ตอนที่ 5 ยินดีที่ได้รู้จัก
มาร์คัสพูดออกมาด้วยท่าทางสบาย ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ฟีนิกซ์เป็นคนนำเขาไปยังที่แห่งนั้น สุดท้ายแล้วลูกน้องมือซ้ายอย่างเขาก็ได้แต่พาเจ้านายเดินไปที่บาร์แห่งหนึ่ง ที่ไม่ได้ไกลจากที่นั่นมากนัก
สายตาของมาร์คัสกวาดมองเข้าไปในร้านราวกับกำลังสแกนหาหญิงสาว ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเธอกำลังนั่งยิ้มหวานยกแก้วเหล้าให้ชายอ้วนพลุ้ยคนหนึ่งอยู่
“ถามแล้วนะว่าจะมาจริง ๆ เหรอ” และเหมือนว่าฟีนิกซ์เองจะรู้ถึงความคิดของผู้เป็นเจ้านาย เขาได้พูดขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะทำหน้าเลิศหน้าลอยไม่รู้ไม่ชี้
“พูดมาก!” แต่นอกจากที่มาร์คัสจะไม่ได้สนใจเขาแล้ว สองเท้าของชายหนุ่มยังก้าวเข้าไปในร้าน โดยที่ดวงตานั้นยังไม่ละจากโต๊ะของจัสมินเลยสักนิด
“วีไอพีโต๊ะหนึ่ง” ทันทีที่มีพนักงานเดินมาหา ก็เป็นฟีนิกซ์ที่เอ่ยบอกอย่างคนที่รู้ใจเจ้านายของตนเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ต้องทำตามความต้องการของมาร์คัสอยู่ดี
“เชิญครับ” หลังจากที่พนักงานพาไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี มาร์คัสเองยังคงจ้องมองไปที่โต๊ะของหญิงสาวคนนั้นไม่กะพริบ และจากที่สังเกตอยู่นานถึงแม้ว่าจะดูเธอยิ้มแย้มอารมณ์ดี แต่มีหลายครั้งที่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นทำท่าทางกำลังจะลวนลาม ผู้หญิงคนนั้นก็พยายามที่จะยื่นแก้วเหล้าให้เขาเกือบทุกครั้ง
“น่าสนใจ”
“อะไรน่าสนใจเฮีย! เหล้าเนี่ยแมลงวันไข่แล้วมั้ง” ฟีนิกซ์พูดกับชายหนุ่มก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากอย่างหงุดหงิด
“มึงจะหงุดหงิดอะไรนักหนา กูเป็นเจ้านายมึงนะเนี่ย”
“กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นลูกน้องกูนิ! แต่ยังไงกูไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเลยว่ะ ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะมาทำงานสถานที่แบบนี้ ยิ่งเอาใบหน้าของคุณคาร่ามาทำแบบนี้ด้วยแล้วกูยิ่งหงุดหงิด”
“ก็ไหนมึงบอกว่าไม่เหมือน” เฟิ่ง ลูกน้องคนสนิทอีกคนที่ไม่ค่อยพูดเอ่ยถามฟีนิกซ์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว
“ไอ้เฟิ่ง! ปกติมึงพูดทีหนึ่งก็นึกว่าดอกพิกุลจะร่วงอยู่แล้ว มึงก็หุบปากอีกหน่อยไม่ได้เหรอ” แต่เหมือนว่าคำพูดของลูกน้องทั้งสองคนจะไม่ได้อยู่ในความสนใจของมาร์คัสเลยแม้แต่น้อย เขาหันซ้ายหันขวาจนเห็นพนักงานคนหนึ่งเดินมาใกล้ ๆ จึงได้ยกมือเรียก
“เรียกผู้หญิงคนนั้นให้ผมที” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่โต๊ะของจัสมิน
เมื่อบริกรมองไปตามเรียวนิ้วของชายหนุ่ม และได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะเรียกใคร หากเป็นปกติเขาเองก็พอจะไปเรียกมาให้ได้ แต่พอเห็นว่าหญิงสาวกำลังให้บริการใครอยู่ ก็ได้แต่หันกลับมายิ้มเจื่อน ๆ
“เอ่อ.. ตอนนี้เธอติดลูกค้าประจำของร้านเราอยู่ครับ เอ่อ.. อาจจะมาไม่ได้ มีสนใจคนไหนเพิ่มไหมครับ” มาร์คัสที่เห็นท่าทางของบริกรคนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทำเพียงแค่ล้วงมือไปหยิบกระเป๋าเงินออกมา ก่อนจะหยิบเงินแบงก์สีเทาในกระเป๋าปึกใหญ่โยนลงบนโต๊ะ
“ถ้าเอาผู้หญิงคนนั้นมาดูแลโต๊ะนี้ได้ เงินกองนี้เป็นของคุณทันที” สิ้นสุดคำพูดของเขาดวงตาที่ดูหวาดกลัวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างแทบจะทันที เพราะกะจากสายตาแล้วเงินกองนี้ไม่ต่ำกว่าสามสิบใบแน่นอน
“ได้ครับ ได้ครับ! เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” พูดจบบริการคนนั้นก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะของจัสมินทันที หญิงสาวที่กำลังชงเหล้าให้กับเสี่ยอ้วนพลุ้ยที่เริ่มเมาไม่ได้สติ หันมามองบริกรก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอคะ”
“เดี๋ยวหาคนมาดูแลลูกค้าตรงนี้เอง เธอไปดูแลโต๊ะนั้นได้ไหม” บริกรพูดพร้อมชี้ไปที่เงินกองโตที่วางอยู่บนโต๊ะของผู้ชายสามคนที่เธอเองก็มองเห็นไม่ชัด
“ถ้าเธอยอมไปดูแลโต๊ะนั้น เธอเห็นเงินที่อยู่อยู่บนโต๊ะนั้นไหม.. เราแบ่งกันคนละครึ่ง” จัสมินหยุดมือที่กำลังชงเหล้าค้างกึก ก่อนจะเพ่งสายตามองไปยังโต๊ะนั้นอีกครั้ง
แต่แล้วสายตาของเธอก็เห็นได้ชัดชัดเจนว่าผู้ชายที่นั่งมองเธออยู่นั้นเป็นใคร ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อยทั้งตกใจและไม่คาดคิด
“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้.. นี่ไม่ใช่ว่าตามมาเอาเรื่องเราหรอกใช่ไหม”
“ว่ายังไง เงินตรงนั้นไม่ต่ำกว่าสามหมื่นได้เลยนะ” จัสมินมองหน้าบริกรนิ่ง ๆ ใจหนึ่งไม่อยากไปเพราะจำนวนเงินมันหอมหวาน แต่อีกใจหนึ่งก็หวาดกลัวเพราะผู้ชายคนนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ เธอเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ
“ตกลง! แต่ฉันขอ 70% เพราะต้องเป็นคนไปนั่งกับผู้ชายคนนั้นที่ดูน่ากลัวขนาดนี้ นายโอเคหรือเปล่าคะ” บริกรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถึงเธอจะเอาไป 70% แต่ที่เหลือก็ยังได้เยอะกว่าทิปทั้งวันนี้อยู่ดี
หลังจากที่เธอหันไปมองเสี่ยพุงพลุ้ยที่นอนหลับสลบไสลไปบนโต๊ะแล้ว ก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะให้บริกรจัดการที่เหลือต่อ เธอนั่งหายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่นานเกือบนาที ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินตรงไปยังโต๊ะของผู้ชายคนนั้น
“อ้าว! เจอกันอีกแล้วนะคะ เรื่องก่อนหน้านี้ต้องขอโทษด้วยนะคะ” จัสมินที่เดินเข้าไปที่โต๊ะก็เริ่มสวมหน้ากากแสดงอาการตกใจทันทีที่เห็นหน้าเขา
“ตอนนั้นฉันรีบไปหน่อยไม่ทันได้ดูทางดี ๆ ขอโทษจริง ๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไร.. ผมไม่ได้ถือสาอะไรขนาดนั้น” มาร์คัสที่เห็นท่าทางของเธอก็แทบจะรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังแสดงอยู่ เขาเองก็ได้แต่เอ่ยตอบกลับไปเสียงเรียบ
“แต่ถึงอย่างนั้นวันนี้ก็ต้องขอรบกวนด้วยนะครับ” เขาพูดต่อก่อนที่จะยื่นแก้วเปล่าไปให้เธอตรงหน้า จัสมินที่เห็นแบบนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มทำงานของเธอทันที
“คุณลูกค้าทานเหล้าผสมอะไรคะ” เธอหันไปถามเขาพร้อมกับมือที่คีบน้ำแข็งใส่แก้ว เทเหล้าลงไปนิดหน่อย แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้นเรียบ ๆ
“เพียว” จัสมินที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแห้งก่อนจะตักน้ำแข็งออกแล้วเทเหล้าเข้าไปอีกนิดหน่อย ก่อนจะยื่นแก้วไปให้เขา
“ขอโทษด้วยนะคะ เอ่อ.. อาจจะเย็นนิดหน่อย” มาร์คัสเอื้อมมือมาหยิบแก้วจากมือเธอโดยที่เขาเองไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ก่อนที่จะเป็นจัสมินหันไปมองผู้ชายอีกสองคน
“ทั้งสองดื่มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามเขาพร้อมกับยื่นมือเตรียมจะไปหยิบแก้วตรงหน้า แต่ทั้งสองกลับพร้อมใจกันที่จะคว้าแก้วเหล้าของตัวเองไปถือเอาไว้
“เอ่อ.. เธอดูแลเฮียมาร์คัสไปเถอะ ของพวกเราจัดการเองได้” จัสมินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแล้วหันไปสนใจผู้ชายที่พวกเขาเรียกว่ามาร์คัสอีกครั้ง
“ผมชื่อมาร์คัส.. แม้จะเพิ่งรู้จักกันแต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“เอ่อ.. จัสมิน ฉันชื่อจัสมิน.. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”