ตอนที่4:โค้งหักศอกร้อยศพ

3100 Words
๔ รถยนต์ซีดานสี่ประตูขับเคลื่อนมุ่งตรงกลับบ้านหลังจับจ่ายใช้สอยพอประมาณหนึ่งแล้วโดยไม่ลืมที่จะไปส่งเพื่อนสาวคนสนิทของเอื้อนจันทร์ก่อน ภายหลังส่งน้ำว้าและยี่สกกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ทิศเหนือจึงบังคับพวงมาลัยหมุนเลี้ยวไปอีกทาง บรรยากาศสองข้างมืดทึบมีเพียงแสงไฟสลัวจากเสาไฟริมทางแสงสีส้ม แต่ละต้นทิ้งระยะห่างกันพอสมควรจึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยไฟหน้ารถ ครั้นจะเปิดไฟแรงสูงก็เกรงจะมีรถขับผ่านไปผ่านมา ทว่าไฟหน้ารถในขณะนี้ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เห็นทัศนียภาพเบื้องหน้าได้กว้าง อีกไม่กี่กิโลก็จะถึงทางสามแพร่งแล้วหรือตามความเชื่อโบราณเขาเรียกว่า ‘ทางผีผ่าน’ เอื้อนจันทร์ใจเต้นระส่ำทุกครั้งที่นั่งรถผ่านบริเวณนี้ ริมฝีปากบางกระจับขบเม้มปากล่างอย่างกลั้นใจ กลิ่นวิญญาณผีตายโหงหลายร้อยดวงเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคาวเล็ดลอดเข้ามาในตัวรถ นับตั้งแต่ถนนเส้นนี้ก่อสร้างเสร็จทางสามแพ่งที่ว่านี้ก็มีอุบัติเหตุคร่าชีวิตผู้คนแทบทุกอาทิตย์ ดวงวิญญาณที่ประสบอุบัติเหตุก่อนหน้ามักจะหาตัวตายตัวแทนเพราะคิดว่าหากมีดวงวิญญาณมาแทนที่ จะสามารถทำให้ตัวเองหลุดพ้นแล้วไปผุดไปเกิดได้ แต่ด้วยบ่วงกรรมที่คิดคร่าพรากชีวิตผู้อื่นจึงทำให้ไม่มีดวงวิญญาณดวงใดสามารถหลุดพ้นจากสถานที่อาถรรพ์บริเวณนี้ได้เลย แม้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะนำพระสงฆ์มาทำพิธีสวดถอนเชื้อเชิญดวงวิญญาณคนตายออกจากสถานที่เกิดเหตุแล้วก็ตาม “เห็นโค้งข้างหน้าพี่พึ่งนึกขึ้นได้” “เมื่อวันก่อนเพื่อนสมัยมอปลายโรงเรียนเดียวกับพี่รถแหกโค้งพลิกคว่ำเสียหลักตายคาที่อยู่ตรงทางโค้งนั่นรู้ข่าวยัง พี่ก็เลยแวะไปงานศพขากลับก็เลยไปดื่มสังสรรกับเพื่อนเก่า” ทิศเหนือบอกน้องสาว “ใครหรอพี่เหนือ” “ไอ้ตั้ม...เอื้อนก็เคยเห็นนิ เห็นว่าชันสูตรศพไม่มีค่าแอลกลอฮอล์นะ พี่ก็งงอยู่ปกติมันไม่ใช่คนขับรถเร็วอะไร ทำไมถึงไปขับรถแหกโค้งตรงนั้นได้ แฟนมันก็พึ่งท้องอ่อน ๆ ก็ต้องมากำพร้าพ่อซะแล้วก็เลยช่วยค่าทำศพไปสามหมื่น ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เมียกับลูกมันจะอยู่ยังไง” ว่าแล้วก็สงสารเจ้าตั้มมันเรียนจบพึ่งจะแต่งงานเมื่อช่วงต้นปี อนาคตกำลังไปได้สวยมีครอบครัวที่อบอุ่น ดันมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตคาที่ก่อนจะได้เห็นหน้าลูกเสียอีก “พี่ตั้มมือกลองน่ะหรอ” เอื้อนจันทร์เลิกคิ้วเอ่ยถามพี่ชายให้แน่ใจ ฝ่ามือทั้งสองกำแน่นเข้าหากัน เหงื่อเย็นเริ่มผุดพรายหลายเม็ดบริเวณไรผมและฝ่ามือ พลางคิดในใจว่าทำไมพี่ชายจะต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้ฟังก่อนจะถึงทางโค้งนั่น “อืม...คนนั้นแหละ” ด้วยทางข้างหน้าที่จะถึงคือทางสามแพร่งที่มีโค้งหักศอก ชาวบ้านขนานนามโค้งนี้ว่าโค้งร้อยศพ กลิ่นคาวเลือดเริ่มส่งกลิ่นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ กลุ่มเขม่าควันดำปกคลุมสองข้างทางทำให้บรรยากาศวังเวงชอบกล อีกทั้งระแวะนี้ยังเป็นป่ารกทึบมืดสนิท เอื้อนจันทร์เริ่มเห็นเงาสีดำตะคุ่มยืนเรียงรายเต็มสองข้างทาง บ้างก็ชะโงกมอง บ้างก็กวักมือเรียกเผื่อจะฟลุ๊คมีคนมองเห็นดวงวิญญาณของพวกเขาบ้าง “......” เอื้อนจันทร์นั่งตัวเกร็งพยายามมองตรงไปเบื้องหน้า ทำราวกับว่าไม่เห็นดวงวิญญาณเหล่านั้น เธอพยายามหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนโซเชียลดูไปพลาง ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “เป็นไรทำไมเงียบ” ทิศเหนือเหลือบมองน้องสาว “ไม่เป็นไรแค่เพลียน่ะพี่เหนือเปิดเรียนวันแรกก็งี้แหละ” เธอพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ จมูกรั้นเล็กส่งเสียงฟุดฟิดยามได้กลิ่นดวงวิญญาณตายโหงที่แวะเวียนลอยตามรถยนต์ เธอกลัวว่าหากบอกพี่ชายตามตรงจะทำให้เขาเสียสมาธิจนอาจจะเกิดอุบัติเหตุกลางทางได้ หากพ้นถนนเส้นนี้ไปได้เธอก็จะไม่เห็นสิ่งเร้นลับพวกนี้อีก เพราะทางข้างหน้ามีศาลพ่อจายคชสาร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่ชาวบ้านแม่สรวยมาอย่างช้านาน มีรูปปั้นพ่อจายช้างเป็นช้าง ๑๑ เศียร อยู่ริมเชิงเขาติดกับถนนสายรอง ผู้ที่สัญจรผ่านไปมามักจะบีบแตรเพื่อแสดงความเคารพท่าน “นอนสักงีบก็ได้ถึงบ้านเดี๋ยวพี่ปลุก” ทิศเหนือว่าพลางเอื้อมไปหยิบหมอนผ้าห่มบริเวณเบาะหลังให้น้องสาว ก่อนจะมีเสียงคล้ายของหนักหล่นตุ้บใส่หน้ารถอย่างแรง ตามมาด้วยเสียงเบรกกระทันหันจนล้อหลังเกิดควันโขม่ง ตุ้บ! เอี้ยดด!!! ทิศเหนือเบรกรถกระทันหันจนเอื้อนจันทร์ตัวโยกหน้าเกือบทิ่มคอนโซลรถ โชคดีที่เธอยันกายไว้ได้ทันก่อนจะเงยหน้าขึ้นพลันสบดวงตาขาวโพลนของใครบางคนโดยบังเอิญ เจ้าของดวงตาขาวโพลนจ่อใบหน้าบริเวณกระจกรถฝั่งข้างคนขับ พร้อมเอ่ยเสียงยืดยานหลอนหูสุดน่าสะพรึงกลัวจนหญิงสาวสะดุ้งโหยงดีดกายชิดเบาะ ดวงตากลมโตยังคงสบดวงตาขาวโพลนที่ไร้ตาสีดำ “!!?!!” ‘ไอ้เหนือเอากูกลับไปด้วย กูอยากกลับบ้าน~’ “อย่าลงไปนะพี่เหนือ” เอื้อนจันทร์คว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนพี่ชายรั้งทิศเหนือที่ทำท่าจะเปิดประตูรถลงไปดูว่ามีอะไรตกลงมาหรือเขาขับชนอะไรหรือเปล่า “ถ้าพี่เหนือลงไปเอื้อนจะโกรธ” “พี่เหนือขับไปเลยเร็ว ๆ ห้ามจอด ขับออกไป!!!” เธอเร่งเร้าพี่ชายด้วยน้ำเสียงลนลาน ดวงวิญญาณของพี่ตั้มที่พวกเธอพึ่งจะพูดถึงเมื่อครู่ เกาะหน้ารถติดหนึบตามมาด้วยเสียงตวาดดังลั่น เมื่อได้พบเจอคนคุ้นเคยความอ้างว้างและโดดเดี่ยว เป็นต้นเหตุให้ดวงวิญญาณเจ้าตั้มร้อนลน ใบหน้าซีดเผือดราวสีกระดาษเริ่มบิดงอ บาดแผลฉกรรจ์หลังเสียชีวิตผุดผาดทั่วเงาตะคุ่มสีทะมึน หยาดเลือดสีน้ำตาลเข้มไหลทะลักออกมาท้วมริมฝีปากเข้ม ดวงวิญญาณของนายตั้มเริ่มแผงฤทธิ์ด้วยการเผยร่างหลอนสยองขวัญให้เอื้อนจันทร์ได้ชมเต็มตา กลิ่นเหม็นเน่าลอยโชยจากเรือนกายอันมีรอยเลือดโชก เสียงตะโกนร้องเรียกเพรียกหาคนในรถครั้งแล้วครั้งเล่า ‘เอื้อนเห็นพี่ใช่มั้ย!!! เรียกพี่ขึ้นรถหน่อยพี่อยากกลับบ้าน ไอ้เหนือพากูกลับบ้านที กูหนาว! กูเจ็บ! กูไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว’ “เดี๋ยวหนูให้พี่เหนือไปบอกครอบครัวพี่นะพี่ตั้มแต่อย่ามาทำให้หนูกลัวแบบนี้ ถ้าพี่ไม่ฟังเอื้อนจะไม่ช่วยนะ อย่าโผล่มาแบบน่ากลัวเลยพี่” เอื้อนจันทร์พนมมือสวดแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณนายตั้มแต่ดูเหมือนยิ่งเป็นการยั่วยุดวงวิญญาณเสียมากกว่า “เอื้อนเห็นตั้มหรอ” ทิศเหนือหันหน้าขวับมองน้องสาวที่กำลังสวดแผ่เมตตาเสียงสั่น เท่านั้นแหละพี่ชายจึงเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วเพื่อให้พ้นถนนสายนี้ไปเสียที ก่อนที่น้องสาวของเขาจะหวาดกลัวจนสติแตกกระเจิง เสียงเคาะกระจกรถยนต์ดังขึ้นพร้อมกันทั่วรถจากทางด้านนอก ยิ่งเขาเร่งความเร็วมากเท่าไหร่ เสียงเคาะก็ดังสนั่นจนสั่นสะเทือนถึงด้านในก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ทิศเหนือกำพวงมาลัยแน่นพลางสบถด่าเพื่อนตัวเองอยู่หลายรอบ หากอยากขอความช่วยเหลือให้บอกดี ๆ ถ้ามาแบบนี้เขาจะไม่ยอมช่วย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำหรับดวงวิญญาณที่ยังไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่าตนนั้นตายกลายเป็นผีเร่ร่อนประจำทางสามแพร่ง ก๊อก!!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!! “ไม่ต้องกลัวนะเอื้อน” แม้ตัวเองจะตื่นตระหนกไม่น้อยแต่ความเป็นพี่ชายยังคงหันไปปลอบประโลมน้องสาวให้คลายความกังวล ดวงวิญญาณผีตายโหงของนายตั้มยังคงวนเวียนเคาะกระจกรอบรถอย่างบ้าคลั่ง พร้อมน้ำเสียงยืดยานสั่งให้เอื้อนจันทร์เชื้อเชิญเขาขึ้นมาบนรถ แต่ด้วยรถคันนี้พ่อเลี้ยงแม้นเมืองให้อาจารย์ที่รู้จักเจิมลงยันต์อีกทั้งยังมีท้าวเวสสุวรรณตั้งตระหง่านบริเวณคอนโซลจึงพอให้หญิงสาวอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ‘เอื้อนเรียกพี่ เรียกพี่ดิเอื้อน! พี่อยากกลับบ้าน!’ เอื้อนจันทร์ไม่กล้าปิดเปลือกตาเพราะกลัวว่าจะมีดวงวิญญาณผีตายโหงตนอื่นจะเข้ามาร่วมผสมโรง แล้วอาจจะทำให้พี่เหนือขับรถประสบอุบัติเหตุได้ ทว่าจู่ ๆ วิญญาณคลั่งของนายตั้มกลับถูกกระชากออกจากตัวรถอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว หางตาหญิงสาวเหลือบเห็นเพียงเงาทะมึนร่างใหญ่คล้ายคชสารใช้งวงมหึมาตวัดฟาดดวงวิญญาณของนายตั้มสุดแรงจนกระเด็นตกลงข้างทาง หากสิ่งที่เธอเห็นเป็นช้างจริงช้างตัวนี้คงไม่แคล้วเป็นช้างร่างยักษ์ที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นและเติบโตในปางช้าง เสียงโหยหวนและเสียงเคาะกระจกนั้นเงียบกริบทำราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวมาก่อน “ฮู่วว!” ทิศเหนือถอนหายใจอย่างโล่งอก ฝ่ามือหนาเหงื่อเย็นผุดพรายจนต้องชักมาถูกับขากางเกงให้แห้ง “เงียบไปแล้วไอ้ตั้มมันไปแล้วหรอเอื้อน” “อืม...พ่อจายช้างคงช่วยเราไว้น่ะพี่เหนือ ผ่านศาลท่านอย่าลืมขอบคุณท่านนะ ไม่งั้นเราสองพี่น้องแย่แน่” “ขอบคุณนะคะท่าน” เอื้อนจันทร์ที่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ความช่วยเหลือเมื่อครู่คงจะเป็นพ่อจายช้างจึงกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งพลางถอนหายใจ ขณะเดียวกันผู้ที่ยื่นมือช่วยเหลือที่แท้จริงถึงกับกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย พญาคชสารนิลยืนมองรถยนต์ซีดานสี่ประตูวิ่งชะลอหน้าศาลพ่อจายช้าง เสียงบีบแตรบวกกับคนในรถพนมมือยกไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะเคลื่อนตัวขับออกไป ทิ้งให้คชคณยืนขนาบข้างชายชรานุ่งขาวหุ่มขาว ผมหยิกงอสีดอกเลายาวเฟื้อยถึงเครา เบื้องล่างมีดวงวิญญาณผีตายโหงที่เขาพึ่งจะจัดการสั่งสอน “นางบอกว่าจะช่วยเจ้าฟังไม่รู้ความหรือ” “เป็นผีก็อยู่ส่วนผีไม่รู้หรือว่าหลอกหลอนผู้คนมันเป็นบาป เมื่อถึงเพลาจักมีผู้มาปลดปล่อยเองล่ะหนาตามเวรตามกรรม” คชคณหรี่หางตามองดวงวิญญาณหนุ่มที่นั่งสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากรัศมีแลบารมีของชายผิวเข้มผู้นี้เปล่งประกายสาดแสงจนนายตั้มไม่กล้าเงยหน้าสบตา ทำได้แค่นั่งสำนึกผิดอยู่เงียบ ๆ “ข้าช่วยแท้ ๆ ยังคิดว่าเป็นเจ้าไปได้ หลงเชื่อโอปปาติกะจอมปลอมไปได้เช่นไร รูปปั้นเจ้ามีถึงสิบเอ็ดเศียรแต่ว่าความจริงข้าเห็นเจ้ามีเพียงเศียรเดียว เจ้าหลอกลวงผู้คน!!!” พญาคชสารพ่อคนอยากได้หน้ายืนกอดอกส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ทำเอาชายชราที่ชาวบ้านขนานนามว่า พ่อจายช้าง ถึงกับยกยิ้มเล็กน้อย “ความผิดข้าหรือขอรับ รูปปั้นเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นจิตศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อข้า” พ่อจายช้างตอบเสียงกรุ่มกริ่ม เพราะจู่ ๆ เขาก็โดนพญาคชสารจากดินแดนอันไกลโพ้นพาลใส่เสียได้ แม้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาอาจจะดูแก่ชรากว่าท่านคชคณ หากเทียบอายุขัยจริง ๆ แล้วละก็ท่านคชคณคงเปรียบเสมือนรุ่นปู่ของพ่อจายช้างกระมัง จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่พ่อจายช้างให้ความเคารพยำเกรงท่านคชคณไม่น้อย “ไม่ใช่ความผิดเจ้าแล้วความผิดข้างั้นรึ...” คนตัวสูงปรายหางตามองเจ้าของศาลจายช้าง “ความผิดข้าก็ได้ขอรับหากท่านอยากให้ข้าผิด” พ่อจายช้างเดินเบี่ยงขึ้นศาลของตนที่ชาวบ้านปลูกสร้างให้ “เมื่อใดจักครบ ๑๐๐ ปี ข้าเบื่อจะเห็นรูปลักษณ์ชายชราของเจ้าเต็มทน เหมือนข้าต่อล้อต่อเถียงกับผู้อาวุโสอย่างไรอย่างนั้น” “อีกไม่กี่ปีขอรับ หากท่านไม่อยากเห็นก็ปิดตาสิขอรับ หาใช่ธุระกงการของข้า...” พ่อจายช้างตอบหน้าระรื่น เพราะกายทิพย์ของเขาเสื่อมถอยตามกาลเวลาเฉกเช่นมนุษย์ เพียงแต่ทุกร้อยปีกายทิพย์ของเขาจักหวนย้อนสู่วัยเยาว์อีกคราทำให้เขากลายเป็นหนุ่มอีกครั้ง เป็นแบบนี้วนเวียนไปทุกร้อยปี “ฝีปากเจ้าน่าจับไปอยู่กับเจ้าไอยศูรย์แลเจ้าขาลนัก” “หากเป็นท่านไอยศูรย์จากแดนนรกข้าขอถอยขอรับแลหากเป็นพญาขาลจากหมู่บ้านคุ้มงามข้าก็ไม่เอาด้วยขอรับ ข้ายังอยากอยู่ศาลแบบสบายใจไร้ปัญหามากวนใจ” “เจ้ารู้จัก?” “ก็พวกผีป่าผีเขามันเล่ากันต่อมาเป็นทอด ๆ พวกผีมันก็อพยพหนีขึ้นเหนือมากันทั้งนั้นร้องระงมว่าอยู่กันไม่ได้” พ่อจายช้างแย้มสรวล “หากไม่ไปแหย่เมียมันในวันคลอดคงไม่โดนกำราบจนต้องอพยพกันดอก ดีเท่าใดมันไม่กวาดต้อนลงนรกทั้งหมด นับว่ามันยังปรานีหนา” คชคณแค่นหัวเราะยามเอ่ยถึงไอยศูรย์รายนั้นน่ะหวงเมียเสียยิ่งกว่าอะไร ส่วนเจ้าพญาขาลนั้นก็รักหลานเสียยิ่งกว่าอะไรดี ดันไปแตะของรักของหวงของเจ้าสองผู้นั้นเข้า ผีก็ผีเถิดต้องหนีตายรอบสองกันจ้าละหวั่น “แล้วท่านจะเอาอย่างไรกับนางผู้นั้น” พ่อจายช้างเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้จะได้เตรียมรับมือถูก “ถึงเพลาเบิกตัวพระเอกแล้วอย่างไรเล่า นางยี่สิบแล้วข้าจับทำเมียเสียตอนนี้เลยก็ยังได้” พญาคชสารยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาห่างจากนางมานาน บัดนี้หวนคิดถึงคนึงหาแววตาซุกซนยั่วเย้าคู่นั้นแทบใจจะขาด จำต้องข่มใจปล่อยให้นางเติบใหญ่โตเป็นสาวเต็มกายเสียก่อนตามคำร้องขอของบุหงา “ท่านเหมาะกับบทตัวร้ายเสียมากกว่าเท่าที่ข้าเฝ้าดูมาตลอด ๑๗ ปี สหายเพศผู้ก็มีไม่ได้ ครั้นจะมีตัวท่านก็ตามไปข่มขู่ถึงในฝันทั้งตระกูลทำเอาจับไข้หัวโกร๋นกันไปหลายวัน น่าสงสารก็แต่นางเอื้อนจันทร์น้อยผู้นั้นที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าท่านเป็นใคร...” พ่อจายช้างเอ่ยขยี้เสียดแทงท่านคชคณ “กูว่าวันนี้ฤกษ์ยามงามดีที่กูจักได้เผาศาลมึงแล้วล่ะไอ้จายช้าง ไอ้โอปปาติกะเหลือขอ” พญาคชสารขบเคี้ยวฟันกรอด ฟังที่มันพูดแล... “ครั้นมึงมีเมียมึงจักยอมให้เมียมึงหาผัวใหม่รึ!” “ข้าพูดความจริงใจมันเจ็บเหลือทนหรือขอรับ” พ่อจายช้างขบขัน เขาหัวเราะร่วนจนตัวโยน ไม่คิดว่าคำพูดเพียงน้อยนิดของเขาจะทำให้พญาคชสารผู้เกรียงไกรถึงกับโกรธาออกอาการถึงเพียงนี้ “......” ครานี้พญาคชสารไม่ตอบโต้ เพียงยกฝ่ามือขึ้นมาดีดนิ้วดังเปราะ พริบตาเดียวศาลเจ้าพ่อจายช้างหลังใหญ่ที่ชาวบ้านตั้งใจสร้างให้เพื่อให้สะดวกต่อการกราบไหว้สักการะก็บังเกิดประกายไฟแสงสีส้มลุกโชน ทำเอาพ่อจายช้างใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก่อนท่านจะบริกรรมคาถาสะเดาะดับเพลิงได้ทันควัน พญาคชสารพลันหายตัวลงต่อหน้าทิ้งให้พ่อจายช้างบ่นพึมพำอยู่ผู้เดียว หากเขาดับเพลิงช้ากว่านี้เสียหน่อย ไม่แคล้วต้องเดือดร้อนชาวบ้านตั้งศาลใหม่ให้อีก ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ท่านคชคณทิ้งเอาไว้ให้เขานั่นก็คือ...วิญญาณผีตายโหงนั้นเอง “คือทิ้งให้ข้ารับผิดชอบดูแลเอ็งว่างั้นเถอะ” พ่อจายช้างถอนหายใจพรืดใหญ่มองดวงวิญญาณของเจ้าตั้มที่เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบงุดอยู่คนเดียว “ผมกลับไปอยู่ที่เดิมก็ได้ครับ ไม่กล้ารบกวนท่านหรอกครับ” ดวงวิญญาณผีหนุ่มนั่งตัวสั่นเทิ้มยอมรับชะตากรรม “เอ็งก็เป็นผีดูแลศาลให้ข้าก็แล้วกัน รอคอยวันเวลาที่ผู้มีบุญมาปลดปล่อย อย่าได้เที่ยวไปหลอกหลอนผู้ใดอีก มิเช่นนั้นข้าจักไล่เอ็งกลับทางสามแพร่ง” “คะ...ครับ ขอบคุณครับพ่อจายช้าง” เจ้าตั้มยกพนมมือขึ้นเหนือหัวขอบคุณพ่อจายช้างที่อนุญาตให้เขาอยู่ประจำที่นี่ เพราะถนนทางสามแพร่งทั้งสายรายล้อมด้วยวิญญาณผีตายโหงนับร้อย เวลามีเครื่องเซ่นก็รุมแย่งกันกินเหมือนผีตายอดตายอยาก ผีรุ่นพี่ที่อยู่มานานก็จะมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าดวงวิญญาณที่พึ่งกลายเป็นผี ทำให้ข้าวของเซ่นไหว้ที่ชาวบ้านนำมาวางไว้ให้ไม่เคยถึงมือเขา ทางด้านครอบครัวของหญิงสาวเมื่อรู้ว่าสองพี่น้องประสบพบเจอกับอะไรมาพ่อเลี้ยงแม้นเมืองรีบออกไปไหว้ผีปู่ผีย่าให้ช่วยปกปักษ์คุ้มครองลูกหลานทันที ส่วนแม่พิไลก็รีบเตรียมน้ำส้มป่อยให้ลูกทั้งสองใช้อาบตามความเชื่อล้านนา ว่าส้มป่อยจะช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลที่มองไม่เห็น “พี่เหนือไม่น่าบอกพ่อกับแม่เลยดูดิตื่นตูมกันใหญ่” เอื้อนจันทร์กรอกดวงตาขึ้นลงอย่างเหนื่อยหน่าย เห็นทีต้องรอให้พ่อแม่ทำพิธีกรรมบางอย่างให้เสร็จเรียบร้อย ถงจะได้เข้าบ้านไปอาบน้ำเข้านอนได้ “ไม่บอกได้ไงรถเป็นรอยขนาดนั้น พ่อก็ต้องถามอยู่ดี” “อืม...พี่อย่าลืมไปบอกครอบครัวพี่ตั้มนะว่าพี่เค้ายังอยู่ที่นั่น ให้ทำบุญระบุชื่อพี่ตั้มคนเดียวไม่งั้นโดนผีตัวอื่นแย่งกินหมด” เอื้อนจันทร์กำชับพี่ชายและดูเหมือนตอนนี้ตัวเธอจะรุม ๆ เหมือนไข้จะขึ้นอีกแล้ว “ได้พรุ่งนี้พี่จะไปบอกให้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD