หลุมจะรักแล้ว

1295 Words
“นายเดี๋ยวก่อน!!” ปิ่นส่งเสียงเรียกก่อนที่คนรุ่นเดียวกันที่เธอแน่ใจว่าต้องตรงปกแน่ๆ จะเดินห่างออกไป คนถูกเรียกชะงักเท้าตรงทางขึ้นบันไดและหันหน้ามา ขวับ!!! ปิ่นอ้าปากค้าง คิ้วเข้มแต่ตาตี่ ผิวขาวใส ออร่าความรวยฟุ้งกระจาย หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ‘ตี๋หล่อ’ คือคำที่ผุดขึ้นในหัวสมอง ทุกอย่างมันยิ่งกว่าตรงปกจะเหลือก็แค่โทรศัพท์? “อะไร?” คนหล่อมีออร่าเอียงคอน้อยๆ อย่างรอฟังว่าผู้หญิงในชุดนักเรียน ม.ปลายรุ่นเดียวกันจะตะโกนเรียกเขาทำไม “เอ่อ…คือ เอ่อ” ยกมือเกาท้ายทอย คำถามแรกจู่โจมเป้าหมายทันที “นายใช้ไอโฟนสิบสามรึเปล่า?” ตี๋หล่อคิ้วขมวด “รู้ได้ยังไง” อ่า..าา คำตอบแบบนี้คือมีใช่มั้ยนะ “กรี๊ดดด” จีนกรีดร้อง ??? คนถูกกรี๊ดใส่หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆเมื่อตัวเองเริ่มเป็นที่สะดุดตา “อะไรของเธอ!!” เขารีบหันหลังเดินขึ้นตึกเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาแต่ไหนเลยจะรอดได้เมื่อคนที่กรีดร้องวิ่งตามเข้ามาอย่างไม่ลดละ “นายๆ นายชื่ออะไร ฉันชื่อปิ่นเรียนตลาด” วิ่งตามติดเกาะเขาไว้ไม่ยอมปล่อย “เดี๋ยวไปลงทะเบียนเสร็จแล้วมาช่วยฉันหน่อยนะ” คนที่ไม่ชอบเรื่องวุ่นวายไม่ได้มีท่าทีสนใจสักนิด เขาผลักประตูเข้าไปยื่นเรื่องนานกว่าสิบนาที…แต่เมื่อเดินออกมากลับเจอเธอคนนั้นที่อายุเท่ากันแน่ๆ นั่งรออยู่จึงทำท่าจะเดินหนีแต่ยิ่งหนีไปถึงหน้าประตูเท่าไหร่ เสียงประกาศด้านหน้าก็เริ่มดังเข้าหูเรื่อยๆเกี่ยวกับการชวนเล่นเกมอะไรสักอย่าง เขาจำได้ว่าตอนเดินเข้ามายังไม่ได้ยินเสียงนี้ อาจจะเป็นเพราะพวกรุ่นพี่เบรกกินข้าวเที่ยง “นายอย่าเพิ่งไปช่วยฉันก่อน” มือนุ่มดึงข้อมือคนตัวสูงกว่าตัวเองเกือบสิบเซ็นต์เอาไว้ “ถ้าออกไปด้านนอก ตอนนี้จะมีรุ่นพี่ดักนักเรียนปีหนึ่งที่มาลงทะเบียนใหม่ ยังไงก็ไม่รอดแต่ถ้านายไปกับฉัน ร่วมเล่นเกมนั่น จบแล้วก็กลับเลยเจอกันอีกครั้งในสองเดือนหน้า” ซึ่งทั้งหมดเป็นความจริง เสียงพูดจากไมโครโฟนยิ่งย้ำว่าคนตรงหน้าพูดจริง เขาไม่รู้ว่าเกมที่ว่ามันเป็นเกมอะไรแต่ถ้ามันทำให้เขากลับไวขึ้นและไม่ต้องเล่นเองคนเดียวมันก็ถือว่าเข้าท่า สุดท้ายจึงพยักหน้าตกลงแม้จะไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ ทั้งคู่ในชุดนักเรียน ม.ปลายเดินออกมาจากหน้าตึก ปิ่นจับมือของคนตรงปกเข้าไปหาพี่เพียวคนเดิมที่พูดประกาศชักชวนรุ่นน้อง “พี่คะ หนูเจอแล้ว” ☺️☺️☺️ “ห้ะ!!” เพียวมองคนที่น้องปิ่นพามาเจอ ? ‘มีจริงๆแฮะ’ “ตรงตามที่พี่พูดรึเปล่าล่ะ” พูดออกไมค์เสียงก้อง ปิ่นสะกิดคนที่ตัวเองลากมายิกๆ “นายมีไอโฟนใช่ป่ะ ขอดูหน่อย” คนตาตี่ ผิวขาวยังคงงงอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสายตารอคอยของรุ่นพี่รอบๆข้างกับผู้หญิงที่ลากเขามา เขาจึงล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบไอโฟนรุ่นล่าสุดสวยหรูบอกยี่ห้อของความรวยให้เห็นชัดๆ รุ่นพี่อ้าปากกว้างจนเกือบจะอมไมโครโฟนได้อยู่แล้ว ‘รุ่นนี้ออกมาเมื่อสามวันก่อนเองนะ’ “ละ..แล้วรถหรู?” ปิ่นสะกิดคนรวยอีกครั้ง “นายขับรถมาใช่ป่ะฉันเห็นนะ” คนตัวสูงหน้าใสไร้รอยยิ้มแต่ชี้ไปยังรถสปอร์ตสีขาวมีสัญลักษณ์สี่ห่วงอยู่ด้านหน้า พร้อมหยิบรีโมทมากดปลดล็อคแสงไฟหน้ารถกระพริบตอบรับว่านั่นคือรถของเขาจริงๆ (ที่จริงมันเป็นรถเฮียเจ็ง พี่ชายคนโตเขาแค่ยืมมามอบตัวแป๊บเดียว) ??? “อ่าาา” เสียงครางดังออกมาจากไมโครโฟนก่อนจะมีเสียงหัวเราะดังลั่นออกไมค์ “5555 ไอ้ประธาน กูซวยแล้วน้องปิ่นหาเจอด้วยว่ะแก เราเป็นรุ่นพี่ผิดคำพูดไม่ได้แล้วนะเว้ย!!!” ประธานรุ่นยกมือชี้หน้าคนเสนอเกมนี้ออกมาแล้วทำท่าปาดคอ ก็แน่ล่ะใครจะคิดว่าเด็กต่างจังหวัดจะมีรถแบบนี้กันล่ะวะ ‘แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ให้น้องปิ่นเลือกพี่รหัสคนเดียวเอง’ เพียวยิ้มแหยๆแล้วกลับมาถามรุ่นน้องตรงหน้า “ว่าแต่หนุ่มหล่อรวยคนนี้ชื่ออะไรจ๊ะ?” ยื่นไมโครโฟนไปตรงหน้า เขาขยับตัวออกห่างแต่ก็ตอบกลับ “จีน” นั่นคือครั้งแรกที่ปิ่นรู้จัก…จีนคนที่อยู่ในใจเธอตั้งแต่แรกพบ วันเวลาผันผ่านจนปิ่นเข้าสู่ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย เพียงแค่วันแรกเธอก็ได้เจอกับคนในใจทันที ‘จีน’ ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบและผมของเขาเริ่มยาวขึ้นจนอีกฝ่ายต้องมัดไว้ครึ่งหัว หน้าใสไร้ริ้วรอยบ่งบอกถึงผิวสุขภาพดี ขาเรียวในกางเกงขาเดฟดูสูงชะลูด และเพราะความประหม่าทำให้เธอไม่กล้าเข้าไปทัก ไม่กล้าคุยอะไรเลยทั้งๆที่เธอกับเขาก็นั่งไม่ห่างกัน จากการสังเกตทำให้เธอรู้ว่าจีนไม่ใช่คนช่างพูด ติดจะขี้รำคาญและขี้อายเสียด้วยซ้ำ ความเป็นคนเงียบๆทำให้เขาดูเป็นคนเข้าถึงยากแม้เขาจะรู้ว่าเธอคือปิ่นแต่เขาก็ไม่ทัก ‘ทำยังไงดีนะ’ เธออยากสนิทกับอีกฝ่ายไม่ใช่เพราะเขาดูรวยแต่มันเป็นเพราะ…เธอตกหลุมรัก รักตั้งแต่วันนั้นที่ได้เจอกันครั้งแรกและตลอดสองเดือนที่อยู่ในบ้านสวนเธอไม่เคยลืมหน้าจีนได้เลย ดังนั้นเธอตัดสินใจแล้ว ‘เอาล่ะ’ คาบแรกผ่านไปหลังจากนี้จะเป็นคาบว่างและพักเที่ยงก่อนจะเริ่มเข้าเรียนต่อในคาบบ่าย กลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งต่างจับกลุ่มกันเดินออกมาจากห้อง ปิ่นลอบมองและตามจีนไป จนเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปตรงที่จอดรถ อ่าา…ไม่ใช่รถหรูคันนั้น แต่เป็นรถคันสีขาวรุ่นใหม่ที่ดูแล้วแพง ‘รวยจัง’ ปิ่นได้แต่นึกคำนั้นในใจ เสี้ยววินาทีก่อนที่ทุกอย่างจะผ่านไปเหมือนทุกวันเธอจึงตัดสินใจตะโกนเรียก “จีน!!” เจ้าของชื่อหันมามองก่อนจะผงกหัวให้หนึ่งครั้ง “ปิ่น” ?? “ใช่ นึกว่าจำกันไม่ได้แล้ว” “จำได้สิ มีอะไรเหรอ” ปิ่นทำหน้าไม่ถูก นอกจากเกาหัวแก้เก้อผมยาวเริ่มหลุดรุ่ยร่าย “เอ่อ…จะไปไหนเหรอ” ก็รู้ว่ามันคือคำถามงี่เง่าแต่ก็ยังถามออกไป “คือถ้าไม่รังเกียจเรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย” แม้ใจอยากจะสารภาพรักด้วยซ้ำแต่ด้วยความที่เพิ่งจะได้คุยกันเป็นครั้งที่สองจึงทำให้เธอไม่กล้าพูด อย่างน้อยตอนแรกก็ควรจะเป็นเพื่อนกันก่อนถ้าหากแน่ใจแล้วค่อยพัฒนาต่อก็ยังไม่สาย “_” ปิ่นเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนานจึงรีบส่ายหน้าเพราะคิดว่าเขาคงอยากจะอยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะคุยกับเธอตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียนไปแล้ว “ถ้านายไม่อยากเป็นก็ไม่เป็นไร เอ่อขอโทษที่รบกวนนะ” ความอายฉายชัดอยู่บนใบหน้าแต่ก่อนจะหันหลังกลับ เสียงของคนในใจก็ดังตอบรับ “เอาสิ เป็นเพื่อนก็ได้” จีนยิ้มตอบกลับมาอย่างน่ารัก เหมือนกันกับเธอที่ยิ้มกว้าง “อื้ม!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD