ใบหน้าเข้มค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของหนุ่มเมืองกรุง สายตาคมจ้องมองไปยังริมฝีปากอวบอิ่มอย่างนึกลองชิมอีกครั้ง ศีรษะของพ่อเลี้ยงเอียงปรับองศาเล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการลิ้มรส
“ป้อเลี้ยงครับ!!! ป้อเลี้ยง!!!”
เสียงของคนงานดังขึ้นที่หน้าบ้านทำให้สติของทัศกลับมา เขารีบกระโจนลุกขึ้นจากตักของปัฐทวีทันที โดยที่ปากสวยของทัศอ้า ๆ หุบ ๆ อยู่นานก่อนจะเอ่ยออกไป “ผม...ผมต้องไปทำกับข้าว ผมไปนะ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหรี่ลงคล้ายจะขัน แต่ปัฐทวีก็ไม่อยากจะแสดงอาการอะไรออกไปให้อีกฝ่ายเห็นมากนัก จึงได้ตอบออกไปสั้น ๆ “อืม”
ทัศเอื้อมมือหยิบกระเป๋ายาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างอีกฝ่ายอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พร้อมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ปะ...ไปแล้วนะ”
พูดจบเจ้าตัวก็รีบวิ่งเข้าบ้านไป พ่อเลี้ยงมองตามหลังอีกฝ่ายไปก่อนจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ป้อเลี้ยงครับ!!!”
เสียงคนงานยังคงดังอยู่ที่หน้าบ้านอย่างต่อเนื่องราวกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรที่ไร่ ร่างแกร่งพ่นลมหายใจออกทางจมูกดังหึ ก่อนจะตัดสินใจลุกออกไปอย่างหงุดหงิด
...เมื่อปัฐทวีเดินออกมาจากบ้าน เขาก็พบว่าคนงานที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีท่าทางตื่นตระหนกจนผิดปกติ ใบหน้าซีดเซียวและเหงื่อผุดออกจากหน้าผากอย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไร?”
“มีคนงานถืกยิงต๋ายอยู่ท้ายไร่ครับป้อเลี้ยง!!!”
คำพูดนั้นทำให้ปัฐทวีหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “พาฉันไปที่นั่นด่วนเลย”
“ครับ” คนงานพยักหน้ารับ ก่อนจะวิ่งไปยังรถซาเล้งที่จอดอยู่ใกล้ ๆ โดยที่ปัฐทวีรีบตามขึ้นไปทันทีอย่างไม่รีรอ คนงานสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว และในไม่กี่วินาทีรถซาเล้งก็เริ่มเคลื่อนที่ออกไป เสียงเครื่องยนต์ที่ดังลั่นทำให้ทั้งแม่นายคำจันทร์กับทัศรวมถึงสาวใช้ต้องรีบวิ่งออกมาดู
“พวกเธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” คำจันทร์เอ่ยถามสาวใช้
“บ่าฮู้เจ้า”
☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆
รถซาเล้งของคนงานแล่นมาถึงท้ายไร่ที่เกิดเหตุ พบคนงานหลายสิบคนกำลังยืนมุงดูร่างที่ไร้วิญาณของคนงานที่ถูกยิง ร่างแกร่งรีบกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปดูทันที
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?” คำถามที่เอ่ยออกไปไม่มีคนงานคนไหนกล้าตอบคำถามเลยสักคน ร้อนให้ปัฐทวีต้องตะโกนถามอีกครั้ง “ฉันถามไม่ได้ยินกันหรือไง!!!”
คนงานหลายคนก้มหน้าหลบสายตา ปากสั่นเทา ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงนิ่งเฉยแววตาทุกคู่เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดหวั่นไม่อาจพูดออกมาได้ จนในที่สุดหนึ่งในคนงานก็เอ่ยตอบ
“แม่ตอน ตอนคนงานกะกำลังยะการอยู่ บ่าได้ยินเสียงอะหยังเลยครับ ฮู้โต้อีกทีก่หันศพคนถืกยิงนอนตึงอยู่แล้วครับ”
“แล้วแจ้งตำรวจรึยัง?”
“ได้แจ้งไปแล้วครับ”
ไม่นานนักเสียงเครื่องยนต์ของรถก็ดังขึ้นจากไกล ๆ ก่อนที่รถคันนั้นจะปรากฏออกมาให้เห็นในระยะสายตา รถยนต์สีเทาคาดแดงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลี้ยวเข้ามาในพื้นที่ท้ายไร่ของไร่ชาอย่างช้า ๆ โดยที่ด้านในรถมีเจ้าหน้าที่สองถึงสามนายสวมชุดเครื่องแบบตำรวจ
และคนที่เดินลงมาจากรถเป็นคนแรกก็คือพันตำรวจตรีอาทิตย์หรือดอน นายตำรวจที่ปัฐทวีเกลียดที่สุด ร่างสูงใหญ่ของดอนปรากฏชัดในชุดเครื่องแบบที่เข้ารูป ดูห้าวหาญและเย็นชา ดวงตาคมกริบของเขาสำรวจรอบตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองปัฐทวีที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร
“ผมได้รับแจ้งว่ามีการยิงกันในไร่ของคุณ”
ปัฐทวีหรี่ตามองไปยังดอนอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะตอบออกไปห้วน ๆ “ใช่ คนงานบอกว่าตอนเกิดเหตุ ไม่มีใครเห็นและได้ยินเสียงปืน คาดว่าพวกมันน่าจะใช้ปืนเก็บเสียง”
ดอนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปที่ร่างไร้วิญญาณที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น “ดูจากรอยเลือดและลักษณะของบาดแผล ดูเหมือนว่าการยิงในระยะใกล้พอสมควร”
เขายกมือขึ้นจับปากกาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเริ่มจดบันทึกในสมุดที่เขาถืออยู่ ในขณะที่นายตำรวจคนอื่น ๆ กำลังตรวจสอบหลักฐานอยู่ไม่ไกลจากศพ “เขาเคยมีศัตรูที่ไหนไหมครับ มีใครพอจะรู้บ้างไหม?”
“มันเป็นคนเงียบ ๆ ครับ อ่อนน้อม ถ่อมโต บ่ค่อยไปปะปนกับไผ พอย่ะงานแล้วมันก่หันหลังปิ๊กบ้าน หาลูกหาเมียเลยครับ” หัวหน้าคนงานเอ่ยตอบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“แล้วคุณล่ะพ่อเลี้ยง?”
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็ในเมื่อผู้ตายไม่มีศัตรูที่ไหน ผมก็ต้องมองไปที่คนรอบข้างว่ามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า โดยเฉพาะนายจ้างอย่างคุณ”
“ไม่มี”
“แน่ใจเหรอครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี?” ดอนถามสวนกลับแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของอีกฝ่าย พลางหันกลับมามองด้วยสายที่ดูสงสัยราวกับจะจับผิด
“อะไรที่นายรู้มา มันก็คือแบบนั้นแหละ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคงต้องเชิญตัวคุณไปโรงพักกับผมด้วยนะครับ เพราะผมมีเรื่องที่จะสอบปากคำคุณเพียบเลย”
“ยินดีครับคุณตำรวจ”
...ภายในห้องสอบสวนที่เงียบสงัดเต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัด ปัฐทวีนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แข็ง เสียงของดอนเจ้าหน้าที่สอบสวนดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและเย็นชา
“พ่อเลี้ยงปัฐทวี คุณอาจจะไม่ได้ลงมือทำเองโดยตรง แต่ข้อมูลทั้งหมดชี้ชัดว่าคุณเป็นแรงจูงใจให้คนร้ายฆ่าคนงานในไร่ชาของคุณในครั้งนี้ เพื่อที่จะข่มขู่คุณ”
ปัฐทวีตั้งท่าจะปฏิเสธทันที แต่แล้วเสียงของดอนก็ดังขึ้นอีกครั้งราวกับรู้ทุกอย่าง “คุณรู้อยู่แก่ใจดีครับ”
ปัฐทวีลอบหายใจลึก แล้วพยักหน้าเบา ๆ ให้กับนายตำรวจตรงหน้า “ก็อย่างที่นายได้รับข้อมูลมานั่นแหละ ฉันได้ช่วยคนงานที่ถูกไอ้พ่อเลี้ยงอมรหลอกใช้ขนฝ**น”
“แต่การทำแบบนั้น คุณจะกลายเป็นคนที่มีความผิดเองนะพ่อเลี้ยง”
“ฉันรู้... แต่ถ้าเป็นนาย นายยังจะจับผู้บริสุทธิ์ แล้วปล่อยให้ไอ้อมรมันเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของชาวบ้านงั้นเหรอ?”
“แต่ทุกอย่างมันก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย”
“ถ้ากฎหมายมันศักดิ์สิทธิ์จริง พวกมันคงติดคุกติดตะรางไปนานแล้ว มันคงไม่ได้ลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมแบบนี้หรอกครับคุณตำรวจ”
“คุณอคติกับตำรวจมากเกินไปหรือเปล่าคุณปัฐ”
“ทุกอย่างมันก็มีให้เห็น มันก็ไม่แปลกที่ฉันกับประชาชนจะไม่ไว้ใจคนอย่างพวกนาย” ปัฐทวีพูดออกมาตามความเป็นจริงที่ผู้คนได้รับรู้และได้เห็น
“แต่คุณรู้แค่ว่าผมไม่เหมือนตำรวจพวกนั้น ผมยินดีที่จะช่วยประชาชนที่เดือดร้อน ได้โปรดคุณช่วยให้ความร่วมมือกับผม แล้วผมจะทำให้คุณและประชาชนเห็นเองว่าตำรวจดี ๆ มันก็ยังมีอยู่ในประเทศไทย”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก ฉันแค่อยากเห็นพวกมันถูกจับมันเข้าซังเต ทำให้พวกมันออกมาทำเลวไม่ได้ แค่นี้ฉันกับชาวบ้านก็พอใจแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอความร่วมมือคุณและพ่อเลี้ยงอัคราด้วยนะครับ แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง”
“ยินดีครับคุณตำรวจ”
เมื่อรถตำรวจได้แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของพ่อเลี้ยงปัฐทวี โดยที่มีนายแม่คำจันทร์และทัศรวมถึงคนงานหลายร้อยชีวิตยืนเรียงกันอยู่แน่นขนัดอย่างใจจดใจจ่อส่วนบนของฟอร์ม
ร่างแกร่งก้าวเท้าลงมาจากรถตำรวจ ตามด้วยนายตำรวจหนุ่มอย่างดอนที่ก้าวตามลงมาติด ๆ
“พี่ดอน...” ทัศเอ่ยขึ้นเสียงเบาเมื่อเห็นร่างของอดีตชายคนรักของตน
“ตาปัฐลูกแม่” แม่นายคำจันทร์รีบปรี่เข้าไปกอดลูกชายคนเดียวของเธอเอาไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง “แม่เป็นห่วงแทบแย่ ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ผมไม่เป็นอะไรครับแม่ ผมสบายดี”
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่จำเป็นต้องคุมตัวพ่อเลี้ยงปัฐไปแบบกะทันหันอย่างนั้น” ดอนกล่าวขอโทษหญิงผู้เป็นแม่ของปัฐทวีและทุก ๆ คน
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับพี่ดอน?” ทัศเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอกทัศ มันเป็นเรื่องขัดแย้งกันระหว่างคนงานก็เท่านั้น ทัศไม่ต้องเป็นกังวลนะ” เขาจำเป็นต้องโกหกออกไปอย่างนั้น เผื่อว่าที่นี่จะมีหนอนของพ่อเลี้ยงอมรคอยฟังอยู่
“ครับ ทัศต้องขอบคุณพี่มาก ๆ นะครับที่ช่วยเหลือและดูแลพวกเราที่นี่” ทัศตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ มันคือหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว”
“หมดธุระก็กลับไปได้แล้วคุณตำรวจ” ปัฐทวีตวัดสายตาไปยังอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
“เดี๋ยวสิคะคุณตำรวจ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนได้ไหมคะ ตอบแทนที่คุณช่วยทำให้ที่ไร่เราสงบลง” แม่นายคำจันทร์เอ่ยขึ้นทันทีที่ดอนพูดจบ เพราะเธออย่างตอบแทนที่นายตำรวจหนุ่มทำงานหนักในวันนี้
“แม่!!!” เจ้าของบ้านตะโกนขัดออกมาเสียงดัง
ดอนหันไปมองทัศเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบรับคำชวนของแม่นายคำจันทร์ไปทันที เพราะอย่างน้อยเขาก็จะได้มองทัศและได้ใกล้ชิดทัศได้นานกว่านี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงในฐานะคนรู้จักกันก็ตาม “อาหารมื้อนี้คงต้องรบกวนคุณหญิงแล้วนะครับ”
“ได้เลยจ้า ป้ายินดี"