“พอเลยทั้งคู่!!” เสียงแหลมเหมือนจะปรี๊ดแตกแทรกขึ้น
เธอวิ่งเข้ามาชี้หน้าผมและพี่เสือสลับกันซ้ายขวา แต่มองยังไงเวลายังนี่โกรธก็ยังดูน่ารักอยู่ดี แถมเธอยังไม่ได้สวมใส่แว่นอยู่อีก
“เธอยอมได้ไงเนี่ย มันโกหกเธอนะเว้ย!!”
“แน่นอนว่าฉันไม่ยอม และฉันก็ไม่ยอมให้นายมาทำแบบนี้กับพี่เสือด้วย!...จะกลับก็กลับ!” เธอหันไปพูดกับพี่เสือ
“เออ เอามันกลับไปด้วยถ้าคืนนี้คุยไม่รู้เรื่องกูไม่ปล่อยมึงกลับแน่ไอ้วิคเตอร์!”
“เออ ไปก็ไปดิวะ!” ผมเถียงกลับ
ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกผมนั่งอยู่บนรถของยัยจืดชืด แต่ทำไมคนขับรถถึงได้กลายเป็นผมไปซะได้ ทั้งสองคนทะเลาะกันตลอดเส้นทางจนผมต้องหันขวับเมื่อทั้งสองเริ่มเถียงกันด้วยคำขู่แปลก ๆ
“ต้นข้าวก็จะบอกแม่เหมือนกันว่าพี่แอบหนีเที่ยวตลอด! โกหกกันตลอด”
“เฮ้ย! ไม่ได้นะเว้ยแกจะโกรธแค้นอะไรขนาดนั้นวะ เรื่องแบบนี้เรามาตกลงกันใหม่ดีกว่า ถ้าแม่รู้แกถูกหักค่าขนมครึ่งหนึ่งเลยนะ”
“แล้วยังไงก็ดีกว่าพี่ที่ถูกหักไปเศษสองส่วนสาม!”
“ต้นข้าว! แกมันจะใจร้ายเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะบอกแม่ให้หมดเลยว่าแกไปเที่ยวกับผู้ชาย”
“มะ…ไม่ใช่สักหน่อย ฉันก็แค่บังเอิญผ่านมาเจอพี่”
“เรามาคอยดูกันว่าใครจะโดนหนักกว่า”
“เชอะ!” เธอสะบัดหน้าหนีไปอีกฝั่งหนึ่ง
และผมก็ได้รู้คำตอบทั้งหมดในตอนนี้ที่ถึงคฤหาสน์หรูของพี่เสือ
ทั้งสองคนนี้กลายเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเฉยเลยและพวกเขากำลังทะเลาะกันเรื่องข้อตกลงและค่าขนมกับมารดาอันเป็นที่รักยิ่ง แต่ด้วยเหตุผลแห่งความแค้นเคืองของพี่เสือทำให้ผมกลายเป็นประเด็นร้อนถกเถียงกันต่อ
ผมในฐานะตัวประกันได้แต่นั่งเงียบอยู่ภายในห้องนั้นจนกระทั่งมันจบลง ครอบครัวของเธอหวงเธอมากและสั่งให้ผมไปนอนกับพี่เสือก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าผมจะไม่ทำการเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับลูกสาวของพวกเขาอีก
ผมถูกไอ้พี่เสือมันสอบสวนอยู่นานสองนานในที่สุดผมก็ยอมขอโทษที่เข้าใจผิดไป ใครจะไปคิดว่าทั้งสองคนจะเป็นพี่น้องกันล่ะ แถมพี่เสือก็ยังคงคะยั้นคะยอถามว่าผมชอบเธอหรือเปล่า ผมปฏิเสธไปเท่าไหร่รายนั้นก็พูดกลับมาแค่ว่า ‘กูรู้นะว่ามึงชอบ’ ผมเลยไม่ตอบคำถามอะไรต่ออีก
การนอนสองคนในห้องกับพี่เสือถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมากเลยทีเดียว เคยได้ยินหรือเปล่าว่าเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ และแล้วมันก็ถึงขีดจำกัด ผมถูกถีบส่งยัดเข้ามาภายในห้องของต้นข้าวแทนโดยที่ผมเองก็ไม่สามารถหนีออกไปได้ เพราะข้างนอกนั่นดันมีแต่คนเฝ้าเธออยู่เต็มไปหมด แล้วจะหวงอะไรขนาดนั้นวะเนี่ย….
ผมเกือบจะเบรกตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ก่อนจะพยุงตัวเองยืนขึ้นเต็มตัวแล้วหันไปสนใจเจ้าของห้อง
ต้นข้าวสวมใส่ชุดนอนเซ็กซี่จนน่าหลงใหล ใบหน้าหวานกำลังมองผมด้วยความสับสนว่านี่มันคืออะไรกันแน่
---
ฉันอยากจะบ้าตายรายวันจริง ๆ ฉันถูกพ่อแม่สาปชุดใหญ่ทั้งเรื่องของการย้ายคอนโดและเรื่องของการเที่ยวกลางคืนกับวิคเตอร์ พ่อแม่คิดว่าวิคเตอร์คือแฟนของฉันด้วยเหตุนี้จึงส่งหมอนั่นให้ไปอยู่อย่างใกล้ชิดกับพี่เสือ เพื่อที่จะได้จับตามองว่าเขาและฉันพูดความจริงหรือเปล่า
ฉันนั่งมองตัวเองอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างหดหู่ ทำไมช่วงนี้ชีวิตของฉันถึงมีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นตลอด หรือว่าฉันจะต้องไปทำบุญล้างซวยกันนะ
กริ๊ก!
ฉันหันขวับตามเสียงประตูห้องของตัวเองที่จู่ ๆ มันก็ถูกเปิดออกจากใครข้างนอกและก็มีร่างใหญ่ของวิคเตอร์โผเข้ามาจนเขาล้มหัวทิ่มและประตูฉันก็ถูกปิดลงด้วยความรวดเร็ว
“ฉันรู้แล้วว่าเธอดุเหมือนใคร” เขาบ่นอุบพลางพยุงตัวเองลุกขึ้น
“…” ฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตก มองเขาสลับประตูห้องตัวเองก่อนจะคิดได้ว่านั่นต้องเป็นฝีมือของพี่ชายฉันแน่ ๆ
“ฉันก็รู้แล้วว่านายคือตัวสร้างปัญหา”
“เหอะ ก็ควรจะบอกก่อนสิว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ทำไมนายไม่ถามล่ะ เข้ามาแล้วจะออกไปยังไงทีนี้”
ข้างนอกคุณพ่อสั่งแม่บ้านและทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้คอยสอดส่องฉันอยู่ตลอด เพราะกลัวเหลือเกินว่าฉันจะเกิดความรักจนทำให้เสียการเสียงาน
เขามองหน้าฉันอย่างไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกันก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเล็กของฉันที่แม้แต่นอนก็ยังทำไม่ได้
ก๊อกก๊อก!
เสียงเคาะประตูจากข้างนอกทำให้ดวงตาฉันเบิกโพลงเท่ากับไข่ห่าน พลางวิ่งไปลากเจ้าตัวปัญหายัดเข้าที่นอน
“อะไร?” เขากระซิบถาม
“ชู่วว~ นอนนิ่ง ๆ” ฉันสั่งก่อนที่จะพาตัวเองนอนลงแล้วคลุมผ้าห่มทั้งเตียง ทุกอย่างเข้าที่ฉันก็กดปิดไฟทันที
เตียงนอนของฉันมันกว้างและเต็มไปด้วยหมอนข้าง ตุ๊กตาหมีน่ารัก ดังนั้นมันก็พอที่จะอำพรางตัวของเจ้าหมอนี่ได้บ้าง ฉันให้เขานอนมุดอยู่ด้านในชิดผนังห้องและฉันนอนตะแคงแกล้งว่าหลับไปแล้ว
ก๊อกก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงปลดล็อกประตูเองและส่องเข้ามาสำรวจดูว่าฉันหลับหรือยัง
“ต้นข้าวหลับหรือยังลูก” เสียงปลุกที่คุ้นเคย
พ่อฉันมักจะถือวิสาสะเข้ามาในห้องของฉันแค่ด้วยเหตุผลการเป็นยอดนักสืบเท่านั้นแหละ และคำถามนั้นก็มีความหมายว่า ตื่นมาก่อนยัยลูกสาวตัวดี
“อื้อ…ห้าวว~ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีพ่อแค่จะแวะมาเข้าห้องน้ำ”
พ่อฉันตอบอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ล่อลวงให้ฉันต้องกดเปิดไฟทั่วทั้งห้อง ก่อนที่คุณพ่อสุดฉลาดจะเดินไปเปิดดูตามห้องน้ำ ประตูเสื้อผ้า ห้องแต่งตัวจนพอใจ
“นอนเถอะลูก ฝันดีนะพ่อไม่กวนแล้ว”
“ฝันดีค่ะพ่อ” ฉันตามน้ำนอนต่อจนกระทั่งเสียงของพ่อเงียบไป
“ออกมาได้”
“เฮือก! ทำไมพ่อของเธอถึงมาขอเข้าห้องน้ำมั่วแบบนี้” วิคเตอร์คว้าผ้าห่มออกและโผล่หัวขึ้นมาถามฉัน และพยายามสูดหายใจเข้าปอดหลังจากที่ผ่านความกดดันใต้ผ้าห่มนวมหนาพิเศษของฉันมา
“มาตามหานายไง”
“พ่อเธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาหาเธอ”
“พ่อฉันฉลาด แค่นั้นแหละที่นายควรจะรู้เอาไว้”
ฉันและเขามองหน้ากันเป็นกันรู้ดีว่า นี่พวกเราจะเอาไงต่อ เพราะเช้านี้ฉันจะต้องเตรียมพรีเซนต์งานเกี่ยวกับอวัยวะอาจารย์ใหญ่ ถ้านอนไม่พอฉันอาจจะอดได้คะแนนเก็บอันแสนมีค่านี้ไป วิคเตอร์เองก็คงจะมีเรื่องสำคัญให้จัดการเช่นเดียวกัน
“ฉันนอนตรงไหนได้บ้าง”
“ก็…อืม…นอนมันตรงนี้แหละ”
“….?”
“ไม่ต้องมองฉันแบบนั้น นอนตรงนี้แหละปลอดภัยสุด สบายที่สุด ตอนเช้าค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อฉันมีเรียนเช้า” ฉันพูดพลางปิดไฟจนมืดสนิท
“ตามใจเธอแล้วกัน ได้หมดแหละ” เขาตอบแล้วก็นอนลงทันที ตัวของวิคเตอร์ทำให้พื้นที่ในเตียงของฉันหายไปครึ่งหนึ่ง
ฉันรับรู้ได้ถึงลืมหายใจและไอความร้อนจากตัวของเขายามเบียดเสียดมาใกล้กันจนมากเกินไป
ไม่ได้แล้วฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง
ฉันจัดการเปิดไฟพรึ่บสว่างไปทั่วห้อง จนวิคเตอร์ถูดวงตาตัวเองพลางค่อย ๆ ลืมตามองฉันที่กำลังหาหมอนข้างมากั้นอาณาเขต อีกมือพยายามดันเขาออกไปให้ห่าง ๆ
“เธอกำลังทำอะไรอยู่” เขาดูแปลกใจมาก เขามองฉันราวกับว่าฉันเพี้ยนไปแล้ว
“รักษาระยะห่างด้วย ฉันหวงความเป็นส่วนตัว”
“อ๋อ” วิคเตอร์ตอบส่ง ๆ
“ฝันดี”
ฉันเอ่ยจบก็นอนและปิดไฟไล่เขาที่กำลังนั่งอยู่ ถึงมันจะเป็นการกระทำที่เอาแต่ใจไปหน่อยแต่มันก็เป็นสิทธิ์ของฉันนะ ใครใช้ให้เขามาอยู่ในอาณาเขตของฉันล่ะ