bc

กรงรัก วิวาห์ร้าว

book_age18+
446
FOLLOW
1K
READ
family
HE
drama
scary
like
intro-logo
Blurb

“ถ้าจะกลับเอาป่านนี้ ทำไมไม่นอนค้างกับมันซะเลยล่ะ!” คำถากถางนั้นได้ผลเมื่อร่างบอบบางชะงักก่อนจะหันกลับมาให้คำตอบ

“ข้าวกับบีมเราเป็นเพื่อนกัน และการที่ข้าวจะแวะไปหาเพื่อนบ้าง ข้าวก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน!” เธอแก้ต่างให้กับตัวเองก่อนจะเดินเลยผ่านหน้าเขาไปราวกับไม่อยากจะเสวนาด้วย นั่นยิ่งสร้างความโกรธแก่อีกคนเป็นอย่างมาก

“หายออกจากบ้านไปเป็นวันแล้วกลับมาในสภาพแบบนี้จะให้พี่คิดยังไง!” แล้วเขาเล่า หายออกไปจากบ้านไปแบบนั้นกลางดึกเคยคิดบ้างไหมว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรคำถามนี้ควรเป็นเธอที่ต้องถาม!

“ก็แล้วแต่พี่พีจะคิดเลยค่ะ ข้าวคงไปห้ามความคิดของใครไม่ได้ ข้าวง่วง ขอตัวก่อนนะคะ” เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้เธอได้แต่นอนร้องไห้เฝ้ารอสามีที่ไม่กลับมานอนบ้าน ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกอ่อนเพลีย หากแต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เพียงเพราะแค่ได้เห็นท่าทีอ่อนแรงของเธอเข้า...

“ไปทำอะไรมาล่ะ! ถึงได้อ่อนเพลียเหมือนคนไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงแบบนี้!” คำถามที่ดังขึ้นพร้อมแรงฉุดทำให้เธอโกรธที่ถูกกล่าวหา แต่จะให้อธิบายเธอก็คงไม่ทำเพราะมันเปล่าประโยชน์ เหนื่อยเปล่า!

chap-preview
Free preview
บทนำ
บทนำ          สัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนผ่านพ้นไปนานแล้ว แต่ฝนที่จู่ ๆ ก็ตกลงมาราวกับฟ้ารั่วกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกลงง่าย ๆ ทำให้สองพี่น้องต้องพากันมานั่งหลบฝนอยู่ที่ศาลาหลังเล็กบริเวณหน้าโรงเรียนเพื่อรอพ่อมารับเหมือนทุกวัน จะต่างก็แค่วันนี้อีกฝ่ายมารับช้าเท่านั้น             “พ่อลืมมารับพวกเราหรือเปล่าพี่ข้าว ขวัญหนาวจะตายอยู่แล้วนะ” ขวัญนรี วัยสิบเจ็ดปีเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด สองมือบอบบางยกขึ้นกอดตัวเองเพื่อคลายความหนาวจากละอองฝนที่ถูกซัดเข้ามากระทบตัวจนเนื้อตัวเธอเปียกปอน             ภาพนั้นทำให้คนเป็นพี่สาวที่เกิดก่อนเพียงแค่ไม่กี่นาทีเริ่มเป็นห่วง จึงตัดสินใจถอดเสื้อคลุมของตัวเองส่งให้น้องสาวที่สุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไร น้องสาวที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับเป็นคนเดียวกัน นั่นเพราะเธอสองคนเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน             แต่แม้ว่าใบหน้าจะเหมือนกันแค่ไหน นิสัยของเธอกับน้องสาวนั้นกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะความใจเย็นที่น้องสาวเธอไม่มี             “อดทนหน่อยนะขวัญ พี่ว่าพ่อคงใกล้จะถึงแล้ว” ขวัญข้าวปลอบน้องสาวก่อนจะมองออกไปที่ถนนด้วยความเป็นห่วงบิดา กลัวว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับท่านระหว่างทางที่มารับเธอกับน้องสาว กระทั่งเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ภาพของใครบางคนที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมจักรยานคู่ใจของเขาก็เรียกเอารอยยิ้มจากสองพี่น้องได้ทันทีที่เห็น             “พี่พี มารับขวัญกับข้าวเหรอคะ” ขวัญข้าวเป็นคนแรกที่เอ่ยถามขึ้น ก่อนรอยยิ้มอ่อนหวานจะถูกส่งไปให้พี่ชายบ้านฝั่งตรงกันข้าม             แววตาคู่สวยแสดงถึงความดีอกดีใจอย่างชัดเจน นั่นเป็นเพราะว่าเธอรัก รักผู้ชายคนนี้ รัก...แม้จะรู้ตัวเองดีว่าสำหรับเขาแล้วเธอคงเป็นได้แค่เด็กน่ารำคาญคนหนึ่งเท่านั้น แต่เธอก็ไม่เคยเลิกล้มความพยายามที่จะเป็นคนในสายตาเขาเลยสักครั้ง เธอเชื่อว่าสักวันพี่พีจะมองเห็นความน่ารักในตัวของเธอ เหมือนกับที่เขามองเห็นมันในตัวขวัญนรีน้องสาว             ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในใจเรื่อยมา เขาคือรักแรกและรักเดียวที่เธอมี เธอไม่เคยมองใครคนไหนอีก แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีผู้ชายหลายต่อหลายคนพยายามที่จะเข้าหา ทั้งใจเธอก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น             “รถพ่อเราเสียน่ะ เลยวานให้พี่มารับแทน แต่จักรยานพี่ซ้อนได้แค่คนเดียวนะ ข้าวเป็นพี่เดินกลับเองก็แล้วกัน รีบขึ้นรถเถอะขวัญ ฝนชักจะเริ่มตกหนักแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” รณพีร์เอ่ยบอกอย่างไม่คิดจะถนอมใจคนฟังแต่อย่างใด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใจร้ายกับคนเป็นพี่สาว ต่างจากคนน้องที่เขามักจะพูดดี ทำดีด้วยเสมอ ลองถ้าหากไม่ใช่เพราะถูกแม่บังคับเขาคงไม่มา ถึงต่อให้มาก็คงมาเพราะขวัญนรีคนน้อง ไม่ใช่คนพี่ที่แสนจะน่ารำคาญในความรู้สึก             ยังไม่ทันได้พูดอะไรคนทั้งคู่ก็พากันขึ้นรถ ก่อนที่เขาจะปั่นจักรยานผ่านหน้ากันไป โดยมีน้องสาวของเธอนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง             เป็นอีกครั้งที่ขวัญข้าวไม่ได้เป็นคนถูกเลือก แต่เป็นน้องสาวที่ขี้โรคมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะอย่างนั้นเลยทำให้ใครต่อใครพากันหันไปดูแล ต่างจากเธอที่มีร่างกายแข็งแรงกว่า ทุกคนเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ควรที่จะเป็นแบบนั้นเลย    น้อยคนที่จะรู้ว่าคนเข้มแข็งก็ใช่ว่าจะอ่อนแอไม่เป็น เพราะคำว่า ‘บ้านใกล้เรือนเคียง’ จึงทำให้สองครอบครัวไปมาหาสู่กันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ทั้งสามคนที่โตมาด้วยกัน โดยที่รณพีร์เป็นพี่ชายคนโต หน้าที่ดูแลน้อง ๆ จึงตกเป็นของเขา             ซึ่งเด็กหนุ่มเองก็ยินดีที่จะรับหน้าที่นี้ไปจนกว่าสองสาวบ้านฝั่งตรงกันข้ามจะสามารถดูแลตัวเองได้ หรือไม่ก็จนกว่าเขาจะเติบโตจนมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ซึ่งคนเป็นพี่สาวอย่างขวัญข้าวเขาไม่ค่อยห่วงเท่าไร ออกจะรำคาญเด็กนั่นเสียด้วยซ้ำ เพราะอีกฝ่ายชอบมาจุ้นจ้านวุ่นวาย ต่างจากคนเป็นน้องสาวที่ขี้โรคมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังเป็นเด็กน่ารัก ช่างออดอ้อนมากกว่า นั่นจึงทำให้เขาและใครต่อใครรู้สึกเอ็นดูขวัญนรีเป็นพิเศษ             “ขอบคุณมากนะพีที่อุตส่าห์ไปรับน้อง ๆ แทนลุง” สุรชัยที่ชะเง้อคอรอการกลับมาของลูกสาวเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อพบหน้า รู้สึกคิดไม่ผิดที่ขอร้องให้เด็กหนุ่มบ้านตรงข้ามช่วย เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งรณพีร์ก็ไม่เคยทำให้เขาและภรรยาต้องผิดหวัง เด็กหนุ่มสามารถดูแลน้อง ๆ ได้อย่างที่เคยสัญญาไว้ในวันแรกที่ขวัญข้าวกับขวัญนรีเกิด             “ไม่เป็นไรครับลุง ถ้าอย่างนั้นผมเข้าบ้านก่อนนะครับ” สุรชัยพยักหน้ารับก่อนจะจับจูงลูกคนเล็กเข้าบ้าน เหลือไว้แต่คนเป็นพี่สาวที่ไม่ยอมขยับไปไหน ร่วมนาทีถึงตัดสินใจเอ่ยเรียกคนที่กำลังจะจากไปไว้             “พี่พีคะ”             “มีอะไรข้าว พี่จะรีบกลับไปทำการบ้าน” น้ำเสียงของคนถูกเรียกไว้บอกให้รู้ว่าเขากำลังหงุดหงิด แต่กระนั้นเด็กสาวก็เลือกที่จะยิ้มให้ เพราะมีบางอย่างที่ทำให้เธออารมณ์ดีเกินกว่าจะโกรธเขาได้ลง             “นี่ค่ะผลการเรียนเทอมนี้ของข้าว เทอมนี้ข้าวสอบได้ที่หนึ่งค่ะ” เธอร้องบอกก่อนจะล้วงหยิบเอาหลักฐานซึ่งก็คือผลการเรียนที่เพิ่งได้รับมาจากครูประจำชั้นออกมาให้เขาดูเป็นคนแรกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ ทว่าพอเห็นเขาเอาแต่เงียบถึงได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง             “พี่พีบอกว่าถ้าขวัญกับข้าวใครสอบได้ที่หนึ่งจะมีของขวัญให้ จำได้ไหมคะ” เธอไม่ได้จะกล่าวทวง แต่เพราะจำได้ว่าเขาเป็นคนพูดถึงได้เอ่ยขึ้น ซึ่งเขาอาจจะลืมไปแล้ว ในขณะที่เธอยังจำได้ดีในทุกคำ             คราวนี้กลับเป็นรณพีร์ที่เงียบไป เพราะไม่คิดว่าแค่คำพูดไม่กี่คำของตัวเองมันจะมีผลทำให้เด็กที่เคยสอบได้ดีที่สุดแค่อันดับที่สิบสี่ในชั้นเรียนจะตั้งใจเรียนจนสามารถเอาที่หนึ่งมาครองได้สำเร็จ แต่ในเมื่อเขาได้พูดออกไปแล้วเขาก็ต้องทำตามสัญญาที่เคยให้เอาไว้ คิดเช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงล้วงหยิบเอาตุ๊กตาหมีสีขาวน่ารักที่เพิ่งได้มาจากรุ่นน้องคนหนึ่งเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมาส่งให้คนตรงหน้า “เก่งมาก ถ้าเทอมหน้าทำได้แบบนี้พี่จะมีของขวัญให้อีก” ขวัญข้าวยิ้มรับก่อนจะคว้า ‘ของขวัญชิ้นแรก’ ที่ได้จากเขามากอด “ขอบคุณนะคะพี่พี ข้าวจะทำให้ได้ค่ะ” รณพีร์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าให้น้องสาว ก่อนที่เขาจะจูงจักรยานคันโปรดเดินข้ามไปอีกฝั่งซึ่งเป็นบ้านของตัวเอง และหนนี้เด็กคนนั้นก็ไม่ได้รั้งกันไว้          ขวัญข้าวไม่อาจเก็บความสุขเอาไว้เพียงลำพังได้อีกต่อไป และคนแรกที่เธอเลือกที่จะนำตุ๊กตาหมีน่ารักที่เพิ่งได้รับมาจากพี่ชายบ้านฝั่งตรงกันข้ามมาอวดก็คือน้องสาวของตัวเอง กว่าจะรู้ว่าตัวเองคิดผิดที่ทำอย่างนั้นก็ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาแย่งเอาตุ๊กตาในมือไป             “เอาของพี่คืนมานะขวัญ” มันทำให้เธอรีบตรงเข้าไปหาน้องสาว หวังจะแย่งเอาของตัวเองกลับคืน แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะอีกฝ่ายไม่ยอม             “แต่ขวัญอยากได้นี่ พี่ข้าวเป็นพี่ก็ต้องเสียสละให้น้องสิ” เพราะถูกกรอกหูด้วยประโยคนี้มาตั้งแต่เด็ก ขวัญนรีจึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ต่างจากคนที่เป็นพี่สาว ที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็พร้อมยอมให้กับน้องสาว หากแต่ครั้งนี้มันต่างจากทุกทีก็ตรงที่เธอให้ในสิ่งที่น้องสาวต้องการไม่ได้             “ตัวนี้พี่ให้ไม่ได้จริง ๆ ขวัญ คืนมาให้พี่เถอะนะ” เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ตุ๊กตาธรรมดาเท่านั้น แต่มันเป็นของขวัญจากพี่พี ที่กว่าเธอจะได้มาต้องพยายามอย่างหนัก ให้ตายยังไงเธอก็ให้น้องสาวไม่ได้จริง ๆ             “ไม่ค่ะ ขวัญอยากได้” เกิดการแย่งชิงกันขึ้นเมื่อเธอไม่ยอม ในขณะที่น้องสาวเองก็ไม่ยอมเช่นกัน เป็นเช่นนั้นอยู่นานกระทั่งหัวและตัวของตุ๊กตาขาดออกจากกันท่ามกลางความตกใจของเธอ             “ขวัญ!” ความโกรธหรืออาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ส่งผลให้เธอเผลอผลักน้องสาวจนล้มไปกองอยู่ที่พื้นอย่างแรง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทุกคนในบ้านวิ่งตามเสียงร้องออกมาพอดี  ภาพที่ได้เห็นเลยเหมือนว่าเธอกำลังรังแกน้องสาวอยู่ไม่มีผิด             “เกิดอะไรขึ้น! แกทำอะไรน้องอีกยัยข้าว” สุวดีผู้เป็นแม่แทบใจสลายเมื่อออกมาเห็นลูกสาวคนโปรดล้มกองอยู่กับพื้นในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยเขียวช้ำจากการล้มกระแทก ภาพที่เห็นทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากขวัญข้าวกำลังทำร้ายน้องสาว             “พี่ข้าวผลักขวัญค่ะแม่ ขวัญแค่ขอดูตุ๊กตาของพี่ข้าวหน่อยเดียวเอง” คำบอกเล่าที่ไม่เป็นความจริงของน้องสร้างความตกใจแก่คนถูกกล่าวหาไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าน้องสาวจะกล้าโกหก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้แก้ต่างให้ตัวเอง มารดาก็หันมาตวาดใส่หน้ากันเสียก่อน             “ก็แค่ตุ๊กตาตัวเดียวจะอะไรกันนักกันหนายัยข้าว!” เพราะความรักลูกไม่เท่ากัน สุวดีจึงไม่แม้แต่จะสอบถามความเป็นจริงจากทั้งสองฝ่าย เธอเลือกที่จะเชื่อทุกคำพูดจากลูกสาวคนเล็ก ต่างจากคนที่เป็นพี่สาวที่ไม่เคยแม้แต่จะได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่สักครั้ง “แม่คะ ข้าวไม่ได้…” “ไม่ต้องมาแก้ตัว! เป็นพี่แทนที่จะดูแลปกป้องน้อง นี่อะไรกลับทำร้ายน้องเสียเอง คุณพี่ต้องจัดการนะคะ ไม่อย่างนั้นน้องไม่ยอมจริง ๆ ด้วย” กระทั่งเดือดร้อนไปถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุรชัยที่ต้องเป็นคนจัดการ ซึ่งเขาก็เต็มใจรับหน้าที่นี้ เพราะหากปล่อยให้ภรรยาเป็นคนจัดการเองก็เกรงว่าลูกสาวคนโตอาจไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะเห็นได้ชัดว่าภรรยาไม่แม้แต่จะสอบถามหรือฟังความของอีกฝั่ง เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ลูก ๆ ทะเลาะกัน “เอาน่าคุณ เรื่องแค่นี้จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปทำไม ผมว่าคุณรีบพายัยขวัญเข้าไปทำแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” ผู้เป็นภรรยาไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากก้มลงไปจูงลูกสาวคนโปรดเข้าบ้าน ด้วยเชื่อว่าสามีจะจัดการลงโทษลูกสาวคนโตได้อย่างเหมาะสมตามที่อีกฝ่ายสมควรจะได้รับ เพราะถ้าหากเขาไม่ทำเธอนี่แหละจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง “เกิดอะไรขึ้นข้าว ทำไมจู่ ๆ น้องถึงได้ล้มลงไปกับพื้นแบบนั้น” ลับหลังภรรยาสุรชัยจึงหันกลับมาสอบถามความจริงจากปากของลูกสาวคนโต ด้วยเชื่อว่าขวัญข้าวไม่มีทางทำร้ายน้องสาวอย่างที่ถูกกล่าวหา ที่รู้เพราะเขาเลี้ยงลูกคนนี้มาเองกับมือ ย่อมรู้จักนิสัยของแกดีกว่าใคร ๆ ลูกคนนี้เหมือนเขาแทบจะทุกอย่าง ขวัญข้าวมีความใจเย็น ต่างจากขวัญนรีที่ใจร้อน ซ้ำยังเอาแต่ใจตัวเอง จนบางครั้งเขาก็อดตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าปล่อยให้ภรรยารักลูกไม่เท่ากันแบบนี้มาได้ยังไง แต่ครั้นจะให้ล้มกระดานแล้วเริ่มต้นใหม่ก็เกรงว่ามันคงจะสายไปแล้ว สิ่งที่พอจะทำได้ก็คงเห็นแต่จะมีแค่ให้ความรักลูกคนนี้แทนผู้เป็นแม่แท้ ๆ ที่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแลแกเท่านั้น

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
10.1K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1.8K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
15.1K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.9K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
2.2K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
2.1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook