บทที่ 6/1 ไม่ใช่เขาคนนั้น

2359 Words
“ฉันเป็นคนนอนดิ้นมาก นายนอนพื้นไปก็แล้วกัน” “แล้วพวกฟูกกับผ้าห่มล่ะครับ อยู่ตรงไหน?” ทัศเอ่ยถามปัฐทวีพลางมองไปทั่วทั้งห้อง “ไม่มี แต่ฉันแบ่งหมอนให้นายได้นะ” “คุณจะให้ผมนอนพื้นเย็น ๆ เนี่ยนะ จิตใจทำด้วยอะไร” “ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าฉันมันเป็นคนไม่มีหัวใจ แล้วจะมาเรียกร้องอะไรกับฉันไม่ทราบ” “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปเจอและรับรู้อะไรมาบ้าง แต่ผมไม่ใช่เขาคนนั้นของคุณ เพราะฉะนั้นคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาปฏิบัติแบบนี้กับผม” ปัฐทวีขมวดคิ้วและหันมามองทัศด้วยแววตาที่ไม่พอใจ “นายไปรู้อะไรมา? แส่ไม่เข้าเรื่อง!” “ผมก็ไม่อยากจะแส่เรื่องของคุณหรอกนะคุณปัฐ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของคุณ...” “อย่ามาอ้างแม่ของฉันหน่อยเลย นายจงใจอยากจะรู้เรื่องของฉันมากกว่า ทำไม? อยากอัพค่าตัวเหรอ?” “หยาบคาย! ถ้าไม่ติดว่าแม่คุณยังอยู่ที่บ้านหลังนี้นะ ผมต่อยหน้าคุณไปแล้ว!” ปัฐทวียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขามองทัศด้วยความสะใจ ที่ตนเองสามารถทำให้อีกฝ่ายโมโหได้ถึงขนาดนี้ “ฉันก็ไม่อยากต่อปากต่อคำกับนายแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ ถ้านายอยากนอนก่อนก็เชิญ” ปัฐทวีพูดทิ้งท้ายแล้วเดินไปยังห้องน้ำโดยไม่หันมามองทัศอีก ทิ้งให้ทัศแตะต่อยอากาศด้วยความโมโหอยู่อย่างนั้น “ไอ้ยักษ์เอ้ย!!!” ไม่นานนัก ปัฐทวีก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่คาดผ้าขนหนูไว้ที่เอวเพียงตัวเดียว ผิวกายสีแทนของเขาชุ่มไปด้วยหยดน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากเส้นผม ความชุ่มชื้นของผิวหนังเปลือยเปล่าทำให้ทัศไม่สามารถละสายตาจากร่างนั้นได้ จนกระทั่งคนที่โดนจ้องต้องเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนพื้น “หิวผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ทัศขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะขยับปากที่จะเถียง “บ้า! ใครจะไปหิวผู้ชายอย่างคุณลง จะอ้วก!!!” “ใช่สิ ฉันไม่ใช่ไอ้ชู้รักของนายนิ” “ห้ามพูดถึงพี่ดอนแบบนั้น เขาไม่ได้เป็นชู้แล้วก็ไม่ได้ทำเรื่องต่ำทรามพันนั้นอย่างที่คุณพูด” “แล้วที่มันบุกมาหาเมียชาวบ้านวันนั้นล่ะ” “ผมไม่ใช่เมียคุณ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นชู้กับพี่ดอนด้วย” ว่าแล้วทัศก็ฟาดหมอนไปที่ปัฐทวีด้วยความโมโห “แล้วอยากจะลองเป็นเมียฉันดูไหมล่ะ รับรองว่านายจะติดใจจนลืมไอ้ตำรวจนั่นแน่นอน” “ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้รักคุณ แล้วผมก็จะไม่ยอมเป็นเมียของคุณด้วย” “ตามใจ” พูดจบปัฐทวีก็กระตุกผ้าขนหนูที่คาดเอวออก จนแกนกายใหญ่ประจักษ์อยู่ต่อหน้าของทัศพอดี จนทัศต้องยกหมอนขึ้นมาปิดตาด้วยความตกใจ “ไอ้คนบ้า! ไอ้คนลามก! ไอ้คนโรคจิต! ไอ้คนทุเรศ! ไอ้คนไม่มียางอาย!” “นี่!!! คิดว่าตัวเองเป็นสาวน้อยเหรอ เราก็มีเหมือนกันจะอายทำไม?” ปัฐทวีพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากอย่างไม่แยแสก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้ามาใส่จนเสร็จสรรพ แล้วมานั่งลงที่บนเตียง “เลิกปิดได้แล้ว แล้วก็ลุกขึ้นไปปิดไฟให้ฉันด้วย” ทัศค่อย ๆ ลดหมอนที่บังใบหน้าออก ก่อนจะหรี่ตาขึ้นมองปัฐทวีที่นั่งอยู่บนเตียงในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาว เมื่อเห็นอย่างนั้นทัศก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ค่อยยังชั่ว...” คนที่นั่งอยู่บนพื้นบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟ แต่แล้ว ปัฐทวีที่นั่งอยู่บนเตียงกลับยิ้มมุมปากคล้ายคิดอะไรออก ก่อนจะย่องตัวออกจากเตียงอย่างไปทางด้านหลังอย่างเงียบ ๆ เมื่อไฟถูกดับลง แฮร่!!! เห๊ย!!! ทัศตกใจจนแทบจะสูญเสียการทรงตัว ความตกใจทำให้เขาลืมตัวไปและในชั่วขณะนั้นเอง ร่างของเขาก็ผวาไปกอดปัฐทวีอย่างไม่รู้ตัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของปัฐทวีที่ดังก้องไปทั้งห้อง มันก็ทำให้ทัศรู้ได้ทันทีแล้วว่าตนเองถูกปัฐทวีแกล้งเข้าให้แล้ว แขนเรียวที่กอดคอแกร่งเริ่มคลายออกอย่างช้า ๆ ดวงตากลมที่เริ่มปรับเข้ากับความมืดได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ยังคงยิ้มอย่างสนุกสนานและดูมีความพึงพอใจที่ได้แกล้งเขา “คุณปัฐ!!!” ทัศพยายามจะผละออกจากร่างแกร่ง ทว่าปัฐทวีกับโอบเอวบางของทัศเอาไว้แน่นจนร่างของทัศแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ทัศรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบหยุดหมุนลงไปชั่วขณะ …ไม่สิ ทำไมเราต้องใจเต้นแรงกับไอ้คนใจยักษ์นี่ด้วย ใบหน้าของทัศเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อยเพราะความใกล้ชิด พร้อมกับเสียงหายใจของทั้งสองดังขึ้นในความมืดอย่างชัดเจน “ใจเต้นแรงไปหน่อยนะ...” ปัฐทวีพูดเบา ๆ ใกล้หูของทัศ ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจที่ได้เห็นทัศตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา พร้อมกับทัศเองก็พยายามขยับตัว แต่มือของปัฐทวียิ่งกระชับรอบเอวของเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม “ปล่อยผมนะคุณปัฐ!!!” “แล้วถ้าฉันไม่ปล่อยล่ะ?” “ผม...ผมจะ...ร้องให้คนช่วย” “ที่นี่มันเป็นบ้านของฉัน ใครมันจะมาช่วยนายได้ ดีไม่ดีคนเขาก็อาจจะคิดว่าเรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ก็ได้” “แต่แม่ของคุณอยู่ที่นี่เขาต้องมาช่วยผมแน่” “งั้นก็ลองเรียกดูสิ” “ช่วยด้วย...อื้ออออ!!!” ยังไม่ทันได้ตะโกนออกไปริมฝีปากสวยก็ถูกปิดด้วยปากของพ่อเลี้ยงปัฐทวีโดยไม่ทันให้ทัศได้ตั้งตัว การจูบครั้งนี้ของปัฐทวีมันเต็มไปด้วยความวาบหวามจนรู้สึกมวนท้องไปหมด ลิ้นร้อนของปัฐทวีเข้าไปซอกซอนหาความหวานทั่วโพรงปากจนกระพุ้งแก้มเจ็บไปหมด มือหยาบที่โอบเอวเผลอไผลเลือนลงมาลูบไล้บริเวณเอวคอดตัววี ทำให้ทัศผวาเฮือกยกมือขึ้นทุบหัวไหล่หนา ทว่ามันก็ไม่ได้ผลเขาจึงจำเป็นต้องกัดริมฝีปากของพ่อเลี้ยงปัฐให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ “โอ๊ย!!! นี่นายกล้ากัดฉันเลยเหรอ” ทัศหายใจหอบลึกโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่กลับยกมือง้างเตรียมจะตบอีกฝ่าย “เอาสิ! ถ้านายตบฉันจูบ” เพียะ!!! เสียงฝ่ามือปะทะเข้ากับใบหน้าเจ้าของห้องจนเกิดเสียงดังไปทั่ว ปัฐทวีก็รับรู้ได้ทันทีว่าที่มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมาจากแรงตบ “อยากเป็นนางเอกในละครน้ำเน่ามากใช่ไหม ชอบนักใช่ไหมไอ้บทตบจูบเนี่ย ได้...เดี๋ยวฉันจัดให้” “คุณปัฐ... ผมไม่... อื้ออออ” ไม่รอให้อีกฝ่ายขัดขืน ปัฐทวีก็โน้มใบหน้าลงใบบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันเป็นการจูบที่เต็มไปด้วยความโกรธและความหื่นกระหาย ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาอีกครั้ง ฟันแข็งแรงขบกัดไปตามเนื้อหนังตราแสดงความเป็นเจ้าของจนเกิดรอยซ้ำไปทั่วซอกคอและหัวไหล่ ทัศส่งเสียงครางในลำคอด้วยความหวาดกลัว แต่ปัฐทวีก็ไม่ได้สนใจหรือเห็นใจผู้ถูกกระทำเลยสักนิด “คุณปัฐ... ปล่อยผมเถอะ...” น้ำเสียงของทัศขาดห้วงเมื่อปัฐทวีใช้มือเข้าไปบดขยี้ยอดอกชูชันภายใต้เสื้อตัวบาง ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนลงมายังแกนกลางที่คับแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้กางเกงยืดตัวบาง มือใหญ่หยอกล้อแกนกายของทัศ พร้อมกับอีกมือที่รวบแขนทั้งสองของทัศให้ไพล่หลังเอาไว้ แล้วออกแรงชักแท่งร้อนขึ้นลง จนทัศเผลอครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มัจจุราชกัดเบา ๆ ที่ติ่งหูนิ่มแล้วกระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบา “นี่คือโทษฐานที่นายกล้าลองดีกับฉัน” ทว่าเมื่อปัฐทวีผละใบหน้าออกมาจากหู เขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เมื่อแสงจันทร์จากกระจกสาดส่องมาที่ใบหน้าสวย และได้เห็นว่าดวงตากลมของทัศนั้นแดงก่ำราวกับกำลังจะหลั่งเลือด และจมูกโด่งรั้นก็แดงคล้ายคนร้องไห้อีกด้วย ริมฝีปากอวบอิ่มบวมเจ่อสั่นระริก แขนเรียวที่เขาถูกรวบเอาไว้ก็ดูไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน พอปัฐทวียื่นหน้าเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงพึมพำที่ออกมาจากปาก เป็นข้อความซ้ำ ๆ “ผมเกลียดคุณ ผมเกลียด... คุณ เกลียด เกลียดคุณ” “ทัศ... ทัศ” ปัฐทวีพยายามเอ่ยเรียกสติ “ทัศฉันแค่ล้อเล่น ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายจริง ๆ ได้ยินฉันไหมทัศ” พ่อเลี้ยงปัฐทวีทอดถอนหายใจยาวเหยียด แววตาที่เคยแข็งกร้าวก็อ่อนลง ก่อนจะดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามาโอบกอดเอาไว้ และในวินาทีเดียวนั้นเองทัศก็เริ่มสะอื้นไห้ตัวโยน น้ำตาที่ถูกกักเก็บเอาไว้หลั่งไหลออกมาไม่หยุด “เงียบซะ ฉันไม่ทำอะไรนายแล้ว” “เลว คุณมันเลวที่สุด” ทัศก่นด่า ทั้งยังซุกใบหน้าเข้าหาความอบอุ่นจากคนที่เขาเกลียดที่สุด คล้ายเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่นจากแม่ “นายอ่อนแอจริง ๆ หรือมันเป็นแค่มารยากันแน่” ในยามสายของวัน ขณะที่ทัศกำลังแกะสลักแตงกวาลูกยาวอย่างแช่มช้าและประณีต ปลายมีดเล็กค่อย ๆ กรีดไปตามเนื้อผิวเขียว ตัดเป็นกลีบคล้ายดอกบัวที่กำลังแย้มรับแสงแดด “น้องทัศกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ?” เสียงทุ้มอ่อนโยนของพ่อเลี้ยงอัคราดังขึ้นจากด้านหลัง ทัศจึงเงยหน้าขึ้นจากงานในมือแล้วรีบหันไปมองก็พบเข้ากับชายหนุ่มในชุดม่อฮ่อมสะอาดสะอ้านยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง “อ้าวพ่อเลี้ยงอัคราสวัสดีครับ ผมกำลังแกะสลักผักอยู่ครับ” เขาว่าพลางวางมีดปลายแหลมลงบนถาด พ่อเลี้ยงยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วย่อตัวนั่งลงเคียงข้าง ดวงตาของเขามองทอดไปยังแตงกวาที่ถูกสลักลายละเอียดบรรจง “โห...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าน้องทัศมีฝีมือถึงขนาดนี้ หายากนะที่ผู้ชายจะทำอะไรแบบนี้ได้” “ผมชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ นับจากนั้นผมก็เรียนการทำอาหารมาตลอดเลย” “โห! เก่งมากเลย ถ้าให้พี่ไปทำอาหารแบบน้องทัศนะรับรองว่าครัวไหม้แน่นอน” พ่อเลี้ยงอัคราหัวเราะเบา ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหลังคออย่างยอมรับความจริงด้วยท่าทีขี้เล่น “เอาไว้ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวผมจะทำผลไม้แกะสลักไปฝากพี่นะครับ” “น้องทัศพูดแล้วนะ” ทัศพยักหน้าน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้ม “ครับพี่” ดวงตาคมของพ่อเลี้ยงไล่มองจากมือเรียวขึ้นมาที่ต้นคอขาวที่มีรอยแดงประจักษ์ชัด จนอัคราเกิดความสงสัย “ทัศไปโดนตัวอะไรกัดมาหรือเปล่า ทำไมมันแดงช้ำจนน่ากลัวแบบนั้นล่ะ?” ได้ยินอย่างนั้นทัศก็ยกมือขึ้นมาปิดรอยสีกุหลาบนั้นทันที ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก “เออ... ผม... โดนแมลงกัดครับ! มันคันมาก ผมก็เลยเกา” “งั้นเหรอ ไว้เดี๋ยวตอนเย็นพี่แวะเอายามาให้นะ” “ขอบคุณมาก ๆ นะครับ” อะแฮ่ม!!! จู่ ๆ ก็มีเสียงกระแอมกระไอดังมาจากบนบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ทั้งสองต้องหันไปมองที่ต้นเสียงทันที “ไอ้ปัฐกูเอากาแฟมาฝากมึงเยอะเลย อยู่ข้างนอกอ่ะ” พ่อเลี้ยงอัคราเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “ขอบใจมึงมาก ว่าแต่มึงคุยอะไรกับ...คนใช้! ของกูวะ?” “เรื่องอาหารอ่ะดิ ดูดิโคตรเก่ง แกะสลักเป็นดอกไม้ได้ด้วย” อัคราเอ่ยชมแล้วชี้ไปที่ถาด “ก็งั้น ๆ หาได้ทั่วไป” นั่นทำให้พ่อเลี้ยงอัคราเริ่มหมดความอดทน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเคร่งขึ้นมาในทันตา “เออ! กูไม่คุยกับมึงล่ะ กูกลับไร่ดีกว่าเห็นหน้ามึงแล้วอารมณ์เสีย!” อัครากัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ “พี่ไปก่อนนะ อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ แล้วไว้เดี๋ยวตอนเย็นพี่แวะเอายามาให้” “ครับพ่อเลี้ยง” เมื่อเสียงฝีเท้าของพ่อเลี้ยงอัคราหายลับไปจากลานบ้าน ความเงียบงันก็ค่อย ๆ คลี่ตัวลงมาปกคลุมเรือนอีกครั้ง เจ้าของบ้านก็เดินลงมาจากบันไดมาหาทัศ ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังยกมีดแหลมขึ้นมาแกะสลักผักในถาดอีกครั้ง “เก่งจังเลยนะที่เล่นละครตบตาเพื่อนฉัน จนเพื่อนฉันเชื่อสนิทใจว่านายเป็นคนดี” ทัศไม่เงยหน้าขึ้นมอง ไม่แม้แต่ที่จะตอบโต้อะไรกลับไป ทว่ามือที่เคยจับมีดหลวม ๆ บัดนี้นิ้วเรียวกลับกระชับด้ามมีดด้วยแรงที่มากกว่าปกติ “ที่นายทำไปก็แค่อยากจะเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองใช่ไหม? คิดว่าถ้าหย่ากับฉันแล้ว เพื่อนฉันจะเอานายไปเสวยสุขที่ไร่งั้นเหรอ อย่าฝันหวานเกินไปให้มากเลย!!!” “มีแต่คนจิตใจต่ำ! เท่านั้นแหละครับ ที่คิดเรื่องแบบนี้ได้” “เพราะฉันมองนายทะลุปรุโปร่งต่างหาก แล้วอย่าให้ฉันเห็นนายไปอ่อยเพื่อนของฉันอีกล่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD