ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ

2320 Words
งานแฟชั้นโชว์ของ ธรรมัธนาภรณ์ กรุ๊ฟ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีดารานางแบบชั้นนำของเมืองไทยมาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ รวมทั้งเหล่าบรรดาแวดวงไฮโซด้วยกันก็มาช่วยเดินแบบ บรรยากาศในงานดำเนินไปอย่างคึกคักผู้คนมากมายต่างก็เดินเข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้าตามบูธต่างๆ ภายในงานจะมีเสื้อผ้าคอลเลกชั่นสุดเก๋ ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ตั้งแต่เด็กน้อยจนถึงผู้สูงวัย ลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ทุกรายการ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงนำเสนอคอเล็คชันใหม่ผู้คนภายในงานต่างจับจองหาที่นั่งเพื่อชมแฟชันโชว์สุดอลังการของปี ในขณะที่ทุกกำลังจัดเตรียมงานท่านประธานหนุ่มกลับนั่งกระสับกระส่ายหันซ้ายแลขวาดูเหมือนว่ากำลังกังวลอะไรบ้างอย่างจนคุณโสภีเลขาสาวคนสวยที่คอยสังเกตท่าทางของเจ้านายอยู่อดไม่ได้ที่จะถาม “เอ่อ คุณธันว์ค่ะ คุณธันว์” คุณโสภีสะกิดท่านประธานเบาๆ เมื่อเรียกแล้ว หลายครั้งแต่ท่านไม่ได้ยิน “ครับมีอะไรเหรอครับคุณโส” “เปล่าค่ะเพียงแต่โสเห็นคุณธันว์มองหาอะไรอยู่มีอะไรให้โสช่วยบอกนะคะ” เธออาสาด้วยความเต็มใจ “ไม่มีอะไรครับ เชิญคุณโสตามสบาย” โสภีพยักหน้าแล้วเดินจากไป ชายหนุ่มทนรอต่อไปไม่ไหวเลยโทรศัพท์หา อารยะอีกครั้ง “ฮัลโหล อะไรของนายฮะธันว์” เสียงหงุดหงิดของอารยะดังมาตามสาย “แกถึงไหนแล้วทำไมช้าจังเลยว่ะ” “แกถามคำถามนี้กับฉันมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วหา” อารยะกัดฟันกรอดอะไรของมันนักหนาเล่นโทรจิกเขาเป็นสิบๆ สายคนที่อยากให้โทรมากลับไม่โทร คนที่ไม่อยากให้โทรกลับโทรแล้วก็โทรมากผิดปกติซะอีก “ก็..ก็...ฉันกลัวแกมาไม่ทัน สินีเดินแบบนี้หว่า” ธันว์แก้เก้อด้วยการเอาน้องสาวมาอ้างและมันก็ได้ผลเสมอกับคนหลงแฟนอย่างอารยะ “น้องสิจะเดินแล้วเหรอวะเอ่อๆ ไม่ต้องห่วงฉันอยู่ที่ชั้นล่างนี่แหละอีกห้านาทีถึง” ห้านาทีต่อมาอารยะปรากฏตัวพร้อมกับอาจารย์ผุสดีและบรรดาสาวๆ ที่ดูจะตื่นเต้นกันยกใหญ่ “อาจารย์ครับนี่นายธันว์ ธรรมัธนาภรณ์ ครับเป็นประธานบริษัทแล้วก็เป็นเพื่อนรักของผมเองครับ ธันว์นี่อาจารย์สุดเลิฟของฉัน ผศ ผุสดี” “สวัสดีครับ” ธันว์ยกมือไหว้ทำความเคารพอย่างนอบน้อมอาจารย์ผุสดียิ้มรับด้วยความชื่นชม “สวัสดีค่ะคุณเก่งมากๆ เลยนะค่ะได้ยินชื่อมานานพึ่งเจอตัวจริงก็ครั้งนี้ สมคำร่ำลือจริงๆ ” “ขอบคุณครับอาจารย์ แล้วเอ่อ...” เขาปรายตาไปยังคนข้างอาจารย์ “อ้อนิ่ลูกศิษย์ของอาจารย์เองแม่สาวๆ ทั้งหลายไหว้คุณธันว์เสียซิคุณเขาเป็นประธานบริษัทเชียวนะเธอ” “สวัสดีค่ะ” บรรดาลูกศิษย์สาวๆ ที่ยืนบิดไปมาต่างก็ยกมือให้วทักทายท่านประธานของ ธรรมัธนาภรณ์ กรุ๊ฟ แล้วมองเขาด้วยสายตาแห่งความชื่นชมอย่างเปิดเผย “แกหล่อจังเลยเนาะ / ยิ้มบาดใจจังเลย /ว้าวเท่จัง / ชายในฝันเลย” บรรดาลูกศิษย์สาวๆ ของอารย์ผุสดีต่างก็กระซิบกระซาบกันเบาๆ แต่ก็ต้องรีบสงบปากสงบคำเมื่อท่านอาจารย์กวาดสายต่าคมดั่งมีดโกนส่งมาให้... “เอ่อมากันเท่านี้เหรอครับ เอ่อ..คือว่านายยะให้ผมเตรียมที่นั่งไว้ 8 ที่นะครับ” ธันว์กวาดสายตาหาใครบางคนที่เขาอยากเจอแต่ก็ไม่พบ “อ้ออีกสามสาวเขาไปเข้าห้องน้ำนั้นไงมาแล้วทางนี้จ๊ะ” ธันว์หันไปตามมือของอาจารย์ผุสดีเขาโฟกัสสายตาให้อยู่ที่สาวน้อยรูปร่างสูงโปร่ง ตาโต จมูกโด่ง รีมฝีปากบางสีชมพูที่กำลังยิ้มแย้มกับเพื่อนสาว เขามองที่แก้มสีชมพูใสนั้นตาไม่กระพริบจนเด็กสาวทั้งสามคนมาถึง เค้าก็ยังคงมองหน้าของเรรินค้างอยู่อย่างนั้นจนอารยะใช้ศอกกระทุ้งเข้าให้นั้นแหละเขาถึงได้รู้สึกตัวและรับไหว้สามสาวแทบไม่ทัน ทางด้านเรรินครั้งแรกที่เห็นหน้าเขาเธอแทบก้าวขาไม่ออกใจเต้นตึกตักแทบทะลุออกมานอกอกยิ่งสายตาของพี่ธันว์ที่มองมามันทำให้เธอเหมือนกับจะละลายไปเลยเธอจึงไม่กล้าสบตาเขาได้แต่ก้มหน้ามองเท้าตัวเองจนได้ยินเสียงอาจารย์แนะนำให้รู้จัก “นี้คุณธันว์ ธรรมัธนาภรณ์ ประธานบริษัท นี้ลูกศิษย์ของฉันที่เหลือนี่ก็มากันครบแล้วล่ะค่ะ” “สวัสดีค่ะ” สามสาวยกมือไหว้ชายหนุมมัวแต่มองหน้าเรรินแทบจะยกมือรับไหว้ไม่ทัน “เอ่อเชิญอาจารย์กับทุกคนนั่งก่อน ตามสบายนะครับผมขอตัวสักครู่” ธันว์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึก ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสนิทแต่ใครจะรู้ว่าเขาแทบจะคิดอะไรไม่ออกตอนนี้ความตื่นเต้นของเขามันมีมากเหลือเกินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรรินจะมีอิทธิพลต่อเขาขนาดนี้เธอทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะเดินจากไป เขาไปแล้วเรรินรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลเขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอเขาคงไม่รู้จักเธอเลยสินะไม่เหมือนเธอที่รู้จักเขาเพียงข้างเดียวเรรินนั้งอยู่อย่างเหม่อลอย “หนูเรเป็นอะไร” กันตาเอ่ยถามพลางสะกิดเพื่อนรักที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาผิดวิสัย “เปล่าจ่ะ นี่ตาเราไปซื้อเสื้อผ้ากันนะหลังเขาเดินแฟชั่นเสร็จชุดสวยๆ ทั้งนั้นเลย” เรรินเอ่ยชวนพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังบูธจัดแสดงสินค้าที่ล้อมรอบ “ได้สิ เมื่อกี้เดินผ่านมาถูกใจหลายตัวเลยล่ะ” สองสาวคุยกันกระหนุงกระหนิงจนกระทั่งธันว์ถูกเชิญขึ้นไปเปิดงาน พี่ธันว์ของเธอช่างหล่อเหลาดูอบอุ่นเป็นผู้ชายที่เก่งขนาดนี้เชียวหรอหญิงสาวยิ้มออกมาอย่างปลื้มอกปลี้มใจ ดวงตากลมโตฉายแววหวานเมื่อมองตามร่างสูงที่เดินลับเวทีลงไป ก่อนจะหันมาสนใจกับเวทีตรงหน้าอีกครั้ง ท่าทางแสนน่ารักของเธอล้วนอยู่ในสายตาของธันว์ ชายหนุ่มยังคงมองเรรินอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งงานเริ่ม การเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ทั้งนายแบบและนางแบบถูกคัดเลือกมาให้ตรงกับคอลเลกชั่นของชุดที่ใส่ การนำเสนอแบบเป็นไปอย่างธรรมชาติ และงดงาม และไฮไลท์ของงานอยู่ในชุดสุดท้าย เป็นชุดที่ได้นางแบบสาวชื่อดังมาแสดงแบบให้ และเธอก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังทุกก้าวย่างที่เดินออกมาสะกดสายตาคนดู หญิงสาวโดดเด่นสมกับเป็นเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นเธอทำหน้าที่ของได้อย่างยอดเยี่ยมได้สมกับเป็นมืออาชีพ ธันว์นินีประกาศเชิญธันว์ในฐานะประธานบริษัทมอบช่อดอกไม้ให้กับนางแบบและกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรเป็นอันสิ้นสุด ภายในงานยังคงมีการเดินแบบของเหล่านางแบบนายแบบตัวน้อย เรียกเสียงชื่นชมจากคุณพ่อคุณแม่กันอย่างล้นหลาม “อาจารย์ขาพวกเราขอไปเดินเล่นซื้อของได้ไหมคะ” สาวๆ เอ่ยขอซึ่งอาจารย์ก็ไม่ขัด ท่านเองก็มีอารยะพาชมสินค้าได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านหลายชุดเลยทีเดียว “ไปเถอะ เสร็จแล้วก็กลับมานี่นะจะได้กลับพร้อมกัน” “ค่ะอาจารย์” สาวๆ พากันเดินชมสินค้า เดินเล่นในห้างเมื่อถึงเวลาก็พากันกลับมายังจุดนัดพบแล้วพากันกลับโรงแรมโดยมีอารยะคอยดูแลเป็นอย่างดี สามเดือนต่อมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมา 6 เดือนแล้วและตอนนี้เรรินก็เรียนจบแล้วด้วยแต่ยังไม่ได้สมัครงานที่ไหนมัวแต่เล่นซนออดอ้อนช่วยพ่อแม่ทำงานในไร่ ส่วนเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไป สารธารกับอรอนงค์สอบบรรจุเป็นข้าราชการครูที่ต่างจังหวัดส่วนมาลินีทำงานธนาคาร กันตากับจินตนากลับบ้านที่กรุงเทพบ้านของจินตนาเป็นร้านวัสดุก่อสร้าง ส่วนของกันตาเป็นโรงงานน้ำผลไม้เธอจึงต้องกลับไปช่วยครอบครัวบริหารงาน เหลือก็แต่เรรินที่อยู่ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไรจึงท่องโลกอินเทอร์เน็ตหาชมข่าวสารพี่ธันว์ของเธอวนไปทำซ้ำๆ อยู่อย่างนี้ทุกวัน และในวันนี้เมื่อเธอเข้าไปในเว็ปไซด์ของ บริษัทธรรมัธภรณ์ กรุ๊ฟ เห็นข่าวรับสมัครพนักงานของ บริษัท มีหนึ่งในตำแหน่งที่ทำให้เธอสนใจก็คือเลขาประธานบริษัท หญิงสาวตัดสินใจในทันนว่าจะต้องเข้าไปเป็นเลขาของธันว์ให้จงได้เป็นไงเป็นกันสิน่า “คุณพ่อคุณแม่ขาหนูเรจะไปสมัครงานแล้วนะคะ” พ่อเลี้ยงสาธรและแม่เลี้ยงวันวิสาหันมามองหน้าลูกสาวโดยไม่ได้นัดหมายแทบจะทันทีที่เธอพูดจบ “อะไรนะพูดใหม่อีกทีสิลูกพ่อ” พ่อเลี้ยงสาธรถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแต่ไหนแต่ไรลูกสาวสุดที่รักไม่เคยชอบงานอ๊อฟฟิสเลยมีแต่จะชอบทะโมนไปวันๆ แม้จะเรียนจบแล้วก็ตาม “หนูเรจะไปสมัครงานค่ะ เป็นเลขาณุการ” หญิงสาวพูดด้วยความมั่นใจอีกครั้ง ส่งผลให้บุพการีทั้งสองยิ้มออกมาด้วยความยินดีที่ลูกสาวจะได้งานทำเป็นหลักแหล่งซะที (ยังไม่ได้ไปสมัครค่ะคุณพ่อคุณแม่..) “ได้จ๊ะลูก และจะไปสมัครงานเมื่อไรจ๊ะ แล้วบริษัทไหนเอ่ย” ผู้เป็นมารดาถามออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู “จะไปพรุ่งนี้เลยค่ะ ที่บริษัท ธรรมัธนาภรณ์ กรุ๊ฟ ค่ะ” เธอตอบออกมาอย่างมั่นใจแววตามุ่งมั่น “อืมดีจ๊ะลูก เอ๊ะ ธรรมัธนาภรณ์ หนูเรนี่อย่าบอกแม่นะคะว่า” แม่เลี้ยงวันวิสาอ้าปากค้างตรงกันข้ามกับเรรินที่ยิ้มแป้น “ถูกต้องค่ะคุณแม่เลี้ยงกับคุณพ่อเลี้ยงเข้าใจถูกแล้วค่ะ หนูเรจะไปสมัครงานเป็นเลขาของพี่ธันว์ค่ะ” สองสามีภรรยามองหน้ากันเลิกลักแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ลองเรรินได้ตัดสินใจแล้วคงไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ แน่ “ไม่ต้องไปสมัครให้เสียเวลาหรอกลูกลืมไปแล้วเหรอจ๊ะว่าเราเองก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ลูกจะเข้าไปทำเมื่อไหร่ก็ได้” ผู้เป็นบิดาพูดขึ้นแต่เรรินส่ายหน้า “ไม่เอาค่ะหนูเรจะสมัครด้วยความสามารถของหนูเรค่ะ” เธอก็อยากจะแสดงความสามรถของตัวเองบ้างไม่ใช่ว่าเป็นหุ่นส่วนแล้วจะทำอะไรก็ได้และก็ยังไม่อยากให้พี่ธันว์รู้ว่าเธอเข้าไปสมัครงานและทำงานอยู่ไกล้ๆ เขาเธอจะได้สืบดูพฤติกรรมของเขาได้สะดวกในเมื่อเขาจำเธอไม่ได้เธอก็จะไปเตือนความจำให้เขาเอง “แล้วลูกจะพักที่ไหนล่ะ เอางี้ไหม เดี่ยวแม่จะโทรหาคุณป้าหญิงให้” มารดากล่าวอย่างห่วงใยเรรินรีบปฏิเสธทันที “โอ้... ไม่ค่ะแม่ หนูเรจะไปพักบ้านยัยตาก่อน แล้วค่อยหาทางขยับขยาย” ทั้งบิดาและมารดาต่างก็มองหน้าลูกสาวอย่างอ่อนใจไม่คิดว่าลูกสาวจะวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว “แล้วนี้ บอกหนูตาหรือยังลูก” มารดาถามอย่าเป็นห่วง “ บอกเรียบร้อยแล้วค่ะยัยตากับยัยจินจะมารับหนูเรที่สนามบินพรุ่งนี้ค่ะคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” คุณวันวิสาส่ายหน้าให้กับความใจร้อนของลูกสาวแต่เธอก็ยังเป็นห่วงลูกจะให้ไปอยู่คนเดียวก็กระไรอยู่ “ฮื้อ..แม่ว่าลูกไปพักอยู่กับคุณป้าหญิงกับลุงธนูไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ ไหนๆ ก็จะเป็นสะใภ้ท่านแล้ว” แม่เลี้ยงวันวิสาคอยตะล่อมแต่เรรินส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว “ไม่ค่ะแม่ หนูเรจะไปกรุงเทพ และจะเป็นเลขาพี่ธันว์โดยจะไม่มีใครรู้ว่าหนูเรเป็นใคร” แววตาของเรรินเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ทำเอาบิดามารดาถอนหายใจออกมาเบาๆ นี่แม่ลูกสาวตัวน้อยจะเล่นพิเรนอะไรอีกนะ “ทำไมล่ะลูก” “ก็หนูเรอยากรู้นี่ค่ะว่าสามีในอนาคตของหนูเรเป็นคนยังไงกันแน่น่ะค่ะคุณพ่อ คุณแม่อย่าพึ่งบอกคุณลุงกับ คุณป้าหญิงนะคะ” เรรินสอดแขนเข้ากอดเอวมารดาไว้แน่นพลางส่งทั้งสายตาทั้งเสียงออดอ้อนผู้เป็นบุพการีทั้งสองจนท่านใจอ่อน “แต่แม่ว่าพี่ธันว์เขารู้อยู่แล้วนะเขาเห็นหน้าหนูเรเขาต้องจำได้สิ” เรรินทำปากยื่นน้อยๆ “เขาจำไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่” “เฮ้อ...อย่างนั้นก็ตามใจจ๊ะ” แม่เลี้ยงคนงามถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดยังไง “แต่หนูเรต้องสัญญากับพ่อแม่นะว่า จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด มีอะไรต้องบอกพ่อกับแม่ทุกเรื่องนะลูก” บิดาลูบศีรษะทุยนั้นเบาๆ อย่างเอ็นดู “ค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูเรสัญญา” เรรินส่งยิ้มหวานให้กับบิดาและมารดา สองสามีภรรยาหันมาสบตากันโดยไม่พูดอะไรชักจะสังหรณ์ใจแปลกๆ มีหวังเขากับภรรยาคงจะได้มีเรื่องปวดหัวกันอีกแน่ล่ะคราวนี้ ก็หนูเรลูกสาวของพวกเขาน่ะร้ายใช่เล่น แต่คนที่จะปวดหัวมากกว่าพวกเขาก็คงจะหนีไม่พ้นธันว์ เพราะหนูเรหมายมั่นปั้นมือเข้าไปป่วนขนาดนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD