bc

ชะตาท่าน ข้าขอลิขิตเอง

book_age16+
306
FOLLOW
1.6K
READ
time-travel
friends to lovers
like
intro-logo
Blurb

เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง:

หนังสือนิยายลึกลับทำให้นางรู้จักเขา ตัวร้ายผู้แสนร้ายกาจ ผู้ขึ้นเป็นฮ้องเต้ที่ชั่วร้าย

สุดท้ายตายเพราะขายวิญญาณให้ปิศาจ เมื่อตายแล้วย้อนมาเกิดใหม่

ภารกิจช่วยเขาจึงเริ่มขึ้น

แต่เอทำไมเขาจ้องแต่จะฆ่านางหว่า?

เรื่องนี้นางเอกค่อนข้างกวน เก่ง ฉายาที่คนทั่วไปตั้งให้นางคือ

นางปิศาจน้อย ตามสไตล์นางนะคะ

ส่วนพระเอกโหด ดุ เถื่อน และคลั่งรักไม่เบา

ฉายาที่คนทั่วไปตั้งให้คือ

"บุรุษผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา กล้ามเนื้อหน้าไม่ขยับ"

ส่วนนางเอกตั้งฉายาพระเอกว่า "พ่อหน้าน้ำแข็ง"

chap-preview
Free preview
บทนำ
วันนี้อากาศหนาวเหน็บกว่าทุกวัน หิมะสีขาวบริสุทธิ์ตกโปรยปรายไม่หยุดตั้งแต่เช้าจวบจนกลางวันก็ยังมิมีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งส่งเสริมให้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทว่าท่ามกลางความหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถกระทบกระเทือนผิวกายขาวดุจหิมะภายใต้อาภรณ์สีม่วงสดสลับแดง นางกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ได้เลย ดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือประกอบกับดวงตาดอกท้อสดใสแลดูงดงามและน่ารักในเวลาเดียวกัน จมูกเล็กเชิด ปากสีชมพูระเรื่อ พวงแก้มแดงจางๆเป็นผลมาจากอากาศหนาวเย็นนัก ยิ่งทำให้แม้นางนั่งเฉยๆก็สามารถดึงดูดผู้คนได้อย่างง่ายดาย เรือนร่างบอบบางมีส่วนเว้าส่วนโค้งพอควรเจริญเติบโตตามแบบฉบับเด็กสาววัยสิบสี่ย่างสิบห้า วัยใกล้ปักปิ่นกำลังจะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว สตรีหนังหนาที่สามารถนั่งท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บขนาดบุรุษยังหลบเข้าบ้านตนเองเพื่อแสวงหาความอบอุ่น สตรีผู้นั้นคือข้าเอง นามของข้าคือ เซียวเฟยเจิน แปลว่าผู้โบยบินสู่ทรัพย์สมบัติ ท่านพ่อข้าเป็นผู้ตั้งชื่อนี้ให้เอง ถึงชื่อจะดูธรรมดาแต่ข้าชอบความหมายมันนะ เพราะข้าชอบอิสรภาพและเรื่องเงินๆทองๆยิ่งนัก เรื่องที่ชอบรองลงมาคือเรื่องกินแต่หากให้ชื่อมีอาหารเข้ามาด้วยคงแปลกพิลึกน่าดู ที่นี่คือหมู่บ้านในดินแดนทางเหนือ ของแคว้นเฉียนเหลียง ราชวงศ์ปกครองปัจจุบันคือ ราชวงศ์หย่ง องค์ฮ่องเต้คือ หย่งเจิ้นนั่นเอง หมู่บ้านที่ข้าอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็กเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กในดินแดนหนาวเหน็บทางเหนือเรียกได้ว่าห่างไกลจากความเจริญยิ่งนัก “เจินเอ๋อร์เข้ามาอ่านหนังสือในบ้านสิลูก อยากแข็งตายรึ ไอ้ลูกคนนี้” บุรุษเคราประปรายเปิดประตูหน้าบ้านชะโงกหน้าออกมาเรียกข้าคือท่านพ่อของข้าควบด้วยตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน แต่มิใช่บิดาแท้ๆหรอกนะ ข้าเป็นลูกกำพร้า ท่านพ่อเคยเล่าว่าเขาเจอข้าตอนอายุประมาณหนึ่งขวบถูกห่อด้วยผ้าไหมเนื้อดีวางไว้ที่หน้าบ้านของเขา ด้วยความที่ข้าหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักท่านพ่อท่านแม่จึงเก็บข้ามาเลี้ยง ไม่นานพวกท่านก็ให้กำเนิดลูกชายมาอีกคนหนึ่ง สุดท้ายแล้วครอบครัวข้าจึงมีอยู่ด้วยกันสี่คน ข้า พ่อ แม่ และน้องชายจอมซนอีกคนหนึ่งที่ตอนนี้อายุราวสิบสองขวบเศษ “ข้าอยากแข็งตายจะแย่ ท่านพ่อก็รู้ว่าสตรีเช่นข้าน่ะตายยาก ท่านอย่าห่วงเลย เข้าไปนั่งหน้าเตาไฟเถอะท่านน่ะ” ข้าตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงใสกังวานทว่าห้วนและไร้หางเสียงเฉกเช่นคนบ้านป่า สิ่งที่ข้าพูดมิได้เกินจริงอันใด เหตุผลที่ข้าสามารถนั่งอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บเป็นวันๆได้เช่นนี้มิใช่เพราะข้าหนังหนาหรืออย่างไร แต่เพราะข้ามีพลังวิเศษ ข้าสามารถสร้างม่านเกราะปกป้องสิ่งของหรือคนผู้ใดก็ได้ตามที่ข้าต้องการเพียงแค่สัมผัสและระลึกจิต ยิ่งข้ากับสิ่งของที่ต้องการปกป้องเกี่ยวพันกันมากเท่าไหร่เกราะของข้าก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกันหากข้ากับสิ่งของนั้นมิได้มีสายสัมพันธ์อันดีใดเลยเกราะของข้าก็แทบไม่มีประโยชน์ใดเลย ซึ่งตอนนี้ข้าใช้พลังปกคลุมตัวเองอยู่ ในโลกนี้มิใช่ทุกคนจะมีพลังแปลกๆเช่นข้าแบบนี้หรอกนะ จะมีก็เพียงกระหยิบมือที่ได้รับพลังพิเศษเช่นนี้ คนที่นี่เรียกมนุษย์เช่นพวกข้าว่าผู้วิเศษ มีตำนานกล่าวขานว่าผู้วิเศษคือมนุษย์ที่สวรรค์ให้พลังมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกันเอง นับเป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้นั่นเอง ดังนั้นหากลูกหลานบ้านไหนเกิดมามีพลัง ไม่ว่าผู้นั้นจะเกิดในตระกูลยากจนเร้นแค้นขนาดไหนขอเพียงนำไปรายงานตัวกับองค์ฮ่องเต้ เด็กผู้นั้นจะถูกยกระดับฐานะขึ้นทันที โตขึ้นจะได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์ขึ้นตรงต่อองค์ฮ่องเต้ ตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับขุนนางขั้น 2 เลยทีเดียว นี่ยังไม่รวมทรัพย์สินที่ทรงจะประทานให้อีกมากมาย แล้วแบบนี้จะมีใครไม่นำเด็กที่เกิดมามีพลังไปรายงานตัวงั้นหรือ มีสิ ข้าไง ด้วยเพราะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงข้าจึงสามารถหลบซ่อนตัวตนได้ง่าย บิดามารดาที่เลี้ยงข้ามาเป็นคนสมถะ ไม่มักใหญ่ใฝ่สูงจึงไม่มีใครปากโป้งไปแจ้งทางการ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการรายงานพลังของตนเองหรอกนะ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้น ใกล้แล้ว ใกล้ถึงเวลาที่ข้าจะเผยตัวตนแล้วล่ะ “พ่อจะไปล่าสัตว์ต่างหากเห็นเจ้านั่งอยู่หน้าบ้านก็เพียงพูดพอเป็นพิธีเท่านั้น เดี๋ยวชาวบ้านเขามาเห็นแล้วจะหาว่าข้าไม่รักลูก” “เหรอ” ข้าอยากจะลากเสียงให้ยาวไปถึงอีกบ้านหนึ่งกับท่าทีประชดประชันทำราวกับมิได้เป็นห่วงข้าเช่นนั้น ถึงแม้ว่าเราสองคนมิได้มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดกันแต่ข้ารักท่านพ่อ และข้าก็รู้ว่าท่านพ่อรักข้าเช่นกัน “ท่านจะไปล่าสัตว์หรือ ขะ...” “ไม่ พ่อมิให้เจ้าไปด้วย” ข้าชะงักฝีเท้าตนเองทันทีเมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน ข้าชอบขอติดสอยห้อยตามท่านพ่อเข้าป่าบ่อย ๆ พอเข้าป่าไปปุบข้าก็มักจะหายวับแยกทางกับท่านพ่อปับ เพราะข้ามิได้ประสงค์ติดตามท่านพ่อไปช่วยล่าสัตว์อยู่แล้ว ที่ขอตามไปเพื่อเป็นข้ออ้างมิให้ท่านแม่ห้ามปรามข้าเท่านั้น ข้าชอบเข้าไปเดินเล่นในป่า และที่สำคัญในส่วนลึกของป่ายังมีที่ลับของข้าที่หนึ่งซ่อนอยู่ด้วย ที่นั่นมีกระท่อมหลังเก่าตั้งอยู่ ด้วยความตาดีของข้าทำให้ข้าพบโดยบังเอิญ แต่มิใช่กระท่อมร้างผู้คนหรอกนะ ที่นั่นมีเจ้าของเป็นชายเฒ่าใจดีปากร้ายผู้หนึ่ง เห็นเขาบอกว่าเป็นคนจากที่อื่นเดินทางมาจำศีลบำเพ็ญเพียรที่นี่ เหตุผลที่ข้าชอบไปที่นั่นมิใช่เพียงชายผู้นั้นเพียงอย่างเดียว แต่ในกระท่อมเก่าๆมีทั้งตำราเรียน หนังสือชีวประวัติราวกับห้องสมุดขนาดย่อยเลยก็ว่าได้ ที่ข้าสามารถเขียนอ่านได้อย่างคล่องแคล่วก็เพราะชายผู้นั้นสอนและให้ยืมอ่านหนังสือพวกนั้นนั่นแหละ ข้าเคยสงสัยด้วยนะว่าทำไมคนหัวดีเช่นเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ก็มิได้คำตอบ ข้าที่จำเป็นต้องขวนขวายเอาความรู้จากอีกฝ่ายจึงไม่อยากถามต่อด้วยเพราะกลัวโดนไล่ตะเพิดออกจากกระท่อมน่ะสิ ทำไมคนป่าเมืองหนาวอย่างข้าต้องลำบากหาความรู้เข้าหัวน่ะหรือ อย่างไอ้เฟยเจินทำสิ่งใดย่อมหวังผลอยู่แล้วหรือไม่ก็โดนบังคับมา ซึ่งครานี้เป็นอย่างหลัง ในความเป็นจริงแล้วข้ามิใช่คนของโลกนี้หรอก ข้าคือสาวยุคศตวรรษที่ยี่สิบนู่น แต่ดันตายอย่างอนาถโชคยังดีที่ก่อนตายข้าเพิ่งอ่านหนังสือนิยายลึกลับเล่มหนึ่งจบ ด้วยความที่ตอนจบของเรื่องไม่สมดังใจข้าเสียเลยจึงนั่งด่าคนแต่งไปเสียหลายรอบ ตอนจบของเรื่องตัวร้ายชายตายเพราะโดนความชั่วเข้าครอบงำ ตัวละครตัวนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เขาเป็นถึงบุตรของสนมเอก บิดาเป็นถึงฮ่องเต้คนปัจจุบัน ชายหนุ่มจึงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ชายสาม แต่โชคร้ายหรือด้วยเพราะคนแต่งจัดวางให้ชีวิตเด็กน้อยอายุหกขวบต้องกำพร้ามารดา ทว่ามิใช่เพราะสิ้นชีพหรืออย่างไรแต่จู่ ๆก็หายตัวไปไร้ร่องรอย ไม่แม้บอกลาลูกชายตนเองสักคำ คนภายนอกจึงลือกันว่านางหนีตามบุรุษคนรักไปเพราะใคร ๆต่างก็รู้ว่านางเข้าวังมาเพราะโดนฮ่องเต้หมายตาต้องใจมิใช่ด้วยความสมัครใจ แต่บุตรอย่างตัวละครผู้นี้แม้ยังเด็กแต่ชาญฉลาดยิ่งนัก เด็กน้อยไม่คิดอย่างนั้นจึงหนีออกจากวังเพื่อไปตามหาท่านแม่ของตนเอง สิบกว่าปีผ่านไปไม่มีใครพบเด็กน้อยใจกล้าผู้นี้อีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่งเด็กน้อยในวันนั้นกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามทว่าดวงตาแข็งกร้าว หัวรุนแรงในวันนี้ เขาแสดงตัวพร้อมหลักฐานว่าตนเองคือองค์ชายสาม พร้อมทั้งโดนฮองเฮารับไปเลี้ยงดูต่อ นักเขียนบรรยายว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเด็กน้อยเก่งกาจ ฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายต่าง ๆด้วยตัวคนเดียว พูดถึงเรื่องฆ่าคนเขาสามารถฆ่าได้โดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ จึงได้รอดมาถึงทุกวันนี้ ทว่าชายหนุ่มกลับมามือเปล่าเขาหามารดาไม่เจอ แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคือฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจ ไม่กลัวใคร จิตใจหยาบไม่สนหัวใครทั้งนั้น นั่นแหละจึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางนองเลือดของตัวละครตัวนี้ ฮองเฮาที่ไร้บุตรมีแต่บุตรีทรงรับเป็นบุตรบุญธรรม ต่อหน้าเหมือนจะดีทว่าความเป็นจริงแล้วฮองเฮาต้องการใช้ลูกคนนี้เป็นอาวุธและหุ่นเชิดของตนในเวลาเดียวกัน ที่ตัวละครตัวนี้ขึ้นครองราชย์ได้เพราะแผนการของฮองเฮาทั้งนั้น หลังจากขึ้นครองราชย์สุดท้ายก็ถูกความชั่วร้ายกลืนกิน บ้านเมืองราวกับถูกปิศาจร้ายครอบครอง และจบลงด้วยพระเอกกับนางเอกของเรื่องมาจัดการ จบชีวิตลงอย่างน่าอนาจทั้ง ๆที่ความเป็นจริงแล้วเบื้องหลังทั้งหมดมิใช่เขาเลยสักนิด เด็กคนหนึ่งที่บอบช้ำจากการโดนมารดาทอดทิ้ง เด็กที่รักบุพการีขนาดออกไปตามหาด้วยตัวคนเดียว เด็กคนหนึ่งที่ถูกความรักของแม่เลี้ยงหลอกใช้ มีใครให้แย่กว่านี้อีกไหม ถึงแม้ว่านี่จะเป็นนิยายรักที่ยังไง๊ยังไงพระเอกกับนางเอกสุดท้ายก็ต้องสมหวังกันอยู่ดี แต่จบเช่นนี้ จบด้วยการจัดการคนชั่วผิดตัว คนบงการยังอยู่ดี ข้ารู้สึกไม่ชอบใจเสียเลย นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการมาเกิดใหม่ในโลกของหนังสือที่ย้อนมาตอนเริ่มเรื่อง คนที่ให้สิทธิ์นี้แก่ข้า ข้าจะเรียกว่าสวรรค์แล้วกันนะ มอบหมายภารกิจ เปลี่ยนชะตาตัวร้ายให้ข้า หลังจากข้าโดนรถชนตายคาที่ระหว่างที่กำลังเดินออกจากหอสมุด พอข้าลืมตาอีกทีก็ได้รับภารกิจและก็ฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยแรกเกิดพร้อมทั้งความทรงจำทั้งหมดในชาติที่แล้ว บางทีข้าก็คิดว่าการที่ตนเองเป็นเด็กกำพร้าอาจเป็นความตั้งใจของสวรรค์ และพลังที่ติดตัวมานี้ก็นับว่าข้าควรกล่าวขอบคุณเบื้องบนมากแล้ว วันเวลาผ่านไป ข้าเรียนรู้การใช้พลังตนเอง เรียนรู้ทักษะของการเผชิญโลกกว้างที่มิใช่บ้านป่าของตนเอง พอรู้ว่ามีตาเฒ่าที่รู้หนังสืออยู่ในป่าใกล้ตนขนาดนี้จึงรีบตีสนิททันที เขาสอนวิชาข้า ข้าช่วยปิดบังตัวตนของเขา ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายเท่านั้นก็พอ ข้าหลุดจากความคิดตนเมื่อได้ยินเสียงบ่นกระปอดกระแปดของพ่อบุญธรรมตน “คราวนี้ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกน่าท่านพ่อ ข้าจะสร้างเกราะให้ท่านต่างหาก” เท้าเล็กภายใต้รองเท้าขนสัตว์กันหนาวกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าหาท่านพ่อของตนเอง ข้าเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของอีกฝ่าย แสงสีขาวบริสุทธิ์เรืองรองออกมารอบตัวของท่านพ่อก่อนที่จะจางหายไปอันบ่งบอกได้ว่าพลังของข้าทำงานสร้างเกราะเสร็จแล้ว หลังจากนี้ภายในสิบสองชั่วยามไม่ว่าจะมีอันตรายใด ๆ จะฟันก็ไม่เข้า อาคมใด ๆก็ไม่อาจทะลุเกราะข้าได้อย่างแน่นอน เพราะเกราะที่ข้าสร้างให้คนที่ตนเองรักอย่างท่านพ่อมักแข็งแกร่งมาก ข้าคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยสร้างมาเลยด้วยซ้ำ เพราะข้ารักท่านพ่อ ท่านพ่อก็รักข้า คิดแล้วก็อุ่นใจแต่ลึกๆในใจข้าก็รู้สึกวูบโหวงมิใช่น้อยเมื่อใกล้แล้ว ใกล้ถึงเวลาที่ข้าจะต้องจากที่นี่ไปทำภารกิจของตนเองเสียที ท่านพ่อมองข้าตอบด้วยความรักทีหนึ่งก่อนจะเอื้อมมาลูบศีรษะข้าอย่างเบามือและเดินจากไป มือบางขาวนวลเนียนดุจหิมะของข้ายกขึ้นมากอดตนเองเพราะรู้สึกหนาวเหลือเกิน ข้ากำลังยืนกลางแจ้งท่ามกลางหิมะตก ลมหนาวพัดมาไม่ขาด นาน ๆ ทีข้าจึงรู้สึกหนาวเช่นนี้ ทำไมข้าถึงเพิ่งมารู้สึกหนาวน่ะหรือ.... เงื่อนไขการใช้พลังอีกหนึ่งข้อของข้าคือ หากข้าสร้างเกราะนี้ให้ใคร เกราะที่ปกป้องข้าก็ยิ่งเบาบางลงตามความแข็งแกร่งที่ข้ามอบให้ผู้อื่นนั่นแหละ เมื่อกี้ข้ามอบเกราะให้ท่านพ่อเต็มที่บัดนี้รอบตัวข้าจึงไร้เกราะป้องกันอยู่เลยน่ะสิ ไม่รอให้ตัวเองยืนจนแข็งตายอยู่หน้าบ้านข้ารีบซอยเท้าเข้าไปหาความอบอุ่นภายในบ้านทันที แต่แล้วดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่เป็นใจให้ข้า คงคิดว่าข้าหนังหนายิ่งกว่าหมีขั้วโลกเหนืองั้นสิ เสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่วิ่งเข้ามาทางบริเวณที่ข้ายืนอยู่ พร้อมทั้งเสียงตะโกนดังมาถึงก่อนตัวทำให้ฝีเท้าข้าชะงัก “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านหัวหน้าหมู่บ้านขอรับ อยู่ไหมขอรับ” “พี่หลี่ลั่วเสียงดังมาแต่ไกลเลย พ่อข้าไม่อยู่หรอกเจ้าค่ะ ออกไปล่าสัตว์เมื่อครู่นี่เอง...ท่านมีเรื่องด่วนหรือเปล่าเจ้าคะ” หลี่ลั่วคือผู้ช่วยหัวหน้าหมู่บ้านของท่านพ่อข้าเอง บ้านเขาอยู่นู่น ทางเข้าหมู่บ้านนู่น ส่วนบ้านข้าอยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ระยะทางนับว่าไกลพอสมควร อีกฝ่ายวิ่งมาเช่นนี้คงไม่แคล้วมีเรื่องสำคัญมาแจ้งพ่อข้า “ด่วนและสำคัญมาก แฮ่ก ๆ” “พักเหนื่อยก่อนเดี๋ยวขาดอากาศหายใจตายเสียก่อน ข้าขี้เกียจหาผู้ช่วยท่านพ่อใหม่” “เอ้า ไอ้นี่หนิ แช่งข้าเสียแล้ว” ข้าหลบมะเหงกของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย เหอะเรื่องความว่องไว ข้ารับรองไม่เป็นสองรองใครหรอกนะ ขนาดลิงบางตัวยังต้องอายข้าเลย “เรื่องด่วนอะไร พี่หลี่ลั่ว” “ก็ที่หน้าหมู่บ้านมีขบวนของทหารกลุ่มเบ้อเริ่มรออยู่น่ะสิ เห็นบอกว่าเป็นตัวแทนมาส่งราชโองการจากองค์ฮ่องเต้ บอกว่ามาขอพบพ่อของเจ้าน่ะ”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
48.0K
bc

หัวใจที่โหยหา

read
1.0K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
18.7K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
82.7K
bc

ร่านรัก จักรพรรดินี

read
1.8K
bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
33.8K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
55.4K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook