของเธอไป “ทำไมถึงอยากมาเป็นเลขาครับ” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มเกินปกติ “เรียนจบแล้วไม่มีงานทำค่ะ ก็เลย อยากมาทำงานนี้ค่ะ” เรรินเองก็ตอบคำถามแทบไม่เป็นคำ นึกตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมอาการตื่นเต้นของตนเองได้ “อื่ม...คิดว่าจะทำได้ไหม” ใช่ว่าจะมีแต่เธอเสียเมื่อไหร่ที่ควมคุมอาการตื่นเต้นไม่ได้ “ได้ค่ะ” เรรินรีบเงยหน้าแล้วตอบรับทันทีดวงตากลมโตสบเข้ากับเจ้าหัวใจยิ่งทำให้ใบหน้าสวยหวานแดงระเรือก่อนจะรีบหลบตาก้มหน้าลง “อื่ม..ออกไปรอข้างนอกเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะปิดแฟ้มลง เรรินเดินหงอยเหงาออกจากห้องไป “อดแน่ๆ เลยหนูเร ตื่นเต้นอะไรก็ไม่รู้” หญิงสาวบ่นตัวเองเบาๆ “พี่ธันว์ค่ะเป็นอะไรหรือเปล่า เหนื่อยหรือคะ” เมื่อเรรินออกจากห้องไปแล้วธันสินีจึงหันมองพี่ชายก็เห็นพี่ชายมองดูประตูเหมือนเดิมแถมยิ้มให้ประตูอีก “ปะ...เปล่าไม่เป็นไร เรียกคนต่อไปเถอะ” ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อเรียกสติ “งั้นคนสุดท้ายแล้วนะคะพี่ธันว์” วสาเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาน้องสาวทั้งสองเป็นคนสัมภาษณ์แทนเพราะว่าเขาไม่มีสมาธิเอาซะเลย พอสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยก็ให้ทุกคนไปรอที่ห้องประชุมเพื่อรอผลว่าใครได้เข้าทำงาน “สิ นิ พี่ ว่าจะรับเลขาสองคนนะน้องโอเคไหม” ธันว์เอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกหลังจากเงียบไปนาน “แล้วแต่พี่ธันว์เถอะคะแล้วเลือกใครคะ” “เรริน กับ วสา” สองสาวหันมามองหน้าพี่ชายธันสินีก็ติงขึ้น “เห็นด้วยคะกับวสาเพราะคุณสมบัติได้ทุกอย่างแถมยังมีประสบการณ์มาตั้งสามปี แต่เรรินนี่น้องว่ายังไม่เหมาะนะคะไม่มีประสบการณ์บุคลิกยังไม่เหมาะสม ถ้าพี่ธันว์จะรับก็ลองให้ทำตำแหน่งอื่นดีไหมคะ” ธันสินีพูดขึ้นเพราะเธอเห็นว่าเวลาตอบคำถามเรรินพูดจาติดขัดและที่สำคัญประสบการณ์ยังไม่มีดูแล้วเรรินน่าจะเหมาะกับงานด้านอื่นมากกว่างานเลขา “นิก็คิดเหมือนกันกับพี่สินะคะนิว่า เรรินยังเด็กเกินไปค่ะ” ธันนินีก็ไม่เห็นด้วยกับธันว์เช่นกันท่านประธานยิ้มแล้วส่งแฟ้มให้น้องสาวดูอีกครั้ง “น้องดูนี่สิ” ชายหนุ่มยื่นแฟ้มประวัติของเรรินให้กับน้องสาวทั้งสองดู เมื่อได้เห็นข้อมูลของเรรินทั้งสองสาวอุทานขึ้นพร้อมกัน “ เรริน พันธารักษ์ พันธารักษ์ เรริน หนูเร” ชายหนุ่มพยักหน้าให้กับน้องสาว ที่ยังทำหน้างงๆ “แล้วทำไมหนูเรถึง” สองสาวแปลกใจที่เรรินมาสมัครงานทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นหุ้นส่วนของที่นี่ชักแปลกๆ แฮะ “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะต้องรอดูต่อไป อ่อ...ที่สำคัญอย่าแสดงออกให้หนูเรรู้ล่ะว่าเรารู้ว่าเขาเป็นใคร ในเมื่อน้องไม่อยากให้ใครรู้ก็ปล่อยไปตามนั้น คราวนี้ได้สนุกแน่ๆ หึๆ ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาแววตาเจ้าเล่ห์ จนน้องสาวทั้งสองคนต้องส่ายหน้าให้กับคนเจ้าแผนการณ์ทีนี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมพี่ชายถึงเลือกเลขาสองคน “แล้วพี่ธันว์ จะให้เริ่มงานเมื่อไหร่ดีคะ” ธันสินีถามพี่ชาย “อื่ม เอาเป็นพรุ่งนี้เลยแล้วกัน” ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี สองสาวอุทานขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้งแปลกใจกับสิ่งที่พี่ชายกำลังจะทำ “พรุ่งนี้เหรอคะ” อะไรจะเร็วปานนี้เนี้ย “ อื่ม.... มีอะไรขัดข้องหรือสาวๆ “ชายหนุ่มหันมามองหน้าน้องสาว “สิว่าเร็วไปค่ะพี่ธันว์เอาเป็นวันจันทร์นี้แล้วกันค่ะ สิไปบอกกับวสา แล้วก็ เรรินเองแล้วกันค่ะ” ธันสินีเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจท่าทางที่ฮึดฮัดของพี่ชาย ส่วนธันนินียังคงนั่งมองหน้าพี่ชายอย่างไม่ไว้ใจ เห็นสายตาแล้วไม่น่าไว้ใจเลย ชายหนุ่มหันมามองหน้าน้องสาวคนสุดท้องที่จ้องจับผิดเขาก็หลบตาทันที เสทำเป็นจัดนุ้นนี่ไปเรื่อย “ พี่ธันว์อย่านึกนะว่านิจะไม่รู้ว่าพี่ธันว์คิดจะทำอะไร” ธันนินีหรี่ตามองพี่ชาย “อะไร.. พี่เปล่าทำอะไรซักหน่อย คิดมากหน่า” ธันว์ยังคงไม่สบสายตาน้องสาว “ไม่รู้ล่ะ นิไม่ไว้ใจพี่ธันว์นิจะให้หนูเรทำงานกับนิดีกว่า” “เฮ้ย ไม่ได้นะยายนิ” ค้านเสียงหลง “แต่ว่า........” “ ไม่มีแต่ใครเป็นประธานบริษัทหายายนิ พี่นี่พี่คนนี้จ้าน้องรัก หนูเรต้องทำงานกับพี่ โอเค้” ธันว์ไม่ยอม เรื่องอะไรจะให้คู่หมั้นของเขาไปทำงานไกลหูไกลตา “ พี่ธันว์น่ะ ถ้าพี่ธันว์ทำอะไรให้หนูเรต้องเสียใจนิไม่ปล่อยพี่ธันว์แน่ คอยดู” ธันนินี หน้างอใส่พี่ชายจอมเจ้าเล่ห์ “ตกลงนิน่ะน้องใคร ฮึ..” ธันว์เดินมาโยกศีรษะน้องสาวเบาๆ อย่างเอ็นดูที่ธันนินีออกจะหวงเรรินกับเขา “หนูเรน้องสาวนินี่คะ” ธันนินีท้วงขึ้น “แต่หนูเรน่ะคู่หมั้นพี่ว่าที่ภรรยาพี่ เข้าใจซะนะแม่น้องสาว หึๆๆ ” ธันว์พูดออกมาทำให้น้องสาวหน้างอง้ำไม่คิดเลยว่าพี่ชายของเธอจะเจ้าเล่ห์เป็นด้วยเห็นขรึมๆ อย่างนี้ตัวร้ายใช่ย่อยไม่รู้ว่าหนูเรจะเจอกับอะไร “พี่ธันว์จอมวางแผน” ธันนินีว่า ธันว์หัวเราะเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ ธันนินีฮึดฮัดอยู่คนเดียวจนธันสินีเดินเข้ามาเห็นหน้าตาบูดบึ้งของน้องสาว “ อ้าว ยายนิเป็นอะไรไปจ๊ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” “ก็พี่ธันว์น่ะสิต้องคิดวางแผนทำอะไรร้ายๆ กับหนูเรแน่เลยค่ะพี่สิ” ได้ทีรีบฟ้องพี่สาวคนรองทันที “ พี่ว่ารอดูไปก่อนแล้วกันนะ แต่ว่าก็ว่าเถอะนะหนูเรน่ะใช่ย่อยซะที่ไหนปลอมตัวเข้ามาสมัครงานที่บริษัทเรา ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ พี่ว่าให้พี่ธันว์รวบหัวรวบหางซะเลยดีไหม เราจะได้มีหลานเร็วๆ ไงจ๊ะไม่ดีเหรอ คิ๊กๆ ” เอาเข้าไปสิ เอ้อเห็นท่าพี่ธันว์ได้แนวร่วมอีกคนแล้วสิ อย่างนี้หนูเรจะรับมือใหวไหมน้า “แหม! พี่สิน่ะ รักเด็กออกอย่างนี้ก็แต่งงานกับพี่ยะซะสิคะ คบกันมานานแล้วนะ” ธันนินีหันมาหยอดพี่สาวแทน “พี่ยะเขาไม่สนใจพี่หรอก สนใจอยู่ที่เกาะนั่นแหล่ะ ว่าแต่ว่านิไม่ไปไหนเหรอจ๊ะ” ธันสินีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เดาอารมณ์ไม่ถูก “ไปสิคะ นิต้องไปตามตื้อนายคิมหันต์ อีตาขี้เก็กนั่นให้มาเป็นดีไซเนอร์ของเราให้ได้ แต่นิก็ตื้อนายนี่มาตั้งเกือบสองเดือนแล้วนะคะยังไม่มีวี่แววจะตกลงเลยเล่นตัวชะมัด” ธันนินีพูดไปพร้อมกับย่นจมูกไปด้วยทำเอาธันสินีหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเพราะนานๆ ทีที่ธันนินีจะแอนตี้ใครซักที คนๆ นั้นน่ะโชคร้ายสุดๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วธันนินีจะมีมนุษยสัมพันธ์ดีใครๆ ก็หลงคารมเจ้าหล่อนหมดเว้นแต่นายแบบที่ชื่อคิมหันต์นี่แหละที่มาแปลกกว่าคนอื่น “ไปตื้อเขาขนาดนั้นระวังเขารำคาญไล่กลับมาล่ะ” “ไม่มีทางนายนั่นไม่มีท่างไล่นิได้หรอก นิออกจะสวยน่ารักขนาดนี้” หญิงสาวพูดไปยิ้มไปเมื่อคิดถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของคิมหันต์ แม้ว่าเขาจะบ่นเธอบ้างแต่เขาไม่เคยไล่หรือว่าร้ายให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจตรงกันข้ามเขาปล่อยให้เธอทำอะไรตามใจชอบเมื่ออยู่กับเขา ราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง “ระวังเถอะจะหลงเสน่ห์เขาเข้าให้” “........” น้องสาวเงียบผิดวิสัย “นี่อย่าบอกนะว่า.......ฮั่นแน่” “ก็คนมัน....ฮื้อ...นิไม่รู้ว่าชอบเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่อ่า...คงเป็นรักแรกพบแน่เลย” ธันนินีซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตนเองเสมอชอบก็บอกว่าชอบรักก็บอกว่ารัก “ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ นิพี่เอาใจช่วย” พี่สาวเอ่ยพร้อมกับลูบหัวน้องเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ธันนินียืนยิ้มหวานอยู่คนเดียว คนที่ธันนินีกำลังคิดถึงอยู่ตอนนี้กำลังนอนหลับสบายอยู่ในคอนโดหรูใจกลางเมืองหลังจากที่เขากลับมาจากอิตาลี่เมื่อคืนที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นนานแบบชื่อดังแล้วน้อยคนนักที่จะรู้ว่าคิมหันต์นั้นเป็นดีไซด์เนอร์ฝีมือดี แบบเสื้อผ้าที่เขาเป็นคนคิดขึ้นนั้นเก๋ไก๋ มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แบบเสื้อผ้าของเขาเป็นที่ต้องการของแบรนด์ดังทั้งหลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเพียงแต่ไม่รู้จะติดต่อกับเขายังไงเพราะเขาไม่เปิดเผยข้อมูลของตนเองห้องเสื้อที่เขาส่งงานให้จะเป็นคนคุ้นเคยกันเท่านั้น เมื่อ 3 เดือนที่แล้วจะด้วยความบังเอิญใดๆ ก็ตามที่ทำให้ธันนินีเก็บได้แฟ้มงานออกแบบของเขาที่สวนสาธารณะหญิงสาวชอบฝีมือการออกแบบของเขามาก แบบเสื้อประมาณสิบว่าชุด สวย เก๋ ดูดีมีรสนิยม ถูกใจหญิงสาวมากตอนแรกเธอกะว่าจะแอบเอาไปเป็นแบบของตัวเองดัดแปลงอีกนิดต่อเติมรายละเอียดอีกเล้กน้อยก็ใช้ได้แล้วแต่ด้วยความที่มีจิตสำนึกที่ดีจึงค้นหาเอกสารของผู้เป็นเจ้าของแต่ก็ไม่เจออะไรเลย หญิงสาวจึงนั่งรออยู่อย่างนั้นจนตั้งแต่บ่ายกระทั่งเย็นจึงได้เจอกับคิมหันต์ ธันนินีรู้สึกตกหลุมรักนายแบบนามคิมหันต์ทันทีที่ได้พบหน้า เขาเป็นชายหนุ่มในสเป็กเลยรูปร่างสูงสง่าอกผ่ายไหล่ผึ่งใบหน้ามองดูก็รู้ว่าเป็นลูกครึ่งชายหนุมขอบคุณหญิงสาวที่รอเอาแฟ้มงานคืนเขา เกิดเป็นความประทับใจแรกพบของทั้งคู่ คิมหันต์ตอบแทนเธอโดยการพาไปทานก๋วยเตี๋ยวข้างถนนซึ่งบรรยกาศแสนจะธรรมดาแต่ได้ใจธันนินีสุดๆ หญิงสาวพยายามชวนชายหนุ่มเข้ามาทำงานที่ ธรรมมัธนาภรณ์ กรุ๊ฟ เพราะชอบงานออกแบบของเขาชุดที่เธอเห็นเขาออกแบบแต่ละชุดดูแล้วก็รู้ว่ามืออาชีพ แต่ชายหนุ่มปฎิเสธอย่างนุ่มนวลบอกว่าเขาชอบอิสระไม่ชอบข้อผูกมัด แต่เขาก็ได้ให้แบบเสื้อที่สวยที่สุดแก่เธอมาชุดหนึ่งหญิงสาวเอามาตัดเย็บแล้วนำออกแสดงโดยมีนางแบบสาวสวย แนนซี่หรือวนิดาเป็นคนเดินแบบให้กับชุดนี้เมื่อสามเดือนก่อนที่สยามพารากอนและก็ได้ผลตอบรับเกินความคาดหมายมีลูกค้าสนใจคอลเลคชั่นนี้มากทุกคนอยากรู้ว่าใครเป็นคนออกแบบแต่ก็ไม่มีคำตอบจากผู้ใดและด้วยเหตุนี้เองธันว์จึงได้มอบหมายให้ธันนินีดำเนินการติดต่อดีไซเนอร์คนนี้เข้ามาทำงานในบริษัทให้ได้ หญิงสาวได้ทำการติดต่อไปยังชายหนุ่มหลายครั้งแต่คำตอบก็เหมือนเดิมคือ “ผมรักอิสระ” แต่เธอก็ตื้อไม่ถอย ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่หญิงสาวตามตื้อคิมหันต์แต่ชายหนุ่มก็ใจแข็งเหลือเกิน งานของเธอที่ได้รับมอบหมายก็ไม่สำเร็จจนธันว์ยกเลิกภารกิจนี้แล้ว แต่ด้วยความที่เธอหลงรักคิมหันต์จึงตามตอแยอยู่เสมอจนบางครั้งคิมหันต์ถึงกับทำหน้ารำคาญใส่แต่เธอก็ไม่สน จนเดี๋ยวนี้ธันนินีถึงกับเข้าออกคอนโดของคิมหันต์ได้สบายและก็แปลกที่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรจะมีก็แค่บ่นๆ บ้างเท่านั้นแถมยังให้คีย์การ์ดกับเธออีกเหตุผลเพราะขี้เกียจเดินมาเปิดประตู (อย่างนี้ก็ได้นะ..) วันนี้ธันนินีมาหาเขาที่คอนโดเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็มีอันให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวมีผู้หญิงสาวสวยนั่งอยู่ด้วยคนหนึ่ง เธอรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก “ใครกัน” “เอ่อ ขอโทษค่ะคือว่าฉัน .. ฉัน เอ่อ” ยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงแจ้วๆ ดังออกมาจากในครัว “พี่คะๆ อ้าว เอ๋ คุณ...” เรรินถึงกับชะงักไปทันที พี่นินี่นามาทำไมที่นี่หรือว่าพี่นิจะเป็นแฟนพี่คนนี้ คงเข้าใจผิดแหงๆ ต้องรีบอธิบายก่อนดูหน้ายายกันตาสิซีดเชียว “ สวัสดีค่ะคุณนิ เอ่อ..คือหนูเรกับเพื่อนอยู่ข้างห้องนี่เองค่ะพอดีพี่คนนี้เขาเป็นลมล้มลงหน้าห้อง พวกหนูก็เลยพาเข้ามาหายาให้ทานตัวก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ กำลังจะเช็ดตัวให้พี่อย่าเข้าใจผิดนะคะ อื่ม ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกหนูไปจัดห้องก่อนนะคะพอดีพึ่งยายมาอยู่วันแรกน่ะค่ะ ไป ยายตา” สองสาวยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้ธันนินีหญิงสาวรับมาด้วยความมึนงงได้แต่มองตามสองสาวที่รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ธันนินีช่วยดูแลเช็ดตัวให้เขา “อีตาบ้าทำงานจนไม่ดูแลตัวเอง” หญิงสาวบ่นไปเช็ดตัวให้เขาไปจนคิมหันต์อาการดีขึ้นจึงปล่อยให้เขานอนต่อส่วนเธอก็ออกไปซื้อข้าวต้มมาให้เผื่อว่าเขาตื่นขึ้นมาจะได้ทาน พอกลับมาอีกครั้งคิมหันต์ก็ตื่นพอดี “ตื่นแล้วหรอคะ หิวไหม” หญิงสาวเอ่ยถามซึ่งเขาเพียงพยักหน้าส่งมาให้ เธอจึงจัดการเทข้าวต้มใส่ถ้วยแล้วยกมาให้ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างหิวโหยหมดอย่างรวดเร็วแถมต่ออีกถ้วย นี่อย่าบอกนะว่าอีตาขี้เก็กนี่เป็นลมเพราะหิวข้าว ธันนินีหัวเราะขำเขาออกมาอย่างอดไม่ได้มิน่าถึงว่าตัวก็ไม่ร้อนสักเท่าไหร่ “นี่คิมอย่าบอกนะว่าที่คุณเป็นลมเนี้ยเพราะหิวข้าวน่ะคิ๊กๆ ” หญิงสาวหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลชายหนุ่มหน้างอลุกขึ้นเดินออกไปหน้าห้องของเรรินแล้วเคาะเบาๆ เป็นกันตาที่เดินมาเปิดประตูตามด้วยเรรินแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรคิมหันต์ก็พูดขึ้นก่อน “ขอบคุณมากนะครับน้องที่ช่วยพาพี่เข้าห้องไม่งั้นแย่เลยพี่ชื่อคิมหันต์นะครับ เรียกพี่คิมก็ได้ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวกับสองสาวอย่างสุภาพ “ชื่อเรรินค่ะเรียกหนูเรก็ได้ค่ะ นี่ กันตาเพื่อนหนูเรค่ะ” เรรินกล่าวทักทายเพื่อนใหม่อย่างอารมณ์ดี “พึ่งย้ายมาอยู่เหรอครับ” คิมหันต์มองห้องที่มีข้าวของวางยังไม่เข้าที่เข้าทาง “ใช่ค่ะยายหนูเรพึ่งจะได้งานทำน่ะค่ะบอกให้อยู่ด้วยกันที่บ้านตาก็ไม่ยอมค่ะ” กันตาหันมาค้อนเพื่อนรักทีหนึ่ง “รบกวนตาเปล่าๆ อีกอย่างอยู่ที่นี่ใกล้ที่ทำงานด้วยสะดวกดีด้วย” เรรินเข้ามากอดเอวเพื่อนสาวเอาไว้คิมหันมองสองสาวที่รักกันก็ยิ้มออกมาทั้งสองคนช่างน่ารักนักเขาอยากมีน้องสาวบ้างแล้วสิ “มีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับบอกได้นะ” คิมหันต์อาสาสองสาวพยักหน้าพร้อมกันแล้วจึงลากแขนเขาคนละข้างเข้ามาในห้องเพื่อให้เขาช่วยขยับโต๊ะตู้เตียง จิปาถะ กว่าจะเรียบร้อยก็ทำเอาเหนื่อย ชายหนุ่มมัวแต่ช่วยเหลือสองสาวเพลินจนลืมว่าใครบางคนยังอยู่ที่ห้องของเขา “พี่คิมคะพี่อยากมีน้องสาวไหมคะ” กันตาถามพร้อมกับส่งสายตาปริบๆ มองเขาอย่างน่าเอ็นดู “อยากมีสิน้องตากับหนูเรอยากมีพี่ชายอย่างพี่คิมคนนี้หรือเปล่าเอ่ย” ชายหนุ่มตอบพลางส่งยิ้มให้กับสองสาวที่ทำตาโตใส่เขา “อยากสิคะงั้นมาทำสัญญากันว่าเราเป็นพี่น้องกันแล้ว” เรรินกล่าวขึ้นพร้อมกับเดินไปคว้าแก้วน้ำมาสามใบเทน้ำหวานแบ่งให้ทุกคนก่อนจะชนกันเป็นอันเสร็จพิธีการรับน้อง คิมหันต์อยู่คุยกับน้องสาวคนใหม่สักพักคิมหันต์ก็ขอตัวกลับห้องเพราะเขามัวแต่คุยเพลินจนลืมใครบางคนไว้ในห้องพอคิดได้จึงรีบกลับมา แต่ก็พบว่าธันนินีกลับออกไปแล้วแต่เธอก็ยังอุตส่าห์ทำกับข้าวเอาไว้ให้เขาทาน ชายหนุ่มอมยิ้มมองอาหารบนโต๊ะอยู่อย่างนั้นเขารู้สึกพอใจอยู่ลึกๆ กับการกระทำของธันนินี นี่ก็ไม่รู้ว่าแม่เจ้าประคุณจะโกรธเขาหรือเปล่าที่ทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียว คิมหันต์จึงตัดสินใจโทรหาทันที เสียงรอสายดังขึ้นสามครั้งเขาก็ได้ยินเสียงหวานใสของเธอดังเข้ามา “ว่าไง มีอะไร” ฟังก็รู้ว่าสาวเจ้ากำลังหงุดหงิดได้ยินเสียงเอะอะดังลั่น เธอคงกำลังวุ่นวายอยู่กับงานเป็นแน่ “เปล่าน่ะแค่นี้นะ” คำพูดที่ว่าจะขอบคุณเธอซักหน่อยแต่ปากเจ้ากรรมดันหนักพูดไม่ออกชายหนุ่มอยากเขกศีษะตัวเองนักมารู้สึกน้อยใจอะไรกับเธอนะ เพียงแค่เธอถามเขาเสียงห้วนแค่นั้นเอง ทางด้านธันนินีที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ถึงกับ ขมวดคิ้วออกอาการงงๆ อีตาบ้านี่แปลกโทรมาทำไมกันหรือว่าจะโทรมาขอโทษที่ปล่อยให้เราอยู่คนเดียว หรือว่าโทรมาขอบคุณเราเรื่องกับข้าว เรื่องแค่นี้ยังขี้เก็กอยู่ได้ ไวเท่าความคิดมือเรียวกดโทรศัพท์กลับไปหาเขาอีกครั้งเพียงแค่ตืดเดียวเธอก็ได้ยินเสียงของเขาตอบกลับมา “มีอะไรหรือคุณ” เอ่อแนะยังจะมาฟรอมอีกแฮะ “ก็ไม่มีอะไรหรอกแค่จะบอกว่าฉันทำกับข้าวไว้ให้แล้วนะทานซะด้วย ส่วนยาลดไข้ก็อยู่ข้างๆ เห็นไหม” ธันนินีพูดไปยิ้มไปทางด้านคิมหันต์ก็ทำท่าทางไม่ต่างกันซักนิด “ขอโทษนะที่ทิ้งให้คุณอยู่คนเดียว โกรธหรือเปล่าครับ” ธันนินีนิ่งเงียบไม่คิดว่าคิมหันต์จะสนใจความรู้สึกของเธอ “.............” “นิ คุณ นิ ฟังอยู่หรือเปล่า” คิมหันต์เห็นว่าเธอเงียบก็แปลกใจสงสัยจะโกรธเราหรือเปล่านะ “ฟังค่ะ นิไม่โกรธหรอกน่าเรื่องจิ๊บๆ อย่าลืมทานข้าวล่ะ นิไปทำงานก่อนนะคะ บายค่ะ” ธันนินีรีบวางสายทันทีเมื่อพนักงานเรียกหาเธอ คิมหันต์ยืนมองโทรศัพทมือถือนิ่งพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยรอยยิ้มรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน “คุณต้องมาทำกับข้าวให้ผมทานอีกนะครับนิ ผมจะคอย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD