ต้นข้าว & วิคเตอร์ - 9 เอาตัวรอด

1510 Words
“พอเลยทั้งคู่!!” เสียงแหลมเหมือนจะปรี๊ดแตกแทรกขึ้น เธอวิ่งเข้ามาชี้หน้าผมและพี่เสือสลับกันซ้ายขวา แต่มองยังไงเวลายังนี่โกรธก็ยังดูน่ารักอยู่ดี แถมเธอยังไม่ได้สวมใส่แว่นอยู่อีก “เธอยอมได้ไงเนี่ย มันโกหกเธอนะเว้ย!!” “แน่นอนว่าฉันไม่ยอม และฉันก็ไม่ยอมให้นายมาทำแบบนี้กับพี่เสือด้วย!...จะกลับก็กลับ!” เธอหันไปพูดกับพี่เสือ “เออ เอามันกลับไปด้วยถ้าคืนนี้คุยไม่รู้เรื่องกูไม่ปล่อยมึงกลับแน่ไอ้วิคเตอร์!” “เออ ไปก็ไปดิวะ!” ผมเถียงกลับ ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกผมนั่งอยู่บนรถของยัยจืดชืด แต่ทำไมคนขับรถถึงได้กลายเป็นผมไปซะได้ ทั้งสองคนทะเลาะกันตลอดเส้นทางจนผมต้องหันขวับเมื่อทั้งสองเริ่มเถียงกันด้วยคำขู่แปลก ๆ “ต้นข้าวก็จะบอกแม่เหมือนกันว่าพี่แอบหนีเที่ยวตลอด! โกหกกันตลอด” “เฮ้ย! ไม่ได้นะเว้ยแกจะโกรธแค้นอะไรขนาดนั้นวะ เรื่องแบบนี้เรามาตกลงกันใหม่ดีกว่า ถ้าแม่รู้แกถูกหักค่าขนมครึ่งหนึ่งเลยนะ” “แล้วยังไงก็ดีกว่าพี่ที่ถูกหักไปเศษสองส่วนสาม!” “ต้นข้าว! แกมันจะใจร้ายเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะบอกแม่ให้หมดเลยว่าแกไปเที่ยวกับผู้ชาย” “มะ…ไม่ใช่สักหน่อย ฉันก็แค่บังเอิญผ่านมาเจอพี่” “เรามาคอยดูกันว่าใครจะโดนหนักกว่า” “เชอะ!” เธอสะบัดหน้าหนีไปอีกฝั่งหนึ่ง และผมก็ได้รู้คำตอบทั้งหมดในตอนนี้ที่ถึงคฤหาสน์หรูของพี่เสือ ทั้งสองคนนี้กลายเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเฉยเลยและพวกเขากำลังทะเลาะกันเรื่องข้อตกลงและค่าขนมกับมารดาอันเป็นที่รักยิ่ง แต่ด้วยเหตุผลแห่งความแค้นเคืองของพี่เสือทำให้ผมกลายเป็นประเด็นร้อนถกเถียงกันต่อ ผมในฐานะตัวประกันได้แต่นั่งเงียบอยู่ภายในห้องนั้นจนกระทั่งมันจบลง ครอบครัวของเธอหวงเธอมากและสั่งให้ผมไปนอนกับพี่เสือก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าผมจะไม่ทำการเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับลูกสาวของพวกเขาอีก ผมถูกไอ้พี่เสือมันสอบสวนอยู่นานสองนานในที่สุดผมก็ยอมขอโทษที่เข้าใจผิดไป ใครจะไปคิดว่าทั้งสองคนจะเป็นพี่น้องกันล่ะ แถมพี่เสือก็ยังคงคะยั้นคะยอถามว่าผมชอบเธอหรือเปล่า ผมปฏิเสธไปเท่าไหร่รายนั้นก็พูดกลับมาแค่ว่า ‘กูรู้นะว่ามึงชอบ’ ผมเลยไม่ตอบคำถามอะไรต่ออีก การนอนสองคนในห้องกับพี่เสือถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมากเลยทีเดียว เคยได้ยินหรือเปล่าว่าเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ และแล้วมันก็ถึงขีดจำกัด ผมถูกถีบส่งยัดเข้ามาภายในห้องของต้นข้าวแทนโดยที่ผมเองก็ไม่สามารถหนีออกไปได้ เพราะข้างนอกนั่นดันมีแต่คนเฝ้าเธออยู่เต็มไปหมด แล้วจะหวงอะไรขนาดนั้นวะเนี่ย…. ผมเกือบจะเบรกตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ก่อนจะพยุงตัวเองยืนขึ้นเต็มตัวแล้วหันไปสนใจเจ้าของห้อง ต้นข้าวสวมใส่ชุดนอนเซ็กซี่จนน่าหลงใหล ใบหน้าหวานกำลังมองผมด้วยความสับสนว่านี่มันคืออะไรกันแน่ --- ฉันอยากจะบ้าตายรายวันจริง ๆ ฉันถูกพ่อแม่สาปชุดใหญ่ทั้งเรื่องของการย้ายคอนโดและเรื่องของการเที่ยวกลางคืนกับวิคเตอร์ พ่อแม่คิดว่าวิคเตอร์คือแฟนของฉันด้วยเหตุนี้จึงส่งหมอนั่นให้ไปอยู่อย่างใกล้ชิดกับพี่เสือ เพื่อที่จะได้จับตามองว่าเขาและฉันพูดความจริงหรือเปล่า ฉันนั่งมองตัวเองอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างหดหู่ ทำไมช่วงนี้ชีวิตของฉันถึงมีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นตลอด หรือว่าฉันจะต้องไปทำบุญล้างซวยกันนะ กริ๊ก! ฉันหันขวับตามเสียงประตูห้องของตัวเองที่จู่ ๆ มันก็ถูกเปิดออกจากใครข้างนอกและก็มีร่างใหญ่ของวิคเตอร์โผเข้ามาจนเขาล้มหัวทิ่มและประตูฉันก็ถูกปิดลงด้วยความรวดเร็ว “ฉันรู้แล้วว่าเธอดุเหมือนใคร” เขาบ่นอุบพลางพยุงตัวเองลุกขึ้น “…” ฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตก มองเขาสลับประตูห้องตัวเองก่อนจะคิดได้ว่านั่นต้องเป็นฝีมือของพี่ชายฉันแน่ ๆ “ฉันก็รู้แล้วว่านายคือตัวสร้างปัญหา” “เหอะ ก็ควรจะบอกก่อนสิว่าเป็นพี่น้องกัน” “ทำไมนายไม่ถามล่ะ เข้ามาแล้วจะออกไปยังไงทีนี้” ข้างนอกคุณพ่อสั่งแม่บ้านและทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้คอยสอดส่องฉันอยู่ตลอด เพราะกลัวเหลือเกินว่าฉันจะเกิดความรักจนทำให้เสียการเสียงาน เขามองหน้าฉันอย่างไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกันก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเล็กของฉันที่แม้แต่นอนก็ยังทำไม่ได้ ก๊อกก๊อก! เสียงเคาะประตูจากข้างนอกทำให้ดวงตาฉันเบิกโพลงเท่ากับไข่ห่าน พลางวิ่งไปลากเจ้าตัวปัญหายัดเข้าที่นอน “อะไร?” เขากระซิบถาม “ชู่วว~ นอนนิ่ง ๆ” ฉันสั่งก่อนที่จะพาตัวเองนอนลงแล้วคลุมผ้าห่มทั้งเตียง ทุกอย่างเข้าที่ฉันก็กดปิดไฟทันที เตียงนอนของฉันมันกว้างและเต็มไปด้วยหมอนข้าง ตุ๊กตาหมีน่ารัก ดังนั้นมันก็พอที่จะอำพรางตัวของเจ้าหมอนี่ได้บ้าง ฉันให้เขานอนมุดอยู่ด้านในชิดผนังห้องและฉันนอนตะแคงแกล้งว่าหลับไปแล้ว ก๊อกก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงปลดล็อกประตูเองและส่องเข้ามาสำรวจดูว่าฉันหลับหรือยัง “ต้นข้าวหลับหรือยังลูก” เสียงปลุกที่คุ้นเคย พ่อฉันมักจะถือวิสาสะเข้ามาในห้องของฉันแค่ด้วยเหตุผลการเป็นยอดนักสืบเท่านั้นแหละ และคำถามนั้นก็มีความหมายว่า ตื่นมาก่อนยัยลูกสาวตัวดี “อื้อ…ห้าวว~ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ไม่มีพ่อแค่จะแวะมาเข้าห้องน้ำ” พ่อฉันตอบอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ล่อลวงให้ฉันต้องกดเปิดไฟทั่วทั้งห้อง ก่อนที่คุณพ่อสุดฉลาดจะเดินไปเปิดดูตามห้องน้ำ ประตูเสื้อผ้า ห้องแต่งตัวจนพอใจ “นอนเถอะลูก ฝันดีนะพ่อไม่กวนแล้ว” “ฝันดีค่ะพ่อ” ฉันตามน้ำนอนต่อจนกระทั่งเสียงของพ่อเงียบไป “ออกมาได้” “เฮือก! ทำไมพ่อของเธอถึงมาขอเข้าห้องน้ำมั่วแบบนี้” วิคเตอร์คว้าผ้าห่มออกและโผล่หัวขึ้นมาถามฉัน และพยายามสูดหายใจเข้าปอดหลังจากที่ผ่านความกดดันใต้ผ้าห่มนวมหนาพิเศษของฉันมา “มาตามหานายไง” “พ่อเธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาหาเธอ” “พ่อฉันฉลาด แค่นั้นแหละที่นายควรจะรู้เอาไว้” ฉันและเขามองหน้ากันเป็นกันรู้ดีว่า นี่พวกเราจะเอาไงต่อ เพราะเช้านี้ฉันจะต้องเตรียมพรีเซนต์งานเกี่ยวกับอวัยวะอาจารย์ใหญ่ ถ้านอนไม่พอฉันอาจจะอดได้คะแนนเก็บอันแสนมีค่านี้ไป วิคเตอร์เองก็คงจะมีเรื่องสำคัญให้จัดการเช่นเดียวกัน “ฉันนอนตรงไหนได้บ้าง” “ก็…อืม…นอนมันตรงนี้แหละ” “….?” “ไม่ต้องมองฉันแบบนั้น นอนตรงนี้แหละปลอดภัยสุด สบายที่สุด ตอนเช้าค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อฉันมีเรียนเช้า” ฉันพูดพลางปิดไฟจนมืดสนิท “ตามใจเธอแล้วกัน ได้หมดแหละ” เขาตอบแล้วก็นอนลงทันที ตัวของวิคเตอร์ทำให้พื้นที่ในเตียงของฉันหายไปครึ่งหนึ่ง ฉันรับรู้ได้ถึงลืมหายใจและไอความร้อนจากตัวของเขายามเบียดเสียดมาใกล้กันจนมากเกินไป ไม่ได้แล้วฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง ฉันจัดการเปิดไฟพรึ่บสว่างไปทั่วห้อง จนวิคเตอร์ถูดวงตาตัวเองพลางค่อย ๆ ลืมตามองฉันที่กำลังหาหมอนข้างมากั้นอาณาเขต อีกมือพยายามดันเขาออกไปให้ห่าง ๆ “เธอกำลังทำอะไรอยู่” เขาดูแปลกใจมาก เขามองฉันราวกับว่าฉันเพี้ยนไปแล้ว “รักษาระยะห่างด้วย ฉันหวงความเป็นส่วนตัว” “อ๋อ” วิคเตอร์ตอบส่ง ๆ “ฝันดี” ฉันเอ่ยจบก็นอนและปิดไฟไล่เขาที่กำลังนั่งอยู่ ถึงมันจะเป็นการกระทำที่เอาแต่ใจไปหน่อยแต่มันก็เป็นสิทธิ์ของฉันนะ ใครใช้ให้เขามาอยู่ในอาณาเขตของฉันล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD