กรงสวาทมาเฟีย
Ep.3
________________________________________
ครืด~ ครืด~
สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่กำลังแผดเสียงร้องอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ทำให้เอสเธอร์ละสายตาวางมือจากการปัดมาสคาร่าแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
"ฮัลโห..." ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยตอบอย่างเต็มเสียง ปลายสายก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
(เธอร์ลูก ขอเงินให้พ่อให้หน่อยได้ไหม) ดวงตากลมเหลือกขึ้นมองบนพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของเบอร์มือถือที่โทรเข้ามา
ปกติแล้วคนอย่างเอสเธอร์ไม่เคยเมมเบอร์โทรศัพท์ใครนอกจากเบอร์ของแจนนี่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท เจ้าของงาน หรือแม้แต่กระทั่งพ่อแท้ๆ มันคงเป็นเพราะตั้งแต่ที่เธอเสียแม่ไปเลยทำให้ไม่อยากจะให้ความสำคัญกับใคร แต่แจนนี่เป็นข้อยกเว้นเพราะหล่อนเปรียบเสมือนเป็นแม่คนที่สองของเธอ
"เธอร์เพิ่งโอนไปให้ล้านนึงเมื่อสองวันที่แล้วเองนะ พ่อใช้หมดแล้วเหรอ"
(ก็พ่อเสีย ต้องไปเอาทุนคืนไงลูก พ่อสัญญานะถ้าได้คืนมาพ่อจะยกให้ลูกทั้งหมดเลย)
"...." เอสเธอร์ไม่ตอบอะไรกลับไป เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินคนเป็นพ่อพูดแบบนั้น เธอฟังประโยคนี้ของเอเดนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยได้เงินนั้นกลับมาเลยสักครั้ง "ครั้งนี้จะเอาเท่าไหร่คะ"
(สักห้าล้านได้ไหมลูก) เอเดนพูดอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะจำนวนเงินที่ขอมันมากกว่าทุกครั้ง
"อะไรนะคะพ่อ!! ห้าล้านเลยเหรอ นี่พ่อเอาไปทำอะไรตั้งเยอะแยะคะ" ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจจนเผลอพูดเสียงดังใส่ปลายสาย
(โว๊ะ! จะถามอะไรเยอะแยะวะ ฉันเป็นพ่อแกนะ เสียเงินเลี้ยงแกมามากกว่าเงินที่ฉันขอแกอีก แค่นี้ให้กันไม่ได้รึไง!!)
"อึก!" ร่างบางพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเอาไว้ไม่ให้เอเดนได้ยิน มือเล็กกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง "ระ..รู้แล้วค่ะ"
เมื่อพูดจบนิ้วเรียวก็กดวางสายไปในทันที เธอทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับปล่อยหยาดน้ำตาให้มันไหลรินออกมาอย่างสุดจะกลั้น ถ้อยคำของคนเป็นพ่อมันไม่เคยเป็นความจริงเลยสักนิด ตั้งแต่เล็กจนโตคนที่ทำงานหาเงินเลี้ยงดูเธอก็มีแค่แคทเธอลีน ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ที่ให้กำเนิดของเธอ
สมัยนั้นแม้เอเดนจะทำงานอย่างหนัก แต่ก็แทบไม่เคยส่งเสียหรือช่วยออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเธอเลยแม้แต่น้อย เขาเอาเงินที่หามาได้ไปเที่ยวดื่มสังสรรค์กับพวกเพื่อนๆ ไม่เว้นแต่ละวัน จนวันนึงที่แม่เธอล้มป่วยไม่สามารถหาเงินได้อีกต่อไป เอเดนก็หายหน้าไปจากเธอและแคทเธอลีนอยู่หลายเดือน
จนกระทั่งโชคชะตาฟ้าเข้าข้างให้มีแมวมองมาเจอตัวเด็กสาวแล้วเกิดถูกชะตา เอสเธอร์จึงได้มีโอกาสเริ่มงานในสงการบันเทิงตั้งแต่ตอนนั้น แล้วคงเป็นเพราะพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดทำให้เธอประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เอสเธอร์มีเริ่มมีชื่อเสียงได้ไม่นานเอเดนก็กลับมา โดยให้เหตุผลว่าที่หายหน้าไปเพราะมัวแต่ตระเวนหางานทำเพื่อเอาเงินมาเลี้ยงดูเธอแทนคนเป็นแม่ ตอนนั้นด้วยความที่ยังเด็กเอสเธอร์เลยเชื่อพ่อของเธออย่างไร้ข้อสงสัย
วันเวลาผ่านไปเอสเธอร์ก็เติบโตขึ้นจนสามารถคิดและแยกแยะเรื่องต่างๆได้ คืนหนึ่งเธอบังเอิญได้ยินจากปากของเอเดนเองในตอนที่เขาพาเพื่อนมาดื่มเหล้าที่บ้านว่าที่เขาหายไปเพราะไปมีภรรยาใหม่ แต่พอภรรยาคนนั้นล้มละลายเลยกลับมาหาครอบครัวเพราะไร้ซึ่งทางไป
"อึก" มือบางปาดน้ำตาบนพวงแก้มนวลลวกๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วจัดการโอนเงินให้กับคนเป็นพ่อ จากนั้นก็รีบแต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วต่อสายหาแจนนี่ให้มารับทันที
"ร้องไห้เหรอ" ผู้จัดการสาวเอ่ยถามขณะที่กำลังพาดาราสาวเดินเข้ามาในงานเพื่อสแตนบายรอขึ้นแสดงบนเวที
"เปล่านิคะ" เอสเธอร์ตอบปัดเพราะไม่อยากให้แจนนี่มาคอยเป็นห่วงเธอ
"ทำอย่างกับเราเพิ่งเคยรู้จักอย่างไงอย่างงั้น" แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายโกหก แต่แจนนี่ก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้เธอ เพราะคนอย่างเอสเธอร์ไม่ชอบให้ใครมองว่าเป็นคนอ่อนแอหรือกำลังอ่อนไหว หากเธอทนไม่ไหวก็จะเป็นฝ่ายเข้ามาขอความช่วยเหลือเอง
"วันนี้ตั้งใจเป็นพิเศษหน่อยนะ เพราะคุณคาลไลน์เจ้าของงานและเจ้าของบริษัทรถจะมาดูโชว์ของเธอด้วยตัวเองเลยล่ะ"
"หืม? ปกติเธอร์ก็ตั้งใจทุกโชว์อยู่แล้วนะพี่แจน" ดาราสาวเลิกคิ้วเชิงเป็นคำถาม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแจนนี่ถึงดูจริงจังนัก
"ก็มันน่ากดดันนะ เพราะคุณคาลไลน์น่ะเขารีเควสมาเลยนะว่าดาราที่รับเชิญมาต้องเป็นเธอร์เท่านั้น"
"แปลก ทำไมต้องเป็นเธอร์ด้วย ดาราสวยๆเก่งๆ ก็มีตั้งเยอะ"
"เพราะว่าเธอถูกใจฉันเป็นพิเศษไง"
"คะ..คุณคาลไลน์!!"
________________________________________
To be continued
ทุกคน~ อย่างงนะคะคือถ้าไรท์พิมพ์ว่า 'เธอร์' คือออกเสียง 'เท่อ' นะคะ แต่ถ้าพิมพ์ 'เธอ' คือออกเสียงว่า 'เทอ' ค่ะ ออกเสียงไม่เหมือนกันน้า?