บทที่ 6/2 ไม่ใช่เขาคนนั้น

2054 Words
ท่ามกลางหมอกบางเบาที่ลอยเคลื่อนผ่านยอดเขาในยามเช้าตรู่ ความเงียบสงบของไร่ชาถูกขับไล่ด้วยเสียงเกือกม้าที่กระทบพื้น มือทั้งสองของเขากำเชือกบังเ**ยนม้าตัวผิวเข้มมุ่งหน้าไปยังไร่กาแฟของเพื่อนสนิทอย่างอัครา กลิ่นของกาแฟที่ลอยมาตามลมเมื่อปัฐทวีมาถึงที่บ้านของอัครา ร่างแกร่งวาดขาลงจากหลังม้าก่อนที่จะมีคนงานวิ่งเข้ามาต้อนรับ “สวัสดี๋คั๋บป้อเลี้ยง เป๋นใดสบายดีบ๋อครับ? บ่อป๊ะกั๋นจ้าดเมินขนาดเน้อ” คนงานเอ่ยทักทายพ่อเลี้ยงปัฐทวีอย่างเป็นกันเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของคนงานในไร่หอมกรุ่นอยู่แล้ว “สบายดี ช่วงนี้งานที่ไร่ยุ่ง ๆ ก็เลยไม่ค่อยได้แวะมา ว่าแต่ไอ้อัคอยู่ไหม?” พ่อเลี้ยงเอ่ยถามพลางยื่นเชือกบังเ**ยนให้คนงานที่ยืนอยู่ตรงหน้า พ่อเลี้ยงอัคราได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังอยู่หน้าบ้านจึงได้เดินออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของตนจึงเอ่ยทักทายขึ้นทันที “เช้าขนาดนี้กูจะไปไหนได้วะ” “ก็แบบนี้ไงกูถึงได้มาหามึงตั้งแต่เช้า” “แล้วน้องทัศเป็นยังไงบ้างวะ?” พ่อเลี้ยงปัฐถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่หน้าบ้าน “ก็ยังอยู่ดีครบสามสิบสอง เพิ่มเติมคือมีแม่กูเป็นพวก” “คือยังไงนะ...แม่มึงกลับมาแล้วเหรอ? ทำไมวันนั้นกูไป แล้วกูไม่เห็นวะ” “มาอยู่ได้หลายวันแล้ว แต่วันนั้นแม่กูเขาไปวัดกับเพื่อนมึงก็เลยไม่เห็น” “แล้วแม่มึงไปเป็นพวกกับน้องทัศได้ยังไงวะ?” “เรื่องนั้นค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้มึงจะเชิญกูเข้าบ้านมึงได้หรือยัง กูหิวกาแฟจนจะกินหัวมึงได้แล้วนะเว๊ย” “เชิญครับคุณเพื่อน” อัคราพูดพร้อมมองเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยกมือขึ้นผายเพื่อเชิญให้เพื่อนของเขาให้เดินเข้าไปในบ้าน ทั้งสองได้เดินเข้ามายังห้องรับแขกของบ้าน ก่อนจะลดตัวลงนั่งพร้อมกันด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย ไม่นานนักแม่บ้านก็ยกกาแฟมาเสิร์ฟพร้อมกับขนมปังอบใหม่ ๆ “ไอ้อัคเรื่องที่กูให้มึงช่วยสืบเป็นยังไงบ้างวะ?” “ไอ้พ่อเลี้ยงมันลักลอบปลูกฝ**นที่ชายแดนฝั่งนู้นจริง ๆ มันติดสินบนเจ้าหน้าที่ทั้งฝั่งเราแล้วก็ฝั่งเขา ใช่ชาวเขาขนฝ**นเอามาขายที่ฝั่งไทย ไม่พอนะมึง! มันยังลักลอบตัดไม้ในป่า ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ตายไปไม่รู้แล้วกี่นาย” “เป็นอย่างที่กูคิดเอาไว้ไม่มีผิด แม่งสารเลวกันฉิบหาย!!!” “ยังไม่หมดเว๊ยมึง มึงจำงานวันเกิดของเอื้องคำในวันนั้นได้ป่ะ ที่กูไม่ได้เข้าไปในงานด้วย” “เออ กูก็ว่าจะถามอยู่พอดีว่ามึงหายหัวไปไหน” “กูไปหาตำรวจคนหนึ่งมา แล้วเอารายชื่อของพวกที่มาร่วมงานไปเช็คประวัติอาชญากรรม สรุปแม่งมีประวัติทุกคนแต่รอดคดี มึงคิดว่ายังไง” “ทำไมคนเลว ๆ มันถึงได้มีเยอะเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดวะ จิตใจแม่งทำด้วยอะไร” เขายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะหันมามองเพื่อนสนิท “เพราะเงินไงมึง มีเงินก็เท่ากับมีอำนาจคับบ้านคับเมือง อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะทำตัวสารชั่วแค่ไหนก็ได้” “กูล่ะเกลียดจริง ๆ ไอ้พวกเห็นแก่เงิน แล้วก็ไอ้พวกตำรวจรับใช้โจรพวกนั้น! รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนแท้ ๆ แต่กลับหันไปรับใช้คนที่มันทำร้ายประชาชน” “เออ...แล้วคนงานที่มึงจับได้ล่ะ มึงเอาไปไว้ไหน” “คนพวกนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้แค่ว่าเขาให้ไปส่งของแล้วก็จะได้เงินส่งกลับไปบ้าน ตอนนี้กูส่งคนพวกนั้นไปฝากไว้กับไร่ชาฝั่งนู้นแล้ว พ่อเลี้ยงอมรคงตามตัวไม่เจอแล้วแหละ” “แล้วมึงจะเอาไงต่อกับพ่อเลี้ยงอมรวะ?” “ก็ต้องทำตัวเป็นมิตรหาหลักฐานต่อไป” “ป้อเลี้ยงครับ ป้อเลี้ยง มีต๋ำหนวดมาหาครับ” คนงานที่ทำงานอยู่หน้าบ้านวิ่งเข้ามารายงานกับผู้เป็นนาย “มาได้จังหวะนรกมาก!” อัคราหันไปบ่นกับตัวเองเสียงเบา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร นายตำรวจหนุ่มก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าที่ดูรีบร้อนและจริงจัง “พ่อเลี้ยงผมมีเบาะแส...พ่อเลี้ยงปัฐทวี?” ดอนชะงักฝีเท้าไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าปัฐทวีคนที่ไม่ค่อยลงรอยกับเขากำลังนั่งอยู่ภายในห้องนั้น “ไอ้ปัฐกู...” “ไอ้ตำรวจที่ว่าคือไอ้นี่น่ะเหรอ?” ปัฐทวีพูดสวนขึ้น “คือ...กูอยากให้มึงลองวางอคติลงดูบ้าง เพราะสารวัตรเป็นตำรวจที่ดีนะเว้ย” “มึงควรดูให้ดี ๆ นะ ว่าตำรวจคนนี้ดีแต่เปลือกหรือเปล่า” “การที่คุณพูดแบบนี้... คุณรู้ไหมว่ามันถือเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่” ดอนกล่าว พร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้ ๆ ปัฐทวี ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปัฐทวีอย่างไม่เกรงกลัว “ผมสามารถดำเนินคดีกับคุณได้นะครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี” “ใจเย็น ๆ กันก่อนนะครับสารวัตร” เจ้าของบ้านกล่าวกับนายตำรวจหนุ่ม ก่อนจะหันไปดุเพื่อนสนิทของตนที่นั่งอยู่บนโซฟา “ไอ้ปัฐปากอย่าหาเรื่องดิวะ!!!” “ผมว่าเรามาคุยเรื่องของสารวัตรกันดีกว่านะครับ เชิญนั่งก่อนะครับ” อัคราผายมือเชิญนายตำรวจ ปัฐทวีที่นั่งอยู่บนโซฟาฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเสียงดังอย่างไม่พอใจ ก่อนลุกขึ้นจากโซฟาแล้วปรายตาไปมองนายตำรวจด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ไอ้อัคกูว่ากูกลับก่อนดีกว่า เพราะว่าบ้านมึงตอนนี้มันสกปรกจนกูอยากจะอ้วก” “ก็ยังดีกว่าใครบางคนที่ทำตัวเป็นหมาบ้าพาลกระแซง” “มึงว่าใคร?” “ผมพูดลอย ๆ ใครอยากรับก็รับไป” สิ้นเสียงของดอนปัฐทวีก็หันหลังกลับไป แล้วกระชากคอเสื้อของดอนนายตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยมือข้างหนึ่ง จนตัวนายตำรวจหนุ่มสะท้านไปตามแรงดึง พร้อมกับมืออีกข้างที่ง้างหมัดกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของดอนอย่างจัง ผั๊วะ! ดอนกัดฟันกรอดและไม่ยอมให้ตัวเองเสียหลัก เขาใช้มือขวาเช็ดเลือดที่เริ่มไหลออกมาจากมุมปาก ก่อนจะยกมือขวาขึ้นสวนกลับไปทันที ทำให้ปัฐทวีเซถอยหลังไปเล็กน้อย “ผมตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานกับคุณได้นะ ถ้าคุณยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แบบนี้” “ฉันรู้นะว่าที่แกมาที่นี่ก็เพราะอยากเจอทัศ แกไม่ได้อยากจะมาสืบคดีอะไรหรอก” “ทัศแต่งงานกับคุณแล้วข้อนี้ผมรู้ดี ซึ่งผมก็จะรักษาระยะห่างตลอดสัญญาของคุณ แล้วเมื่อไหร่ที่ทัศหย่ากับคุณ ผมก็จะมารับคนของผมคืนทันที” “พูดจาต่อหน้าผัวของเขาแบบนี้ มันใช้ได้เหรอวะ!” “ก็แค่ในนาม ก็แค่หัวโขนที่คุณสร้างขึ้นก็เท่านั้น” ในขณะเดียวกันอัคราที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ฟังการโต้เถียงกันของทั้งสองคน เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดอัคราก็ตกตะลึง เพราะไม่คาดคิดว่าเพื่อนสนิทของตนจะแต่งงานกับทัศได้ และที่สำคัญทัศก็ไม่ใช่แค่คนงานในไร่ชาอย่างที่เคยบอก “ไอ้ปัฐ... สารวัตร นี่มันเรื่องอะไรกัน ตกลงแล้วน้องทัศเป็นใครกันแน่?” เจ้าของบ้านเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “มึงก็ถามไอ้ตำรวจคนดีของมึงดูเองสิ!” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและค่อนข้างจะถากถาง ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านของอัคราในทันที “เห๊ย!!! เดี๋ยวสิวะไอ้ปัฐ” เมื่อพ่อเลี้ยงปัฐทวีกลับถึงบ้าน เขาก็พบว่าทัศกำลังนวดขาให้กับแม่ของตน ไม่รู้ว่าทำไม... ยิ่งพอเห็นหน้าของทัศก็ยิ่งทำให้ในใจของเขานั้นร้อนรนราวกับถูกไฟเผา “ไปไหนมา แล้วหน้าไปโดนอะไรมาทำไมมีเลือดออกแบบนั้น” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายของเธอด้วยความเป็นห่วง “ผมแค่เจอหมามันขวางทางเลยพลาดท่าสะดุดล้ม” ทัศมองไปที่ปัฐทวีด้วยความสงสัยแต่มันก็แค่แวบเดียวก่อนที่เขาจะหันไปโฟกัสกับขาของนายแม่คำจันทร์ต่อโดยไม่พูดหรือทักทายอะไรอีกฝ่าย “ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวนะ” ว่าแล้วปัฐทวีก็เดินออกไปยังศาลานั่งเล่นทันที โดยทัศยังคงมองตามไปจนกว่าร่างนั้นจะหายลับไปจากสายตา หญิงวัยห้าสิบแปดปีมองลูกชายสลับกับทัศก่อนจะส่ายหัวไปมาเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม แม้ทัศจะไม่พูดออกมาเธอก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยในสายตาของทัศ “ทัศ...” “ครับคุณแม่?” “ช่วยทำอะไรให้แม่อย่างหนึ่งได้ไหม?” “ได้ครับ คุณแม่ว่ามาได้เลย” ทัศตอบตกลงทันทีด้วยท่าทางที่พร้อมจะรับฟังและยินดีเสมอเมื่อนายแม่จะร้องขออะไร “ช่วยไปทำแผลให้ลูกชายแม่หน่อย” เขาเบิกตาโตด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำขอนั้น “คือ...ผมว่าผม...” “นะจ๊ะ ถือว่าแม่ขอ” ทัศหลับตาพลูลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบออกไปอย่างจำใจ “ก็ได้ครับ...” ทัศเดินถือกระเป๋าเข้าไปหาปัฐทวีที่นั่งอยู่ในศาลาตามคำขอร้องของแม่นายคำจันทร์ ก่อนที่เขาจะวางกระเป๋านั่นลงบนโต๊ะเสียงดัง ปัฐทวีที่นั่งอยู่ตรงข้ามสะดุ้งเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองทัศด้วยสายตาที่แปลกใจ “นายมาทำอะไร?” “มาทำแผลให้คุณ” “ไม่ต้อง! แผลแค่นี้มันไม่ตายหรอก แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากเห็นนายมาประจบสอพลอฉันให้มันรำคาญลูกกระตา” ปัฐทวีว่าพลางเบนสายตาไปทางอื่นด้วยความไม่สบอารมณ์ “ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าที่ และไม่ใช่เพราะแม่ของคุณผมก็ไม่มีวันทำแบบนี้หรอก” “งั้นก็ไม่ต้องทำ เอาเวลาไปเลียแข้งเลียขาแม่ฉันเถอะ” ทัศถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ เขากลอกตาขึ้นมองก่อนจะเปิดกระเป๋ายาใบใหญ่ออกอย่างรวดเร็ว มือเรียวยกขึ้นไปจับคางให้หันมาอย่างบังคับ “อยู่นิ่ง ๆ แล้วผมจะได้รีบทำ คุณจะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าผมนาน” เมื่อเห็นว่าพื้นผิวของโหนกแก้มของปัฐทวีเป็นรอยบวมแดงและมีเลือด ทัศถอนหายใจเบา ๆ ออกมาอีกครั้งก่อนจะหยิบขวดแอลกอฮอล์ขึ้นมาเปิดฝา แล้วชุบสำลีให้ชุ่มเช็ดวนรอบแผลเพื่อทำความสะอาด “ซี๊ดดดด โอ๊ยเบา ๆ ” “เป็นผู้ชายตัวโตซะเปล่า” ทัศหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของปัฐทวี เขาหันไปชุบยาแดงในขวดแล้วทาให้ทั่วแผลที่บวมเป่ง ก่อนที่เขาจะนึกสนุกในใจแล้วใช้ปลายสำลีกดไปที่แผล “โอ๊ย!!!” ปัฐทวีร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บ เขาทำท่าจะดึงตัวหนี แต่ทัศกลับยังคงจับคางไว้แน่น “อยู่นิ่ง ๆ สิครับพ่อเลี้ยง” “นี่นายแกล้งฉันเหรอ!!!” “โถ...เพิ่งรู้นะครับว่าคนอย่างพ่อเลี้ยงปัฐทวีหน้าโหดจะร้องเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก” ปัฐทวีจ้องเขม็งไปยังคนที่ยืนทำแผลให้กับตนด้วยความโมโห ก่อนออกแรงดึงร่างสูงให้ลงมานั่งบนตักของตน จนกระทั่งใบหน้าของทั้งคู่ใกล้จนแทบจะชนกัน “ปล่อยผมนะคุณปัฐ! คุณจะทำอะไร?” “ก็กำลังทำหน้าที่ของฉันอยู่ยังไงล่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD