ตอนที่ 3 ความซวยมาเยือน

1661 Words
ตอนที่ 3 ความซวยมาเยือน “อีกนิดเดียว.. แค่ต้องอดทนอีกนิดเดียว” เสียงพึมพำเบาหวิวออกจากริมฝีปากของเธอเหมือนเป็นการปลอบใจตัวเอง ก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมไปหยิบเครื่องสำอางมาแต่งหน้าเพื่อปกปิดความเหนื่อยล้าเอาไว้ให้มิดที่สุด “สวยแล้ว!” หลังจากที่เธอแต่งหน้าเสร็จ สองเท้าก็เดินออกมาจากห้องนอนของตนเอง เสียงไม้กระดานดังขึ้นเป็นจังหวะเมื่อจัสมินก้าวลงมาจากบันไดชั้นสอง ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าเด็ก ๆ คงจะเข้านอนกันหมดแล้วนั้น สิ่งที่เห็นตอนนี้กลับตรงกันข้าม แสงไฟจากหน้าจอทีวียังส่องวูบวาบอยู่กลางห้องนั่งเล่น โดยที่มีเด็ก ๆ กำลังนั่งเบียดกันบนโซฟา ใช้ดวงตาใสซื่อจ้องหน้าจอด้วยความตื่นเต้นจนเธออดที่จะยิ้มออกมาเสียไม่ได้ “ดึกแล้วนะทำไมถึงยังไม่นอนกันอีก” จัสมินถามน้อง ๆ พร้อมทั้งขยับสองเท้าที่เดินเข้าไปใกล้ แต่นอกจากที่ทุกคนจะหันมาจ้องหน้าเธอนิ่งแล้ว กลับไม่มีใครที่จะเอ่ยอะไรออกมาเลยสักคน “ว่ายังไงดึกแล้วทำไมถึงยังไม่นอนกัน แล้วนี่ดูอะไรกันอยู่” “คืนนี้พี่ก็จะออกไปข้างนอกอีกแล้วใช่ไหมคะ” แต่นอกจากที่พวกเขาจะไม่ตอบคำถามเธอแล้ว กลับเป็นมินตราที่โตที่สุดเอ่ยถามเธอขึ้นมาแทนอีกต่างหาก จัสมินชะงักไปนิดหน่อยด้วยความรู้สึกสงสัยปนงุนงง เดิมทีแล้วเด็ก ๆ มักจะไม่มีใครเมินคำถามของเธอเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้กลับช่างแตกต่าง และเธอเองก็ไม่อยากจะทำให้น้องต้องกังวลไป “พี่.. นัดกับเพื่อนไว้น่ะ ไม่กี่ชั่วโมงเองเดี๋ยวก็กลับแล้ว” มินตราเม้มปากแน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “พี่ควรดูแลสุขภาพตัวเองบ้างนะคะ อย่าหักโหมมาก หนูเป็นห่วง” หัวใจของจัสมินกระตุกวูบด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างเด็กหญิง แล้วเอื้อมมือลูบศีรษะน้องเบา ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงพี่หรอกนะ พวกเราต่างหากที่ควรไปนอนได้แล้ว นี่ก็ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปโรงเรียนอีกไม่ใช่เหรอ” หลังจากพูดจบจัสมินก็หันไปมองน้องที่ยังคงดูการ์ตูนอยู่ในทีวี “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ค่ะพี่จัสมิน” ยังคงเป็นมินตราที่ตอบออกมานิ่ง ๆ ก่อนที่เธอจะหันไปสะกิดน้อง ๆ ที่จ้องทีวีอยู่ให้เตรียมตัวขึ้นไปนอน เธอรู้ดีว่าถึงแม้จัสมินจะเป็นพี่สาวที่ใจดี แต่คำพูดของเธอเองทุกคนก็ต้องเชื่อฟังถ้าไม่อยากปลุกนางยักษ์ออกมาในตอนนี้ “เข้านอนได้แล้วเด็ก ๆ ไป ๆ ขึ้นไปห้องนอนกันให้หมด” ยังไม่ทันที่จะจัสมินจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ก็เป็นแม่รัตนา หญิงสูงวัยในชุดนอนเดินลงมาด้านล่างเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เด็ก ๆ ที่เมื่อครู่ยังดื้อรั้นต่างงอแงจะดูการ์ตูนต่างก็ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย เรียงแถวเดินขึ้นบันไดไปทีละคนจนจัสมินเองต้องส่ายหน้า เมื่อเด็ก ๆ เดินขึ้นไปเข้านอนกันเรียบร้อยแล้ว แม่รัตนาจึงหันมาสบตากับจัสมินด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก ถ้ามีอะไรก็โทรหาแม่ได้ตลอด” จัสมินยิ้มกว้าง ทันทีที่ได้ยินคำพูดที่แสนเป็นห่วงจากผู้เป็นแม่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปกอดท่านเอาไว้หลวม ๆ “ลูกสาวแม่เก่งขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นอะไรไปได้หรอกค่ะ.. หนูไปก่อนนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็กที่วางไว้บนเก้าอี้มาสะพายไว้ พร้อมกับเดินไปหอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดใหญ่ ก่อนจะก้าวออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ สองเท้าของเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากซอยแคบ ๆ จนเมื่อถึงหน้าปากซอย เธอก็รีบวิ่งไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดรออยู่อย่างเคยชิน “ไปส่งที่ย่านโคมแดงเหมือนเดิมค่ะพี่” “ขึ้นมาเลยน้อง! เดี๋ยวพี่พาแว๊น” วินมอเตอร์ไซค์พูดจบจัสมินก็รีบกระโดดขึ้นไปซ้อนท้ายอย่างทุกครั้ง ก่อนที่เขาจะบิดแว๊นพาเธอแล่นไปบนท้องถนน เพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงสถานที่ทำงานที่ใคร ๆ ก็รู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ารายได้ดี หญิงสาวรีบลงจากรถมอเตอร์ไซค์ก่อนจะหันไปจ่ายเงินแล้วขอบคุณพี่วิน “ขอบใจนะน้อง” พูดจบพี่วินมอเตอร์ไซค์ก็ขับออกไปอย่างเร่งรีบ สองเท้าของเธอหันไปประจันหน้ากับตรอก ซอก ซอยบนถนนย่านโคมแดง สถานที่สีเทาที่เต็มไปด้วยแสงไฟวูบวาบและเสียงดนตรีกระแทกหูจากบาร์ต่าง ๆ “เฮ้อ!~” เธอถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะเดินเร็ว ๆ ตรงไปยังร้านทำงานของตัวเองเพราะกลัวมาสาย ตุ๊บ! แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลก สุภาษิตที่เคยพูดไว้ว่ายิ่งรีบเหมือนยิ่งช้าในวันนี้จะมินรับรู้ได้เป็นอย่างดี เพราะเหลือเพียงแค่เลี้ยวซ้ายข้างหน้า เธอก็จะวิ่งไปถึงร้านที่เธอทำงานได้โดยไม่สายแล้วแท้ ๆ “โอ๊ย!” เสียงอุทานดังขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับที่ร่างกายอันเบาหวิวของจัสมินจะล้มลงกระแทกพื้นก้นจ้ำเบ้ากับถนนแข็ง ๆ ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วสะโพก “เฮ้ย! เฮีย!!” ก่อนที่เธอจะหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า นอกจากเขาจะไม่ล้มก้นกระแทกพื้นอย่างเธอแล้ว เขากลับเป็นเหมือนดั่งกำแพงเหล็กกล้าที่แทบไม่สะทกสะท้านใด ๆ เลยก็ว่าได้ “ขอโทษค่ะ! ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้.. ตั้งใจ” ทันทีที่สายตาของเธอสบเข้ากับชายหนุ่มคนนั้น คำพูดที่อยากจะเอ่ยออกไปก็สลายหายไปในอากาศ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทแต่จัดส่งได้ยังเข้ากับรูปหน้า หากมองจากตรงนี้ใบหน้าของเขาเองเหมือนจะไม่ใช่คนไทยสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบต่างชาติ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่เห็นใบหน้าของเขาในหัวถึงกับขาวโพลน และมีเพียงคำเดียวที่เธอนิยามให้กับผู้ชายคนนี้ได้ หล่อ “คาร่า..” น้ำเสียงทุ้มต่ำชวนฝันเอ่ยขึ้นเพียงแค่หนึ่งประโยค แต่มันกระทำเหมือนโลกทั้งใบของเธอตรงนี้หยุดหมุน ลมหายใจติดขัดไปชั่วขณะราวกับถูกดูดเข้าไปในห้วงลึกของแววตาเขา “คาร่า.. เธอจริง ๆ ด้วย” จัสมินมองใบหน้าของเขาก่อนจะขมวดคิ้ว เธอมั่นใจว่าได้ยินไม่ผิด ทำไมท่าทางของผู้ชายคนนี้ถึงทำเหมือนกับว่าเขารู้จักเธออย่างไรอย่างนั้น “ค.. คุณคะ” เธอพูดเสียงตะกุกตะกักเรียกเขาเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้สนใจเสียงของเธอเลยสักนิด ดวงตากลมโตมองมือของเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าเธออย่างสั่นไหว ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกชื่นชอบความหล่อของผู้ชายตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าการกระทำนี้ของเขาจะทำให้เธอเองตกใจอยู่ไม่น้อย เธอจ้องมองปลายนิ้วของชายหนุ่มที่ยื่นมาใกล้จนเกือบจะแตะผิวแก้มเธอ ก็ทำให้จัสมินตัดสินใจที่จะขยับถอยหลัง และดูเหมือนว่าการถอยหลังของเธอนี้จะทำให้วิสัยทัศน์การมองกว้างยิ่งขึ้น เพราะเธอเองก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าด้านหลังของชายคนนี้ มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ในชุดสีดำทะมึนยืนเรียงกันอยู่ห้าหกคน แววตาคมกริบของพวกเขาและท่าทางที่บ่งบอกว่าพร้อมจะยิงทิ้งได้ทุกเมื่อนั้น เหมือนบอดี้การ์ดในหนังมาเฟียที่เคยดูไม่มีผิด “ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ชื่อคาร่า.. คุณน่าจะจำคนผิดแล้ว ขอตัวนะคะ!” เธอรีบเอ่ยขอโทษอีกรอบทั้งที่น้ำเสียงนั้นสั่นจนสังเกตได้ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวถอยหลังมาสองสามก้าวอย่างลนลานแล้วรีบวิ่งพรวดตรงไปยังร้านทำงานของตัวเองทันที “คนอะไรน่ากลัวชะมัด! หล่อก็จริง.. แต่รังสีฆาตกรขนาดนี้ก็ไม่ไหวปะ!” จัสมินรีบสาวเท้าวิ่งตรงไปยังร้านที่ทำงานราวกับกำลังหนีตาย โดยที่ริมฝีปากก็ขยับบ่นไปตลอดทางทั้ง ๆ อย่างนั้น “เฮีย! ฮัลโหล! เฮียครับ! เฮียโว้ย!” ถึงแม้ว่าหูของเขาจะได้ยินเสียงของลูกน้องเอ่ยเรียก แต่สายตาคมกริบกลับยังคงจ้องมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เพิ่งเจอเมื่อครู่อยู่อย่างนั้น “ไอ้เฮียมาร์คัส! ได้ยินปะเนี่ย!” เขาหันมามองลูกน้องคนสนิทด้วยสีหน้าตกใจ แต่ก็เหมือนว่าฟีนิกซ์เองก็จะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี เพียงแต่.. “เฮียตั้งสติดี ๆ ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไม่ใช่คุณคาร่า เธอก็แค่หน้าเหมือนจากการแต่งหน้าก็เท่านั้น เฮียอย่าลืมสิว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร” ฟีนิกซ์ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องคนสนิทของเขา ตบบ่าชายหนุ่มเบา ๆ อย่างเรียกสติ “นั่นสินะ.. จะเป็นเธอได้ยังไงในเมื่อ.. คาร่าได้ตายจากฉันไปสามปีแล้ว งั้นเหรอ.. แบบนี้สินะ อาเฟิ่ง! สืบประวัติผู้หญิงคนเมื่อกี้ให้กูที”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD