ตอนที่ 7 ครั้งแรก
“คุณมาร์คัสคะ.. เราจะขึ้นไปบนนั้นจริง ๆ เหรอคะ”
เธอหันไปถามเขาด้วยความตื่นเต้นปนระแวง ในสายตาของจัสมินแล้วอย่าว่าแต่เรือยอชต์ส่วนตัวแบบนี้เลย แม้แต่เรือธรรมดาที่ราคาไม่กี่ร้อยต่อหัวเธอก็ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าจะได้ขึ้น ชายหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าให้กับเธอช้า ๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“เอ๊ะ! หรือว่าเธอเมาเรือหรือเปล่า” ชายหนุ่มหันมองเธอด้วยสีหน้าตกใจเพราะเขาเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของเขาคิดเพียงแค่ทำอย่างไรให้ผู้หญิงคนหนึ่งประทับใจในครั้งแรกที่พบได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เปล่าค่ะ.. เอ่อ.. หมายถึงฉันไม่เคยขึ้นไปบนเรือเลยตั้งแต่เกิดมาเลยไม่แน่ใจว่าเมาเรือหรือเปล่าคะ”
“ถ้าอย่างนั้นลองขึ้นไปก่อน.. ถ้าเธอไม่โอเคบอกผมได้ตลอดเลยนะ”
“ค่ะ” หลังจากที่เธอตอบรับเขาแล้ว มาร์คัสก็พาจัสมินเดินขึ้นไปด้านบนตามพนักงานไปยังบนดาดฟ้าเรือ เธอกวาดสายตามองด้านบนนี้ด้วยสีหน้าทั้งตกใจและตื่นเต้น
หลังจากที่ชายหนุ่มพาเธอมานั่งยังโต๊ะดินเนอร์หรูแล้ว ก็รู้สึกได้เลยว่าเรือลำนี้กำลังค่อย ๆ ขยับตัวออกจากท่า แม้จะรู้สึกโคลงเคลงศีรษะเล็กน้อย แต่สำหรับเธอแล้วถือว่าไม่ได้แย่จนเกินไป
“เรือลำนี้จะแล่นรอบแม่น้ำเจ้าพระยา พาชมวิวกลางคืน.. หวังว่าลมเย็น ๆ จะช่วยให้ผมสร่างเมาได้บ้าง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ก่อนจะเอนตัวไปกับเก้าอี้ ดวงตาคมหลับพริ้มก่อนจะกางแขนออกราวกับกำลังปล่อยให้ร่างกายรับลมเย็น ๆ
หลังจากเรือแล่นออกจากท่าเพียงแค่ไม่กี่นาที ก็มีเชฟที่ท่าทางเป็นระดับสูงเดินตรงมาทางโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ ก่อนจะมีพนักงานเดินนำวัตถุดิบตรงมายังโต๊ะหน้าตาประหลาดที่จัสมินคิดว่าอาจจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวเคลื่อนที่
“คุณมาร์คัสคะ.. นั่นเชฟกำลังทำอะไรเหรอคะ” และอย่างที่บอกว่าจัสมินมักจะแพ้เสียงในหัว เมื่อเธอสงสัยจึงได้หันไปถามมาร์คัสทันที แม้ว่าสายตาของเธอจะยังจดจ้องอยู่ที่เชฟคนนั้น
“ผมโทรหาผู้จัดการร้านโอมากาเสะชื่อดังตอนตีสอง บอกให้ส่งอิตะเมะประจำร้านพร้อมวัตถุดิบที่สดที่สุดที่มีขึ้นเรือยอชต์ส่วนตัวมาด้วย หวังว่าคุณจะชอบ” หลังจากที่เขาลืมตาขึ้นมาตอบคำถามของเธอแล้วชายหนุ่มก็เอนตัวลงไปพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
“โอมากาเสะ.. เหรอ” แม้จะเคยได้ยินคำนี้ตามซีรีส์ที่เธอดูอยู่บ้าง แต่หากเป็นเรื่องจริงแล้วเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้มาทานอาหารประเภทนี้
“ตอนนี้ผมเมามาก.. เชฟช่วยจัดอะไรที่แก้อาการปวดหัวให้ผมหน่อยแล้วกัน”
“คุณผู้หญิงไม่ทราบว่าแพ้อะไรหรือเปล่าครับ หรือมีอาหารอะไรที่ไม่ทานหรือเปล่าครับ” เชฟที่ดูท่าทางใจดีหันมาถามเธอในตอนที่เขาเริ่มถือมีดพร้อมจะลงมือทำอาหารได้ทุกเมื่อ
“ไม่มีค่ะ” หลังจากที่เธอตอบออกไปแบบนั้นก็ได้เห็นท่าทางขั้นตอนของการทำอาหารของเชฟระดับสูง หญิงสาวตื่นเต้นกับภาพที่เห็นครั้งแรกตรงหน้าเป็นอย่างมาก เธอจ้องมองเขาทุกกระบวนท่า เพราะว่าภาพตรงหน้านั้นนอกจากเชฟจะกำลังง่วนกับวัตถุดิบแล้ว ท่วงท่าการทำอาหารของเขายังคงสวยงามสะกดสวยตาได้เป็นอย่างมาก
เธอจ้องมองอิตะเมะประจำร้านโอมากาเสะชื่อดังค่อย ๆ จัดวางคำแรก เป็นท้องปลาทูน่าสีชมพูลายหินอ่อนบนจานไม้สวยอย่างประณีต
“เริ่มจากคำแรกครับ” อิตะเมะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ พลางส่งจานมาที่จัสมินก่อนจะส่งยิ้มให้
จัสมินหันไปมองมาร์คัสเล็กน้อย จนเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มพยักหน้าให้ เธอก็เริ่มจัดการใช้ตะเกียบคีบท้องปลาทูน่าเข้าปากจนหมดคำ และสายตาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นจัสมินค่อย ๆ เคี้ยวทีละน้อยลิ้มรสรสชาติสดใหม่ที่ละลายในปาก ความหวานของปลาตัดกับความมันอย่างลงตัวเธอแทบลืมหายใจ
มาร์คัสนั่งตรงข้ามมองเธออย่างเงียบ ๆ มือหนึ่งยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มอารมณ์ดีที่เห็นเธอมีท่าทางถูกอกถูกใจกับอาหารตรงหน้า
“เป็นยังไงบ้าง” เขาเอ่ยถามเธอเบา ๆ แต่ก็ดังพอจะทำให้จัสมินหันมามองเขาแล้วยิ้มกว้าง
“อร่อย.. อร่อยมาก ๆ เลยค่ะคุณมาร์คัส ฉันไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” เธอพูดด้วยท่าทางตื่นเต้นมีความสุขแบบที่ออกมาจากใจจริง ๆ และท่าทางนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ารู้สึกพึงพอใจมากอีกด้วย
อิตะเมะที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มจัดคำต่อไปมาให้ Uni สด ๆ จากญี่ปุ่นถูกจัดวางตรงหน้าจัสมินอย่างละเมียด เธอค่อย ๆ ชิมทีละคำ ๆ และก็เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ
เรือลำหรูแล่นช้า ๆ ไปตามสายน้ำเจ้าพระยา สองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับจากตึกสูงและวัดวาอารามที่ยังส่องแสงงดงามท่ามกลางความมืด เสียงน้ำกระทบลำเรือเป็นจังหวะเบา ๆ คล้ายกล่อมให้บรรยากาศโรแมนติกยิ่งขึ้น
เมื่อเรือล่องจนวนกลับมาถึงท่าของร้านอาหารแล้ว จัสมินหันไปมองเรือลำนั้นเพื่อจดจำและเก็บบรรยากาศเอาไว้ให้มากที่สุด ก่อนที่มาร์คัสจะพาเธอเดินกลับไปที่รถช้า ๆ
“เดี๋ยวผมไปส่ง คุณพักอยู่ที่ไหนเหรอ” มาร์คัสหันไปถามจัสมินที่ยืนอยู่ข้างรถ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้” มาร์คัสปรายตามองเธอพร้อมหัวเราะนิด ๆ
“มันดึกแล้วให้ผมไปส่งเถอะ หรือว่า.. คุณยังไม่ไว้ใจผม”