Intro
“เป็นไปได้ไงคะคุณพ่อ ฐานะทางบ้านเราดีออกอย่างนี้ คุณแม่ขา คุณพ่อล้อหนูดาวเล่นใช่ไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามเสียงสั่นใบหน้าสวยซีดเผือดเป็นที่น่าสงสารยิ่งนัก นี่มันอะไรกันครอบครัวเธอมีปัญหาเรื่องเงินตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเธอไม่เคยรับรู้มาก่อน
ดารกาคุณหนูไฮโซพึ่งจะเรียนจบแล้วเดินทางกลับมาจากปีนังได้ไม่ถึงอาทิตย์ หญิงสาวกำลังสนุกกับการท่องเที่ยวกับเพื่อนและพักผ่อนอย่างแสนสบายจู่ๆ บิดาและมารดาสุดที่รักก็บอกกับเธอว่า ท่านเป็นหนี้เจ้าของบริษัทแม็คเรนแนลจำนวนเงินมากเป็นร้อยๆ ล้าน และตอนนี้พวกท่านก็ไม่สามารถหาเงินจำนวนนั้นมาชดใช้ได้หมด ทางแม็คเรนแนลจึงขอตัวดารกามาทำงานเพื่อขัดดอกก่อน เหมือนฟ้าถล่มดินทลายหญิงสาวแทบหัวใจสลายไม่อยากเชื่อว่าเรื่องราวที่ได้รับฟังมานั้นจะเป็นความจริง จะเป็นไปได้ยังไงก็ในเมื่อฐานะทางบ้านของเธอก็ออกจะร่ำรวย มีกิจการส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศด้วยซ้ำเธอยังจำได้ไม่ลืมกับสิ่งที่เธอได้ฟังจากปากของบิดาและมารดาอันเป็นที่รักและเคารพยิ่ง
“ไม่ได้ล้อเล่นจ้ะ ที่เรายังมีกินมีใช้อยู่ตอนนี้ก็เพราะเงินช่วยเหลือของ บริษัทแม็คเรนแนล”
คุณการเกดบอกลูกสาวเสียงอ่อยพร้อมกับเมินหน้าไปมองทางอื่น สงสารลูกน้อยยิ่งนักที่ต้องมารับทราบสภาวะตกต่ำของครอบครัวในเวลานี้
“แล้วทำไมเขาถึงอยากให้หนูไปทำงานที่นั่นด้วยล่ะคะ”
“เขาต้องการให้ลูกไปทำงานขัดดอก”
“หนูไม่ไป ยังไงก็ไม่ไป หนูจะช่วยคุณพ่อคุณแม่ดูแลบริษัทของเรา แล้วค่อยนำเงินไปคืนเขานะคะ”
หญิงสาวปฏิเสธทันที เธอจะทำงานหาเงินมาใช้หนี้ด้วยตัวเองเธอต้องทำได้สิ เธอโตพอที่จะดูแลบริหารงานได้แล้ว ดารกาพูดออกมาด้วยสายตาที่มุ่งมั่นจริงจัง
“ก็ตามใจลูกนะจ๊ะ แต่ลูกคงบริหารบริษัทได้ไม่ถึงเดือนหรอก เขาก็จะมายึดแล้ว เขาบอกว่าถ้าลูกยอมไปทำงานกับเขา เขาก็จะให้เราบริหารงานไปเรื่อยๆ แต่ในฐานะลูกจ้างไม่ใช่เจ้าของบริษัท”
มารดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าพร้อมกับถอนหายใจออกมาราวกับทุกข์ใจเป็นนักหนา หญิงสาวหน้าซีดเผือด เธอมองหน้าบิดามารดาด้วยความรู้สึกสงสารท่านจับใจ ท่านทั้งสองคงลำบากมากที่ต้องนำเงินมาส่งให้เธอเรียนต่อที่ปีนัง ให้เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในขณะที่พวกท่านต้องแบกภาระหนี้สินเอาไว้มากมายขนาดนี้
“พ่อขอตัวก่อนนะลูก” บิดาเดินเร็วๆ ออกไปจากห้องรับแขก หญิงสาวมองตามร่างใหญ่ของบิดาน้ำตาคลอก่อนจะหันมาเอ่ยถามมารดาเสียงสั่นเครือ
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะแม่ ทำไมไม่มีใครบอกหนูบ้าง” หญิงสาวกอดเอวมารดาเอาไว้
“แม่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันลูกว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงและก็ตอนไหน พอมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาติดต่อมานี่แหล่ะจ้ะเฮ้อ! หนูดาวลูกรัก แม่ไม่ได้บังคับหนูนะจ๊ะลูกโตแล้วตัดสินใจเองก็แล้วกัน”
น้ำเสียงเนือยๆ ของมารดาทำให้ดารกาถอนหายใจออกมาอย่างยอมจำนนแต่เธอก็ยังคงโอดครวญออดอ้อนท่านราวกับเด็กหญิงตัวน้อย
“หนูพึ่งเรียนจบเองนะคะ ยังอยู่บ้านได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ก็ต้องไปทำงานที่อื่นแล้ว ไม่เห็นอยากไปเลย”
“ถ้าหนูตกลง แม่จะโทรไปเลื่อนเวลาการทำงานให้หนูไปเดือนหน้าดีไหมจ๊ะ”
คุณการเกดแนะนำเสียงใสขึ้นมาทันทีผิดไปจากเมื่อนาทีก่อนลิบลับทำเอาหญิงสาวปฏิเสธไม่ลงเมื่อเห็นแววตาดีอกดีใจของมารดา ท่านเองก็คงจะเสียใจมากถ้าต้องสูญเสียบริษัทที่สร้างมากับมือให้กับคนอื่นหญิงสาวนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ารับแต่ก็ยังไม่วายมีเงื่อนไขต่อรอง
“ค่ะคุณแม่หนูดาวจะไปทำงานกับแม็กเรนแนล กรุ๊ป แต่เขาต้องมารับหนูดาวด้วยตนเอง หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนเพราะหนูดาวอยากศึกษางานบริษัทของเราก่อน ”
“ตามนั้นเลยจ้ะลูก นายหัวสกายแม็คเรนแนลจะเป็นคนมารับหนูด้วยตัวเองแม่สัญญา” ฟังดูเหมือนมารดาจะดีอกดีใจกับคำตอบของเธอเป็นอย่างมาก
“ค่ะคุณแม่” หญิงสาวรับคำมารดาด้วยอาการเหม่อลอยเพราะมัวแต่เฝ้าครุ่นคิดหาวิธีช่วยครอบครัว เธอรู้สึกสงสารบิดามารดาเหลือเกิน ท่านทั้งสองก็มีอายุมากขึ้นทุกวันท่านคงเหนื่อกับงานมามากแล้วถึงเวลาที่เธอจะต้องมาทำหน้าที่ดูแลกิจการทุกอย่างด้วยตัวเองเสียทีแต่มันก็ไม่อาจเป็นไปได้ดังหวังหนึ่งเดือนหลังจากนี้เธออาจจะพบวิธีแก้ปัญหา บางทีเธออาจจะเจรจาขอผ่อนผันกับทาง แม็กเรนแนล กรุ๊ปให้เห็นใจทางครอบครัวของเธอบ้าง