ไม่ยอมตาย

1390 Words
บทที่2 ไม่ยอมให้ตาย -ซ่าส์- น้ำเย็นถังใหญ่ถูกสาดใส่ร่างของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง มิรารู้สึกตัวตื่นทั้งที่ร่างกายยังคงบอบช้ำจากพิษของกระสุนที่ยิงเฉียดโดนหัวไหล่ของเธอ ‘’จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงเมื่อไหร่ ลุกไปทำงานของแกได้แล้ว’’เสียงของนกแก้วหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับมิราดังขึ้นอย่างหาเรื่อง มิราชันตัวลุกขึ้นแล้วมองดูตัวเองที่กลับมาอยู่ที่เดิม ‘’นี้ฉันยังไม่ตายอีกหรอ ฉันกลับมาที่นี้อีกแล้วหรอ!!!’’เธอเอ่ยพร้อมกับมองดูสภาพของตัวเองที่เปียกชุ่มบนเตียงนอนที่คุ้นตา มันคือห้องพักสภาพซ่อมซอที่อยู่ข้างคอกม้า ‘’ยัง ยังจะมามัวโอ้เอ้อยู่ เมื่อคืนแกทำให้เรือแสนรักของนายหัวเสียหายวันนี้แกห้ามกินข้าว ฉันให้เวลาแกสิบนาทีรีบอาบน้ำแล้วไปช่วยพวกคนงานในฟาร์มแกะเปลือกหอยให้เสร็จถ้าไม่เสร็จแกจะถูกสั่งงดน้ำด้วย!!!’’พูดจบนกแก้วก็เปิดประตูห้องเดินออกไป มิราปล่อยโฮออกมาอย่าเหลืออด ไม่รู้เวรกรรมอันใดถึงได้พาเธอตกลงมายังนรกขุมนี้ ร่างผอมบางพยายามหยัดกายที่ปวดช้ำให้ลุกขึ้นเธอรู้สึกว่าตัวเองมีไข้ หญิงสาวค้นดูในห้องแสนโทรมนี้เพราะจำได้ว่าเธอเคยมียาแก้ปวดที่เคยได้มาจากคนงานด้วยกันเมื่อหลายวันก่อนตอนที่เธอถูกศิวะใช้ด้ามปืนตบจนหัวแตกเพราะเธอคิดจะหนีไปเมื่อคราวก่อน ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวดในหัวใจ เธอไม่รู้สักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมศิวะที่เคยรักและถนอมเธอปานดวงใจถึงได้โหดร้ายและป่าเถื่อนกับเธอเช่นนี้ ‘’พ่อจ๋า แม่จ๋า หนูอยากกลับบ้าน อึกๆ ฮื้อๆ’ ’ มิราพูดทั้งน้ำตาขณะค้นหายาแก้ปวด ‘’เหลือห้านาที ถ้ามึงยังชักช้าโอ้เอ้อีกเดียวคราวนี้กูจะเอาน้ำขี้สาดใส่มึงซะ!!!’’ เสียงของนกแก้วตะโกนขึ้นอีกครั้งที่หน้าประตูห้อง มิราจึงไม่ค้นหายาแก้ปวดอีกต่อไป เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและรีบออกไปทำงานตามที่นกแก้วสั่งทันที พอเปิดประตูห้องออกมาจากห้องนอนข้างคอกม้าที่แสนซอมซ่อ มิราก็ได้พบกับศิวะที่กำลังยืนคุยกับนกแก้วอยู่ สายตาคู่คมที่เต็มไปด้วยเย็นชาเหลือบมองมา ‘’นั้นไงคะ มันมาแล้ว แก้วปลุกมันไปหลายรอบแล้วนะคะแต่มันก็ยังช้าเป็นเต่าอยู่’’นกแก้วเอ่ยพร้อมกับชี้นิวมาทางมิราที่อยู่ในชุดของคนงาน ‘’ที่นี้เขาเริ่มงานกันสองโมงเช้านะ นี้ก็ปาไปเกือบจะสิบโมงแล้วทำไมถึงอืดอาดยืดยาดขนาดนี้ ไหนจะเรื่องเมื่อคืนที่เธอแอบขโมยเรือฉันอีกฉันยังไม่ได้ชำระความเลยด้วยซ้ำทำไมชอบทำตัวมีปัญหานัก’’ศิวะพูดพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มิราตัวสั่นเพราะกลัวเขามากแต่เธอก็พยายามจะคุมสติตัวเองไว้ ‘’ขอโทษค่ะ’’เธอตอบสั่นๆ และก้มหน้า หญิงสาวไม่อยากต้องมองหน้าศิวะตรงๆ เพราะเธอไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอในดวงตาของเธอ ‘’ขอโทษงั้นหรอ พูดง่ายดีหนิ คงจะใช้คำนี้บ่อยจนเคยชินแล้วสินะ’’ศิวะพูดพร้อมกับใช้มือเชยคางของมิราขึ้นให้สบตากับเขา เพียงแค่ได้สบตาคมและใบหน้าของศิวะผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีเท่านั้น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็พังทลายลง ‘’ร้องไห้หรอ ร้องทำไม ใครตาย!!!’’เขาพูดพร้อมกับผลักใบหน้าเธอออก ร่างบางที่ระบมเพราะพิษกระสุนง่ายหลังอย่างง่าย มิราล้มไปกองกับพื้นร้องไห้สะอื้นอยู่ตรงนั้น ‘’เธอนี้มันโคตรน่าลำคาญ นกแก้วลากมันไปทำงานถ้างานไม่เสร็จไม่ต้องให้มันกินข้าว’’ศิวะประกาศก้าว นกแก้วที่รอจังหวะนี้อยู่แล้วรีบตอบรับอย่างเอาใจเจ้านายและเข้ามาลากตัวมิราให้ลุกขึ้นไปกับเธอทันที ‘’ฉันเดินเองได้ ปล่อย’’ มิราสะบัดก่อนจะรีบลุกและเดินร้องไห้ออกไปจากตรงนั้น ‘’นายคะไม่ให้มันกินข้าวกินยาสักหน่อยหรอ เหมือนตัวร้อนๆ น่าจะมีไข้’’นกแก้วเอ่ยถามศิวะเพราะอดจะสงสารมิราไม่ได้ ‘’ไม่!!!’’ศิวะตอบกลับห้วนๆ แต่น้ำเสียงนั้นดุดันมาก นกแก้วพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะรีบก้มหน้าเดินหนีทันทีเพราะนั้นถือว่าเป็นคำสั่งที่เด็ดขาด มิรานั่งแกะเปลือกหอยมุกอยู่ที่มุมหนึ่งของฟาร์มคนเดียว เพราะคนงานทุกคนในเกาะนี้ถูกสั่งห้ามไม่ให้คุยไม่ให้เข้าใกล้เธอ แม้ทุกคนที่นี้จะรู้ดีว่ามิราคือเมียของนายหัวศิวะ แต่สถานะเธอที่นี้ต่ำต้อยยิ่งกว่าเหลือบไร หญิงสาวได้ยินคำซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเธอมากมายโดยที่คนงานเหล่านั้นไม่เคยรู้อะไรที่จริงเกี่ยวกับเธอสักอย่าง พวกเขาเข้าใจว่าเธอนั้นมีชู้และทำผิดต่อศิวะจึงถูกศิวะลงโทษอย่างป่าเถือน มีสิทธิ์เป็นเมียแค่เพียงในนามเท่านั้น และตอนนี้เธอก็กำลังก้มหน้าชดใช้กรรมที่ทรยศต่อสามีอยู่ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วตลอดชีวิตนี้ของมิราเธอมีศิวะเป็นผู้ชายแค่เพียงคนเดียวในชีวิต ‘’ฉันทำอะไรผิดกันนะ’’มิราเอ่ยพึมพำกับตัวเอง เธอพยายามนึกแล้วนึกอีกว่าตัวเองทำผิดบาปกับใครไว้บ้างแต่ก็ไม่มี มีแต่ตัวเธอต่างหากที่ถูกรังแกและเอาเปรียบมาตลอดทั้งชีวิต -เคล้ง-เสียงเตะถังน้ำดังขึ้น มิราสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ ‘’นั่งเหม่ออยู่นั้นวันนี้ทั้งวันจะเสร็จไหม เร่งมือเข้า!!!’’เสียงของนกแก้งเอ่ยดังพร้อมเท้าสะเอวมองมิราอย่างเอาเรื่อง มิราถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เธอไม่ตอบโต้กลับเพียงแค่ก้มหน้าทำงานต่อไปเงียบๆ ‘’ซี๊ดดด โอ้ย’’หญิงสาวยกมือขึ้นกุมแผลของตัวเองที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดซึมออกมามากขึ้นมันเริ่มไหลทะลุออกจากผ้าพันแผลและเลอะซึมโดนเสื้อตัวนอก ‘’ขอฉันพักแปปหนึ่งได้ไหม ฉันเจ็บแผล’’เธอพูดพร้อมกับมองลงไปที่หัวไหล่ตัวเอง นกแก้วมองตามก็พบว่ามีเลือดซึมออกมาจริงๆ ‘’พักไม่ได้ ถ้าแกพักฉันจะซวย ช่วยไม่ได้แกอยากหาเรื่องเจ็บตัวเองทำไม ทำต่อไปเลยนะห้ามหยุด เดียวห้าโมงฉันจะกลับมาดู!!!’’นกแก้วพูดเพียงเท่านั้นก็เดินจากไป มิราน้ำตาร่วงอีกครั้ง ‘’อย่าร้องนะ ห้ามร้อง คนพวกนั้นอยากเห็นเราเจ็บปวด เพราะฉะนั้นเราจะไม่ให้มันสมหวัง อดทนไว้ สู้สิมิราเธอต้องสู้ เธอต้องรอดไปจากที่นี้ให้ได้’’หญิงสาวพูดเพื่อให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง เธอพยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างหนัก โดยมีความหวังว่าเธอจะหาทางรอดไปจากที่นี้ได้ในสักวัน ‘’เสร็จสักที’’มิราปาดเหงื่อบนหน้าเมื่อขั้นตอนสุดท้ายของการทำงานจบลง เธอนำหอยมุขทั้งหมดไปส่งให้คนงานที่แผนกต่อไป ก่อนจะกลับมานั่งรอที่เดิมเพื่อรอให้นกแก้วกลับมาตรวจงาน พอนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงตรงนกแก้วก็กลับเข้ามาโดยมีศิวะเดินเข้ามาด้วย ‘’นั่งอู่อีกแล้วนะแกเนี่ย ฉันบอกให้ทำงานให้เสร็จไม่ใช่หรอ?’ ’นกแก้วที่เห็นมิรานั่งหลับพิงต้นเสาอยู่ก็เข้าไปใช้เท้าสะกิดเธอ แต่มิรากลับไม่สะดุ้งกลัวอย่างเคยเพราะตอนนี้ร่างเล็กที่นั่งอยู่เมื่อครู่ได้หงายล้มลงไปบนพื้นเสียแล้ว นกแก้วรีบเข้าไปดูก็พบว่าตัวของมิรานั้นร้อนอย่างกับไฟ !!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD