บทนำ
บทนำ
“พี่ไมค์ คุยกับใครน่ะ” หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมากล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวไม่พอใจ ขณะเธอกำลังทำบางสิ่งบางอย่างให้เขาอยู่สายตาก็ไปสบเข้ากับภาพสะท้อนในกระจกทางด้านหลังของเขา คนตรงหน้าเธอกำลังแช็ตกับใครบางคนอยู่แต่เธอเห็นเพียงสติกเกอร์รูปหัวใจในกระจกเพราะไม่ทันอ่าน
เธอลุกขึ้นมากระชากโทรศัพท์ออกจากมือของเขา ก่อนจะเลื่อนแช็ตเพื่อดูข้อความก่อนหน้านั้น
‘คิดถึงนะครับ’ ข้อความก่อนที่สติกเกอร์รูปหัวใจจะถูกส่งไป
คนที่นั่งอยู่บนเตียงในตอนแรกรีบลุกขึ้นมาแย่งมือถือของตนเองคืนทันทีที่ถูกแย่งไป เขาดึงโทรศัพท์ไปถือเอาไว้ก่อนจะหันมาเอาเรื่องเธอที่กล้ายุ่งกับของ ๆ เขา
ชายหนุ่มที่ร่างกายไร้เสื้อผ้าปกปิดยืนมองเธอด้วยสีหน้าโมโห พร้อมผลักไหล่เปลือยเปล่าของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรงจนเธอล้มลงกับพื้น
“เป็นบ้าอะไรถึงมายุ่งกับของ ๆ กู”
“พี่ไมค์” หญิงสาวหันมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาสับสน งุนงง กระทั่งเจ็บปวดถูกส่งผ่านม่านน้ำตาออกมา เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะโมโหแค่เพราะเธอแย่งโทรศัพท์ของเขามาดู หนำซ้ำยังขึ้นกูมึงกับเธอทั้งที่ปกติไม่เคยพูด
“แล้วถ้าไม่มีอะไรพี่จะหวงมันถึงขนาดนี้หรือไง” รินลดาพูดทั้งน้ำตาพลางหยัดตนเองให้ลุกจากพื้นห้องที่เย็นเฉียบพูดไปก็สะอึกสะอื้นไป เธอคบกับเขามาเกือบหนึ่งปีแล้ว เขาดีกับเธอมาตลอดแม้จะมีบ้างที่ทะเลาะกันแต่เขาก็ไม่เคยขึ้นกูมึงเลยสักครั้ง
ครั้งนี้มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ สัญชาตญาณเธอมันบอกแบบนั้น…
“กูก็บอกตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วไงว่าไม่มีอะไร มึงจะมาสงสัยอะไรนักหนาวะ” ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังใส่ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดต่อโดยที่ไม่ได้ชายตามองเธอสักนิดเลย
“มันจะไม่มีได้ยังไงในเมื่อคนที่พี่คุยมันก็เป็นเด็กร้านเดียวกับริน! “ เธอตอบกลับด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กันพร้อมกับใช้มือปาดน้ำตาออก ดวงตาแดงก่ำเพราะทั้งโกรธและน้อยใจเธอเงยหน้ามองเพดานราวกับกำลังกั้นสะอึ้นเพื่อที่ต้องการจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เธอรักเขามากก็จริงแต่ก็ไม่อยากจะทนกับพฤติกรรมเจ้าชู้ไม่รู้จบสิ้นแบบนี้อีกแล้ว
“ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงแค่คุยเฉย ๆ ไม่ได้ไปเอากันปะจะอะไรนักหนาวะ”
“แล้วรินต้องรอให้พี่ไปเอากับมันก่อนหรือไงถึงจะพูดได้อะ”
“ก็เพราะทำตัวน่าเบื่อแบบนี้แหละ”
“เบื่อก็เลิกสิไม่ใช่มีคนอื่น”
“ก็บอกว่าไม่ได้มีคนอื่นไงพูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ”
“ถ้างั้นก็เอามาดูสิ” หญิงสาวตอบเสียงแข็งก่อนจะตรงเข้าไปแย่งโทรศัพท์ในมือเขา ไมเนอร์ผลักเธอออกอย่างแรงเธอไม่ยอมแพ้จึงเข้าไปดึงมือถือจากมือของเขามาไว้ในมือตนเอง
“บอกว่าไม่มีอะไรไงวะ”
“ก็เอามาสิถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ พี่ไมค์พี่ทำได้ยังไงรินใช้ปากให้พี่อยู่แต่พี่แช็ตบอกคิดถึงคนอื่นเนี่ยนะ”
“ปล่อย…ปล่อยสิวะ” ชายหนุ่มตะคอกเสียงแข็งก่อนจะออกแรงดึงมือถือออกจากมือเธอทำให้โทรศัพท์ฟาดเข้าที่ใบหน้าสวย แรงสะบัดทำให้เธอล้มไถลไปกับพื้น
“ฮืก…ฮือ…” เสียงสะอื้นดังทั่วห้องแต่ไม่เพียงฝ่ายตรงข้ามจะไม่สนใจ เขายังทำท่ารำคาญที่เธอร้องไห้ด้วย
“น่ารำคาญ”
“รำคาญก็ไปสิ ออกไปจากห้องของรินเดี๋ยวนี้” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมกับลุกขึ้นผลักอีกฝ่ายไปทางประตู เขาสะบัดตัวจากแรงผลักของเธอแล้วหยิบเสื้อผ้าของตนเองบนเตียงเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำก่อนจะเดินออกจากห้อง
รินลดานั่งร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียวเกือบหนึ่งชั่วโมงจนเกือบสองทุ่ม เธอรีบปาดน้ำตาพาร่างเปลือยเปล่าและตาบวมเป่งไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายก่อนจะแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มเพื่อออกไปทำงานร้านอาหารที่ดูเหมือนร้านเหล้าเสียมากกว่า
ชีวิตของเธอมันไม่ง่ายเลยสักนิดเพราะต่อให้เสียใจขนาดไหนเธอก็หยุดทำงานไม่ได้ ไม่เหมือนคน ๆ นั้นที่มีทั้งเงิน เส้นสาย อำนาจ นั่นคงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยคิดจะทำงานจริง ๆ จัง ๆ ทั้งที่อายุใกล้สามสิบแล้ว
“รินเป็นอะไร” เพื่อนสาวในชุดเดรสสีแดงสุดเซ็กซี่ถามขึ้นเมื่อรินลดากำลังนั่งเหม่อไม่สนใจลูกค้าที่เดินเข้ามา รินลดาเป็นพีอาร์สาวดาวเด่นประจำร้านแห่งนี้ มีลูกค้ามากมายที่ต้องการเลี้ยงดูเธอรวมถึงไมเนอร์ ลูกชายคนเล็กของเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตอาหารแช่แข็ง แต่ดูสิ่งเขาทำกับเธอสิมันดูเหมือนการดูแลอย่างดีหรือเปล่า
เธอควรหยุดเรื่องนี้เสียที เธอมีค่ามากกว่าการจะตามหวงตามวอแวคนที่ไม่สนใจความรู้สึกเธอเสียที คิดได้ดังนั้นรินลดาก็ลุกขึ้นยืนมองหน้าเพื่อนสาวด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวจนเพื่อนมึนงงกับการกระทำ
“โทษทีมะเหมี่ยว รินมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ว่าแต่วันนี้ได้กี่ดริ้งก์ล่ะเนี่ย” รินลดาทำสีหน้าปกติแล้วถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอเป็นพีอาร์ที่ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งในย่านที่นักท่องราตรีมักแวะเวียนมา หน้าที่ของเธอคือการดูแลเอนเตอร์เทรนลูกค้าและขายดื่ม ซึ่งเป็นงานที่หลาย ๆ คนมองว่าไม่ดีรวมถึงคนที่บ้านของเธอ เธอจึงต้องออกมาอยู่เองลำพังตั้งแต่อายุ 17 ปี
“ยังเลย วันนี้ลูกค้าดูน้อย ๆ นะ”
“งั้นไปดูลูกค้ากัน” หญิงสาวเลิกคิดเรื่องก่อนหน้านี้ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างที่เคยทำมาตลอดกระทั่งร้านปิด
ขณะที่กำลังจะเรียกรถกลับห้องเธอก็แวะเข้าไปร้านสะดวกซื้อเพื่อหาเจลลดไข้ ดูเหมือนเธอจะร้องไห้มากไปจนไข้จะขึ้น
รินลดาก้มลงเลือกเจลลดไข้อยู่สักครู่สายตาก็ไปหยุดลงตรงที่ตรวจครรภ์กล่องเล็ก ๆ สีชมพู เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเดือนที่สามแล้วที่ประจำเดือนของเธอยังไม่มา คิดได้ก็หยิบกล่องที่ตรวจครรภ์ติดมือมาสามกล่อง
เธอเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่เคยปกติเลยสักเดือนจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก แต่ที่ซื้อติดมาก็แค่เผื่อไว้เท่านั้น เอาจริง ๆ เธอฉีดยาคุมอยู่ตลอดเพราะเธอไม่พร้อมจะมีอีกชีวิตให้รับผิดชอบเลย
ทันทีที่ถึงห้องรินลดาก็ปลดชุดเดรสสั้นสีดำออกจากร่างกายพร้อมเขวี้ยงลงตะกร้าตรงมุมห้อง ก่อนจะล้วงเอากล่องสีชมพูออกมาจากกระเป๋าถือ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เกือบสิบห้านาทีจึงเปิดประตูออกมาในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดมือซ้ายถือแถบตรวจครรภ์เอาไว้
“มาที่นี่อีกทำไม” รินลดาชะงักเท้าทันทีที่ก้าวออกจากห้องน้ำเพราะใครบางคนที่นั่งรออยู่บนเตียง เธอสาวเท้าอย่างไม่รีบเร่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งวางแถบตรวจครรภ์ลงบนตลับคุชชั่นสีเขียวพาสเทล ส่วนตนเองก็หยิบครีมบำรุงมาทาโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ