“ฉันเป็นคนนอนดิ้นมาก นายนอนพื้นไปก็แล้วกัน”
“แล้วพวกฟูกกับผ้าห่มล่ะครับ อยู่ตรงไหน?” ทัศเอ่ยถามปัฐทวีพลางมองไปทั่วทั้งห้อง
“ไม่มี แต่ฉันแบ่งหมอนให้นายได้นะ”
“คุณจะให้ผมนอนพื้นเย็น ๆ เนี่ยนะ จิตใจทำด้วยอะไร”
“ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าฉันมันเป็นคนไม่มีหัวใจ แล้วจะมาเรียกร้องอะไรกับฉันไม่ทราบ”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปเจอและรับรู้อะไรมาบ้าง แต่ผมไม่ใช่เขาคนนั้นของคุณ เพราะฉะนั้นคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาปฏิบัติแบบนี้กับผม”
ปัฐทวีขมวดคิ้วและหันมามองทัศด้วยแววตาที่ไม่พอใจ “นายไปรู้อะไรมา? แส่ไม่เข้าเรื่อง!”
“ผมก็ไม่อยากจะแส่เรื่องของคุณหรอกนะคุณปัฐ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของคุณ...”
“อย่ามาอ้างแม่ของฉันหน่อยเลย นายจงใจอยากจะรู้เรื่องของฉันมากกว่า ทำไม? อยากอัพค่าตัวเหรอ?”
“หยาบคาย! ถ้าไม่ติดว่าแม่คุณยังอยู่ที่บ้านหลังนี้นะ ผมต่อยหน้าคุณไปแล้ว!”
ปัฐทวียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขามองทัศด้วยความสะใจ ที่ตนเองสามารถทำให้อีกฝ่ายโมโหได้ถึงขนาดนี้ “ฉันก็ไม่อยากต่อปากต่อคำกับนายแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ ถ้านายอยากนอนก่อนก็เชิญ”
ปัฐทวีพูดทิ้งท้ายแล้วเดินไปยังห้องน้ำโดยไม่หันมามองทัศอีก ทิ้งให้ทัศแตะต่อยอากาศด้วยความโมโหอยู่อย่างนั้น
“ไอ้ยักษ์เอ้ย!!!”
ไม่นานนัก ปัฐทวีก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่คาดผ้าขนหนูไว้ที่เอวเพียงตัวเดียว ผิวกายสีแทนของเขาชุ่มไปด้วยหยดน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากเส้นผม ความชุ่มชื้นของผิวหนังเปลือยเปล่าทำให้ทัศไม่สามารถละสายตาจากร่างนั้นได้ จนกระทั่งคนที่โดนจ้องต้องเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนพื้น
“หิวผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ทัศขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะขยับปากที่จะเถียง “บ้า! ใครจะไปหิวผู้ชายอย่างคุณลง จะอ้วก!!!”
“ใช่สิ ฉันไม่ใช่ไอ้ชู้รักของนายนิ”
“ห้ามพูดถึงพี่ดอนแบบนั้น เขาไม่ได้เป็นชู้แล้วก็ไม่ได้ทำเรื่องต่ำทรามพันนั้นอย่างที่คุณพูด”
“แล้วที่มันบุกมาหาเมียชาวบ้านวันนั้นล่ะ”
“ผมไม่ใช่เมียคุณ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นชู้กับพี่ดอนด้วย” ว่าแล้วทัศก็ฟาดหมอนไปที่ปัฐทวีด้วยความโมโห
“แล้วอยากจะลองเป็นเมียฉันดูไหมล่ะ รับรองว่านายจะติดใจจนลืมไอ้ตำรวจนั่นแน่นอน”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้รักคุณ แล้วผมก็จะไม่ยอมเป็นเมียของคุณด้วย”
“ตามใจ” พูดจบปัฐทวีก็กระตุกผ้าขนหนูที่คาดเอวออก จนแกนกายใหญ่ประจักษ์อยู่ต่อหน้าของทัศพอดี จนทัศต้องยกหมอนขึ้นมาปิดตาด้วยความตกใจ
“ไอ้คนบ้า! ไอ้คนลามก! ไอ้คนโรคจิต! ไอ้คนทุเรศ! ไอ้คนไม่มียางอาย!”
“นี่!!! คิดว่าตัวเองเป็นสาวน้อยเหรอ เราก็มีเหมือนกันจะอายทำไม?” ปัฐทวีพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากอย่างไม่แยแสก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้ามาใส่จนเสร็จสรรพ แล้วมานั่งลงที่บนเตียง
“เลิกปิดได้แล้ว แล้วก็ลุกขึ้นไปปิดไฟให้ฉันด้วย”
ทัศค่อย ๆ ลดหมอนที่บังใบหน้าออก ก่อนจะหรี่ตาขึ้นมองปัฐทวีที่นั่งอยู่บนเตียงในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาว เมื่อเห็นอย่างนั้นทัศก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ค่อยยังชั่ว...” คนที่นั่งอยู่บนพื้นบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟ
แต่แล้ว ปัฐทวีที่นั่งอยู่บนเตียงกลับยิ้มมุมปากคล้ายคิดอะไรออก ก่อนจะย่องตัวออกจากเตียงอย่างไปทางด้านหลังอย่างเงียบ ๆ เมื่อไฟถูกดับลง
แฮร่!!!
เห๊ย!!!
ทัศตกใจจนแทบจะสูญเสียการทรงตัว ความตกใจทำให้เขาลืมตัวไปและในชั่วขณะนั้นเอง ร่างของเขาก็ผวาไปกอดปัฐทวีอย่างไม่รู้ตัว
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของปัฐทวีที่ดังก้องไปทั้งห้อง มันก็ทำให้ทัศรู้ได้ทันทีแล้วว่าตนเองถูกปัฐทวีแกล้งเข้าให้แล้ว แขนเรียวที่กอดคอแกร่งเริ่มคลายออกอย่างช้า ๆ ดวงตากลมที่เริ่มปรับเข้ากับความมืดได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ยังคงยิ้มอย่างสนุกสนานและดูมีความพึงพอใจที่ได้แกล้งเขา
“คุณปัฐ!!!”
ทัศพยายามจะผละออกจากร่างแกร่ง ทว่าปัฐทวีกับโอบเอวบางของทัศเอาไว้แน่นจนร่างของทัศแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ทัศรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบหยุดหมุนลงไปชั่วขณะ
…ไม่สิ ทำไมเราต้องใจเต้นแรงกับไอ้คนใจยักษ์นี่ด้วย
ใบหน้าของทัศเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อยเพราะความใกล้ชิด พร้อมกับเสียงหายใจของทั้งสองดังขึ้นในความมืดอย่างชัดเจน
“ใจเต้นแรงไปหน่อยนะ...” ปัฐทวีพูดเบา ๆ ใกล้หูของทัศ ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจที่ได้เห็นทัศตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา พร้อมกับทัศเองก็พยายามขยับตัว แต่มือของปัฐทวียิ่งกระชับรอบเอวของเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ปล่อยผมนะคุณปัฐ!!!”
“แล้วถ้าฉันไม่ปล่อยล่ะ?”
“ผม...ผมจะ...ร้องให้คนช่วย”
“ที่นี่มันเป็นบ้านของฉัน ใครมันจะมาช่วยนายได้ ดีไม่ดีคนเขาก็อาจจะคิดว่าเรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ก็ได้”
“แต่แม่ของคุณอยู่ที่นี่เขาต้องมาช่วยผมแน่”
“งั้นก็ลองเรียกดูสิ”
“ช่วยด้วย...อื้ออออ!!!” ยังไม่ทันได้ตะโกนออกไปริมฝีปากสวยก็ถูกปิดด้วยปากของพ่อเลี้ยงปัฐทวีโดยไม่ทันให้ทัศได้ตั้งตัว การจูบครั้งนี้ของปัฐทวีมันเต็มไปด้วยความวาบหวามจนรู้สึกมวนท้องไปหมด
ลิ้นร้อนของปัฐทวีเข้าไปซอกซอนหาความหวานทั่วโพรงปากจนกระพุ้งแก้มเจ็บไปหมด มือหยาบที่โอบเอวเผลอไผลเลือนลงมาลูบไล้บริเวณเอวคอดตัววี ทำให้ทัศผวาเฮือกยกมือขึ้นทุบหัวไหล่หนา ทว่ามันก็ไม่ได้ผลเขาจึงจำเป็นต้องกัดริมฝีปากของพ่อเลี้ยงปัฐให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โอ๊ย!!! นี่นายกล้ากัดฉันเลยเหรอ”
ทัศหายใจหอบลึกโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่กลับยกมือง้างเตรียมจะตบอีกฝ่าย
“เอาสิ! ถ้านายตบฉันจูบ”
เพียะ!!!
เสียงฝ่ามือปะทะเข้ากับใบหน้าเจ้าของห้องจนเกิดเสียงดังไปทั่ว ปัฐทวีก็รับรู้ได้ทันทีว่าที่มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมาจากแรงตบ “อยากเป็นนางเอกในละครน้ำเน่ามากใช่ไหม ชอบนักใช่ไหมไอ้บทตบจูบเนี่ย ได้...เดี๋ยวฉันจัดให้”
“คุณปัฐ... ผมไม่... อื้ออออ” ไม่รอให้อีกฝ่ายขัดขืน ปัฐทวีก็โน้มใบหน้าลงใบบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันเป็นการจูบที่เต็มไปด้วยความโกรธและความหื่นกระหาย ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาอีกครั้ง
ฟันแข็งแรงขบกัดไปตามเนื้อหนังตราแสดงความเป็นเจ้าของจนเกิดรอยซ้ำไปทั่วซอกคอและหัวไหล่ ทัศส่งเสียงครางในลำคอด้วยความหวาดกลัว แต่ปัฐทวีก็ไม่ได้สนใจหรือเห็นใจผู้ถูกกระทำเลยสักนิด
“คุณปัฐ... ปล่อยผมเถอะ...” น้ำเสียงของทัศขาดห้วงเมื่อปัฐทวีใช้มือเข้าไปบดขยี้ยอดอกชูชันภายใต้เสื้อตัวบาง ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนลงมายังแกนกลางที่คับแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้กางเกงยืดตัวบาง
มือใหญ่หยอกล้อแกนกายของทัศ พร้อมกับอีกมือที่รวบแขนทั้งสองของทัศให้ไพล่หลังเอาไว้ แล้วออกแรงชักแท่งร้อนขึ้นลง จนทัศเผลอครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้
มัจจุราชกัดเบา ๆ ที่ติ่งหูนิ่มแล้วกระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบา “นี่คือโทษฐานที่นายกล้าลองดีกับฉัน”
ทว่าเมื่อปัฐทวีผละใบหน้าออกมาจากหู เขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เมื่อแสงจันทร์จากกระจกสาดส่องมาที่ใบหน้าสวย และได้เห็นว่าดวงตากลมของทัศนั้นแดงก่ำราวกับกำลังจะหลั่งเลือด และจมูกโด่งรั้นก็แดงคล้ายคนร้องไห้อีกด้วย
ริมฝีปากอวบอิ่มบวมเจ่อสั่นระริก แขนเรียวที่เขาถูกรวบเอาไว้ก็ดูไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน พอปัฐทวียื่นหน้าเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงพึมพำที่ออกมาจากปาก เป็นข้อความซ้ำ ๆ
“ผมเกลียดคุณ ผมเกลียด... คุณ เกลียด เกลียดคุณ”
“ทัศ... ทัศ” ปัฐทวีพยายามเอ่ยเรียกสติ “ทัศฉันแค่ล้อเล่น ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายจริง ๆ ได้ยินฉันไหมทัศ”
พ่อเลี้ยงปัฐทวีทอดถอนหายใจยาวเหยียด แววตาที่เคยแข็งกร้าวก็อ่อนลง ก่อนจะดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามาโอบกอดเอาไว้ และในวินาทีเดียวนั้นเองทัศก็เริ่มสะอื้นไห้ตัวโยน น้ำตาที่ถูกกักเก็บเอาไว้หลั่งไหลออกมาไม่หยุด
“เงียบซะ ฉันไม่ทำอะไรนายแล้ว”
“เลว คุณมันเลวที่สุด” ทัศก่นด่า ทั้งยังซุกใบหน้าเข้าหาความอบอุ่นจากคนที่เขาเกลียดที่สุด คล้ายเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่นจากแม่
“นายอ่อนแอจริง ๆ หรือมันเป็นแค่มารยากันแน่”
ในยามสายของวัน ขณะที่ทัศกำลังแกะสลักแตงกวาลูกยาวอย่างแช่มช้าและประณีต ปลายมีดเล็กค่อย ๆ กรีดไปตามเนื้อผิวเขียว ตัดเป็นกลีบคล้ายดอกบัวที่กำลังแย้มรับแสงแดด
“น้องทัศกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ?”
เสียงทุ้มอ่อนโยนของพ่อเลี้ยงอัคราดังขึ้นจากด้านหลัง ทัศจึงเงยหน้าขึ้นจากงานในมือแล้วรีบหันไปมองก็พบเข้ากับชายหนุ่มในชุดม่อฮ่อมสะอาดสะอ้านยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง
“อ้าวพ่อเลี้ยงอัคราสวัสดีครับ ผมกำลังแกะสลักผักอยู่ครับ” เขาว่าพลางวางมีดปลายแหลมลงบนถาด
พ่อเลี้ยงยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วย่อตัวนั่งลงเคียงข้าง ดวงตาของเขามองทอดไปยังแตงกวาที่ถูกสลักลายละเอียดบรรจง “โห...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าน้องทัศมีฝีมือถึงขนาดนี้ หายากนะที่ผู้ชายจะทำอะไรแบบนี้ได้”
“ผมชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ นับจากนั้นผมก็เรียนการทำอาหารมาตลอดเลย”
“โห! เก่งมากเลย ถ้าให้พี่ไปทำอาหารแบบน้องทัศนะรับรองว่าครัวไหม้แน่นอน” พ่อเลี้ยงอัคราหัวเราะเบา ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหลังคออย่างยอมรับความจริงด้วยท่าทีขี้เล่น
“เอาไว้ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวผมจะทำผลไม้แกะสลักไปฝากพี่นะครับ”
“น้องทัศพูดแล้วนะ”
ทัศพยักหน้าน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้ม “ครับพี่”
ดวงตาคมของพ่อเลี้ยงไล่มองจากมือเรียวขึ้นมาที่ต้นคอขาวที่มีรอยแดงประจักษ์ชัด จนอัคราเกิดความสงสัย “ทัศไปโดนตัวอะไรกัดมาหรือเปล่า ทำไมมันแดงช้ำจนน่ากลัวแบบนั้นล่ะ?”
ได้ยินอย่างนั้นทัศก็ยกมือขึ้นมาปิดรอยสีกุหลาบนั้นทันที ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก “เออ... ผม... โดนแมลงกัดครับ! มันคันมาก ผมก็เลยเกา”
“งั้นเหรอ ไว้เดี๋ยวตอนเย็นพี่แวะเอายามาให้นะ”
“ขอบคุณมาก ๆ นะครับ”
อะแฮ่ม!!!
จู่ ๆ ก็มีเสียงกระแอมกระไอดังมาจากบนบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ทั้งสองต้องหันไปมองที่ต้นเสียงทันที
“ไอ้ปัฐกูเอากาแฟมาฝากมึงเยอะเลย อยู่ข้างนอกอ่ะ” พ่อเลี้ยงอัคราเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสนิทสนม
“ขอบใจมึงมาก ว่าแต่มึงคุยอะไรกับ...คนใช้! ของกูวะ?”
“เรื่องอาหารอ่ะดิ ดูดิโคตรเก่ง แกะสลักเป็นดอกไม้ได้ด้วย” อัคราเอ่ยชมแล้วชี้ไปที่ถาด
“ก็งั้น ๆ หาได้ทั่วไป”
นั่นทำให้พ่อเลี้ยงอัคราเริ่มหมดความอดทน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเคร่งขึ้นมาในทันตา “เออ! กูไม่คุยกับมึงล่ะ กูกลับไร่ดีกว่าเห็นหน้ามึงแล้วอารมณ์เสีย!”
อัครากัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ “พี่ไปก่อนนะ อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ แล้วไว้เดี๋ยวตอนเย็นพี่แวะเอายามาให้”
“ครับพ่อเลี้ยง”
เมื่อเสียงฝีเท้าของพ่อเลี้ยงอัคราหายลับไปจากลานบ้าน ความเงียบงันก็ค่อย ๆ คลี่ตัวลงมาปกคลุมเรือนอีกครั้ง
เจ้าของบ้านก็เดินลงมาจากบันไดมาหาทัศ ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังยกมีดแหลมขึ้นมาแกะสลักผักในถาดอีกครั้ง
“เก่งจังเลยนะที่เล่นละครตบตาเพื่อนฉัน จนเพื่อนฉันเชื่อสนิทใจว่านายเป็นคนดี”
ทัศไม่เงยหน้าขึ้นมอง ไม่แม้แต่ที่จะตอบโต้อะไรกลับไป ทว่ามือที่เคยจับมีดหลวม ๆ บัดนี้นิ้วเรียวกลับกระชับด้ามมีดด้วยแรงที่มากกว่าปกติ
“ที่นายทำไปก็แค่อยากจะเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองใช่ไหม? คิดว่าถ้าหย่ากับฉันแล้ว เพื่อนฉันจะเอานายไปเสวยสุขที่ไร่งั้นเหรอ อย่าฝันหวานเกินไปให้มากเลย!!!”
“มีแต่คนจิตใจต่ำ! เท่านั้นแหละครับ ที่คิดเรื่องแบบนี้ได้”
“เพราะฉันมองนายทะลุปรุโปร่งต่างหาก แล้วอย่าให้ฉันเห็นนายไปอ่อยเพื่อนของฉันอีกล่ะ”