นางอสรพิษ

1381 Words
คนงามที่ร้อนรุ่มไปทั้งตัว ตาปรือหวานฉ่ำ นางแอ่นอกให้เขาดูดกินโดยไม่รู้ตัว ร่างกายยั่วยวนตามธรรมชาติ เนินสวาทร่อนส่ายตามนิ้วเรียวยาวอย่างยั่วเย้า เขาจ่อท่อนเอ็นอวบพร้อมรบไปที่เนินสาว จูบร้อนๆ กดย้ำไปที่ริมฝีปากบาง "อื้อ เจ็บเพคะ เบาๆ หน่อย" นางร้องครวญ เมื่อเขาอัดท่อนเอ็นอวบเข้าร่องสาว ในน้ำนางจะฝืดเคือง หล่อลื่นน้อย "เป็นไงล่ะ มัวแต่ป่วย ไม่ยอมหายเสียที ถ้าโดนเอาบ่อย ๆ ก็ไม่เจ็บแบบนี้" นางบิดเอวเขาด้วยความหมั่นไส้ "กับคนป่วย ก็หื่นไม่เว้น "คนงามพูดเสียงกระเง้ากระงอด "คนป่วยที่ไหน จะทั้งตอดรัดทั้งดูดหนึบอย่างเจ้า" "เข้ายังไม่ทันมิด ก็ตอดระริกแล้ว นางเด็กร่าน" "อ๊าา เบาๆ เพคะ เจ็บ" คนงามน้ำตาเล็ด "เจ็บจริงหรือนี่ ยังไม่ได้กระแทกเลยนะ " "ทำไงได้ อยากตัวเล็กเอง เรื่องขนาดคงช่วยเจ้าไม่ได้" เขาตัวใหญ่ มังกรยักษ์เขาก็ทั้งอวบ ล่ำ ยาวเก้านิ้ว น้อง ๆ ท่อนแขนเด็ก ส่วนนาง สูงเพียงแค่อกเขา ตัวเล็กกว่าผู้หญิงทั่วไป แถมนางทั้งรัดแน่น คับแคบ นางไม่เจ็บสิจะแปลก เขาเอาใจคนงามด้วยการบดบี้เม็ดเสียวเพิ่มความกระสัน น้ำหวานที่มากขึ้น ช่วยลดความฝืดอึดอัดคับแน่นลงไปได้มาก บทรักหวามเริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง คนสวย บิดส่าย เด้งตัวเข้าออก นางร่อนเอว โยกส่ายสวนปะทะการตอกกระแทกของท่อนลำอวบ "เอวดีจริง ๆ นางตัวดี" ยิ่งนางโยกควงส่าย เขายิ่งกระแทกตอกอัดสวนแรง "อ๊าาา เสียว" เขาครางกระเส่า เมื่ออารมณ์พิศวาสคุกโชนกายแกร่งก็หื่นร้อนตาม ร่างบางที่อยู่บนเอวเด้งส่ายตาม มือร้อนที่บังคับจังหวะอยู่ทีเอว นางร้องครวญครางระงม เมื่อเขาเริ่มกระแทกกระทั้น ดิบเถื่อนไม่ยั้งมือ "ตอดอีก ตอดแรงๆ ขมิบถี่ ๆ อาาา เสียวจนจะแตกแล้วนางตัวดี" "อาาาา ตอดดีจริง ไหนว่าป่วย ไหนว่าไม่ไหว ดูดหนึบเชียวนะนางจิ้งจอกน้อย" เมื่ออารมณ์พิศวาสคุกโชน กายแกร่งก็หื่นร้อนตาม ร่างบางที่อยู่บนเอวเด้งส่าย ตามมือร้อนที่บังคับจังหวะอยู่ทีเอว นางร้องครวญครางระงม เมื่อเขาเริ่มกระแทกกระทั้น ดิบเถื่อนไม่ยั้งมือ คนงามทั้งส่ายเอว โยกควงอย่างยั่วเย้า บดเบียดเนินสวาทอัดลึกไปกับท่อนเอ็นอวบ "จะยั่วไปถึงไหน นางเด็กร่าน" อ๊าาา เขา และนางครางเสียวระงม แก่นกายแกร่งพาท่อนลำอวบ บดลึกในเนินสาว กระตุกเกร็งฉีดพ่นพิษขาวอุ่นร้อน นางตอดรัดถี่รัว ขมิบแรงรีดน้ำเชื้อเขาจนหยดสุดท้าย พอน้ำหวานแตกทะลัก คนงามที่เสร็จสมก็หมดแรง หลับลงบนไหล่เขาแทบทันที เขาแช่เอ็นอวบที่ยังคงต้องการนางอีกอย่างไม่รู้จักอิ่ม ก่อนตัดใจกดจูบเบาๆ ที่ขมับ "รีบๆ หายป่วยเร็วๆ เข้าเด็กโง่" เมื่อก่อนนางปรนนิบัติเขาทั้งคืน สว่างคาตา หรือ เช้ายันบ่ายเป็นประจำ เรื่องให้แตกน้ำเดียวแล้วแยกย้าย เขากับนางไม่เคยมี "ขนาดบำรุงเจ้าด้วยโสม มาทั้งเดือน ยังเหนื่อยง่าย ไม่มีแรงขนาดนี้" เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เห็นทีร่างกายนี้คงยังต้องดูแลรักษาอย่างดีไปอีกนาน เขาหงุดหงิดงุ่นง่าน เนื่องจากยังเติมไม่เต็มในรสสวาท ตั้งแต่นางป่วยนี่แหละที่เพิ่งเกิดขึ้นเขาเคยต้องหยุดหักห้ามใจ ปล่อยนางให้ได้พักเช่นนี้ที่ไหน ยิ่งคิดยิ่งโกรธเคืองคนที่วางยาพิษนางอย่างโหดเหี้ยมจนเป็นเช่นนี้ "นางอสรพิษสุ่ยชิงหวา เจ้าเตรียมตัวลงนรกไว้ได้เลย" . ตั้งแต่มาพักฟื้นที่ตำหนักชานเมือง เขาว่าเขาเมตตาปรานีเสี่ยวผิงอันยิ่งนัก ถึงจะทำรักรังแกนางบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งเขาเพียงแค่ดูดกัดขบเม้มดูดดึง ไม่ได้ฝังเขี้ยว ไม่มีเลือดสาด ไม่มีแผลเหวอะหวะ ยังไงคนป่วยของก็ซีดเซียวมากอยู่แล้ว เขารู้หรอกนะว่าทำอะไรได้แค่ไหน นางตัวดียังมีหน้ามาบ่น มีหน้ามางอน ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงยิ่งนัก "บังอาจมาใส่ร้ายข้า หาว่าข้ารังแกคนป่วย"  คนเอาแต่ใจ ก็ยังคงเอาแต่ใจวันยังค่ำ ส่วนคนชอบง้อช่างเอาใจ และอารมณ์ดี สดชื่นร่าเริงอยู่เสมอ มีหน้าที่ ง้อ ก็จงง้อต่อไป "ใกล้ตำหนักเรามีวิหารเก่าแก่อายุร้อยปีตั้งอยู่ ไปเที่ยวกันไหมเพคะ" ดวงตากลมโตที่มองมากับน้ำเสียงออดอ้อนที่ใช้ ชี้ชัดว่ากำลัง ง้อ ชินอ๋องทำหน้าเฉยเมยไม่เอ่ยคำใด ทรงอ่านหนังสือในมือเหมือนไม่มีนางพูดเจื้อยแจ้วอยู่ตรงหน้า "ว่ากันว่า ถ้าขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของวิหาร จะเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบเมืองหลวงของแคว้นเลยนะเพคะ" น้ำเสียงตื่นเต้นกับแววตาเป็นประกายบ่งชี้ชัดว่าอยากไป เมื่อพูดปากเปล่าดูไม่ได้ผลนางกำนัลส่วนพระองค์ ที่อยู่กันมามากกว่าสิบปีก็ทำใจกล้า แทรกตัวกลางหว่างขาเขา แล้วนั่งลงบนหน้าขาข้างหนึ่ง สองมือบางเกี่ยวคล้องคอเขา "ไหนๆ ก็พาออกมาเที่ยวแล้ว เราไปเที่ยววิหารกันเถอะเพคะ" อย่างไรเสียก็ไม่เคยพระทัยแข็งกับนางได้นาน เมื่อคนงามมานั่งตักเอาใจออดอ้อน น้ำเสียงที่เอ่ยจึงอ่อนลงไปกว่าครึ่ง "จะจ่ายค่าจ้างพาไปเที่ยวเป็นอะไร" "เสื้อคลุมกันลมตัวใหม่สักตัวดีไหมเพคะ หม่อมฉันจะปักลายกอไผ่ที่เคยชอบถวาย" "ไม่ต้อง!!! ไม่เจียมสังขาร เจ้าป่วยอยู่ มีหน้าที่พักฟื้นก็พักผ่อนไป ช่างเย็บ ช่างปักในตำหนักมีมากมาย ถ้ามันไม่อยากทำ หรือ ทำไม่ไหวกัน ไม่มีหัวคิดกันดีนักก็ตัดหัวพวกมันออกเสียให้หมด" "กริ้วอะไรเพคะ เรื่องนิดเดียวเอง " "ยิ้มหน่อยเพคะ ยิ้มหวานๆ แบบที่สาวๆ หลงเสน่ห์กันแทบทั้งเมือง" "หม่อมฉันรู้นะ พระองค์เสด็จออกงานทีไร แค่ยิ้มบาง ๆ สาวน้อยสาวใหญ่ในงาน ก็มองกันจนมือไม้อ่อนหมดแล้ว" "ทรงรูปงามขนาดนี้ ยิ่งยิ้มยิ่งงาม แต่ทำไมชอบทำหน้าดุ พระพักตร์บึ้งตึงตลอด" นางยิ่งพูดคนฟังยิ่งหน้าบึ้งหนักกว่าเดิม เอวบางโดนบิดเนื้อแทบขาด โดดออกจากตักเขาแทบไม่ทัน "โอ๊ยยย พระทัยร้าย ทำร้ายร่างกายคนป่วย" “นางเด็กโง่ไม่เจียมสังขาร วันนี้ดื่มน้ำแกงได้กี่ชามแล้ว” คนตัวเล็กในอ้อมกอดเริ่มเฉไฉไม่ตอบคำถามแปลว่า วันนี้ยังไม่มีน้ำแกงตกถึงท้องเลยสักชาม "ทรงพาไปเที่ยววิหารนะเพคะ หม่อมฉันจะกลับมาดื่มน้ำแกงสองชามใหญ่ๆ เลย นะเพคะ นะ นะ" คนงามในอ้อมกอดตอนอายุสิบห้าปีก็ช่างออดอ้อนเช่นนี้ จนบัดนี้ผ่านมากี่ปีกี่ปีก็ไม่เปลี่ยน ปากบางถูกประกบจูบดูดดื่มเรียกร้องก็เริ่มขึ้น ผลของการพาคนป่วยไปเที่ยววิหารย่ำแย่กว่าที่คิด คนงามที่คึกคักกระฉับกระเฉงในขาไป พอขากลับนางก็เหนื่อยหอบ หมดแรงเอาดื้อ ๆ สะดุดล้มลงจนได้แผล เพียงนางฝืนเดินไปต่อ เดินไปไม่ถึงสิบก้าวก็เป็นลมล้มพับทำเอาเขากับจินเฟิงตกอกตกใจ จินเฟิงเป็นฝ่ายแบกนางกลับมา ชินอ๋องมองคนงามที่หน้าแดงจากพิษไข้ นางนอนซมยังไม่ได้สติตั้งแต่กลับมาจากวิหาร ไม่บ่อยนักที่สาวน้อยร่าเริง สดใสเช่นเสี่ยวผิงอันจะป่วยจนลุกไม่ไหวเช่นนี้ ส่วนใหญ่สาเหตุที่นางป่วยมักมาจากเขาทั้งสิ้น หากมีคนกล้าถามเขาว่าไม่หึง ไม่หวงหรือ ที่ให้จินเฟิงแบกนางกลับมา หึงเหรอ เขาเป็นพวกขี้หึงร้ายกาจรุนแรง แต่เขาเชื่อใจ นางเด็กโง่นี่ต่างหาก “ในชีวิตนี้ อันอันนางเป็นหญิงเดียว ที่เขาเชื่อใจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD