ปัฐทวีและทัศเดินเข้ามาในบ้านใหญ่พร้อมกันด้วยท่าทางรักใคร่กลมเกลียวราวกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน หากแต่ใครเล่าจะล่วงรู้ได้ ว่าเบื้องหลังแววตาอ่อนโยนกับรอยยิ้มละไมเหล่านั้นมีไฟที่พร้อมจะแผดเผากันได้ทุกเมื่อ
เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในห้องรับแขกของบ้าน ทัศก็เห็นแม่ของปัฐทวีที่นั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งด้วยท่าทางที่ดูสงบอยู่บนโซฟา โดยที่บริเวณรอบตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยหนังสือเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ
“แม่ครับ...ทัศมาแล้ว”
สิ้นเสียงของปัฐทวีนายแม่คำจันทร์ก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือด้วยรอยยิ้ม
”ทัศ นี่นายแม่คำจันทร์ ท่านเป็นแม่ของฉันเอง”
“สวัสดีครับนายแม่ ผมทัศนะครับ”
“สวัสดีจ้ะทัศ หน้าตาน่ารักดีนะเนี่ยเหมาะสมกับเจ้าปัฐของแม่มากเลย” แม่คำจันทร์กล่าวเสียงอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มให้ทัศ “มาให้แม่ดูใกล้ ๆ หน่อยสิจ๊ะ”
ธารันต์ยืนนิ่งไปครู่หนึ่งมองแม่ของปัฐทวีด้วยความฉงนระคนตระหนก เพราะตอนแรกเขาคิดว่าสตรีสูงวัยตรงหน้าคงจะไม่ชอบเขาแน่ ๆ ที่เขาเป็นผู้ชาย...ไม่ใช่ผู้หญิง
ทว่า…ทุกสิ่งที่เห็นกลับตรงกันข้ามกับความกลัวนั้น
ปัฐทวีที่เห็นทัศยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งจึงได้โน้มหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเนียน “นายยืนรอใครมาตัดริบบิ้นไม่ทราบ รีบเข้าไปหาแม่ของฉันสิ”
“ครับ” ทัศสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะทรุดกายลงนั่งข้าง ๆ ผู้เป็นแม่ของปัฐทวี
“แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้ร่วมงานแต่งของทัศ”
“ไม่เป็นไรเลยครับนายแม่”
“ไม่เอาสิ เรียกแม่ว่าแม่เถอะ มานายมงนายแม่อะไรกัน”
“ครับคุณแม่”
“ดีมาก” คำจันทร์คว้ามือเรียวเอามากุมไว้แน่นพลางลูบไปมา “แล้วเป็นยังไงบ้างจ๊ะ? มาอยู่ที่นี่สบายดีไหม? เจ้าปัฐของแม่ดูแลทัศดีหรือเปล่า?
เมื่อได้ยินคำถามทัศก็ตวัดสายตาหันไปมองปัฐทวีด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ก่อนจะกัดฟันตอบออกไป “ดีมากครับ เขาดูแลผมอย่างกับผมไม่ใช่คน”
“ยังไงนะจ๊ะ?”
ทัศหันกลับมามองนายแม่คำจันทร์ “เขาดูแลผมเหมือนเป็นเทวดาดอยคนหนึ่งเลยครับนายแม่”
“แม่ว่าแล้วเชียว เพราะหน้าตาและท่าทางของทัศตรงสเปคเจ้าปัฐของแม่มาก รู้ไหมว่าเจ้าปัฐของแม่เนี่ยชอบ...”
“แม่!!!” พ่อเลี้ยงพูดขัดผู้เป็นแม่เสียงดัง ก่อนที่เธอจะพูดอะไรให้เขาขายหน้าไปมากกว่านี้
“อะไร? ออกไปเลยนะฉันจะคุยกับลูกสะใภ้ของฉัน”
“แม่!!! แต่ผมเป็นลูกชายแท้ ๆ ของแม่นะ”
“แล้วไง ฉันบอกให้ออกไปไง!” นายแม่คำจันทร์ตวัดมือไล่ลูกชายของเธอด้วยความรำคาญ
“ก็ได้ครับ แต่ผมขอคุยกับทัศแป๊บหนึ่ง” ว่าแล้วพ่อเลี้ยงปัฐทวีก็เดินเข้าไปจับแขนของอีกฝ่ายให้ออกมาจากห้องรับแขก ก่อนจะดันแผ่นหลังของทัศให้ติดกำแพง แล้วใช้มือท้าวไว้ข้าง ๆ ตัวทัศไม่ให้ขยับไปไหน
“อะไรของคุณอีก?”
“อย่าไปฟังในสิ่งที่แม่ของฉันพูด เพราะนั่นมันคืออดีต และฉันก็จะไม่มีวันรักคนอย่างนาย”
“เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว เพราะคนไม่มีหัวใจอย่างคุณมันรักใครไม่เป็นหรอก”
ได้ยินอย่างนั้นมือหนาของเจ้าของบ้านก็ยกขึ้นบีบคอของทัศแล้วออกแรงให้มากขึ้น จนใบหน้าสวยเริ่มแดงระเรื่อคล้ายคนจะขาดอากาศหายใจ “ฉันทนกับนายมามากพอแล้วนะ ฉันไม่ใช่คนที่นายจะมาชี้นิ้วด่าฉันได้จำเอาไว้”
มือของทัศตีไปที่แขนของปัฐทวีด้วยแรงที่เหลืออยู่เมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ สายตาของเขาจ้องไปที่ปัฐทวีด้วยความเกลียดชัง ขณะที่มือยังคงทุบแขนแกร่งซ้ำ ๆ จนในที่สุดปัฐทวีที่กำลังมองทัศด้วยสายตาเย็นชา ก็ยอมคลายมือที่บีบคอทัศออก
“เฮือก!!!” ทัศโกยอากาศเข้าปอดราวกับปลาที่ขาดน้ำ
“จำเอาไว้ว่านายคือสมบัติที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะจัดการนายได้ทุกเมื่อ ถ้าฉันต้องการ”
ทัศยืนนิ่ง โดยที่ร่างกายยังสั่นจากความหวาดกลัว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปัฐทวีที่กำลังยกมือชี้หน้า ทัศที่พยายามขยับปากเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ทำได้แค่ยืนเงียบ
“อย่าพูดมาก แล้วก็ไสหัวไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว ต่อจากนี้นายต้องเล่นละครตบตาแม่ของฉันที่นี่ ไม่ต้องออกไปทำงานที่ไร่ถ้าฉันไม่ได้สั่ง!!!” พ่อเลี้ยงสั่งก่อนจะหันหลังและเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
“คุณแม่ครับ ผมว่าผมนอนที่ห้องนี้ดีกว่านะครับ” ทัศพยายามขัดขืนขณะนายแม่คำจันทร์กำลังเก็บเสื้อผ้าของเขาใส่กระเป๋า เพื่อให้ย้ายไปนอนในห้องของปัฐทวีลูกชายของเธอ
“ไม่ได้ ทัศเป็นนายใหญ่ของบ้านโสวราการณ์แล้ว จะให้นอนในห้องแม่บ้านอย่างนี้ได้ยังไง คอยดูนะถ้าเจ้าปัฐกลับมาแม่จะตีให้ตายเลย ไอ้ลูกไม่รักดี!!!”
“ทัศอยากมานอนที่นี่เองครับ มันไม่เกี่ยวกับคุณปัฐเลย”
“แต่งงานมาสี่เดือนเกือบจะห้าเดือนอยู่แล้ว จะมานอนแยกห้องแบบนี้ได้ยังไง บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะทัศ ว่าเจ้าปัฐปฏิบัติยังไงกับทัศกันแน่?”
“ทัศยอมบอกแม่ก็ได้ครับ” ทัศสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกไป “อันที่จริงทัศกับคุณปัฐ...เราเข้ากันไม่ได้เลยครับ เราอยู่ด้วยกันตามสัญญาโดยที่ไม่มีความรักต่อกันเลยสักนิด ทัศต้องขอโทษที่ทำให้คุณแม่ผิดหวังนะครับ แต่ผมจำเป็นต้องพูดจริง ๆ ”
“แต่ก็เหลือเวลาอีกตั้งหกเจ็ดเดือนไม่ใช่เหรอจ๊ะ แม่ว่าทัศอย่าเพิ่งตัดสินใจไปก่อนเลย หรือว่าเป็นเพราะเจ้าปัฐลูกแม่ที่ปฏิบัติต่อทัศไม่ดี...ใช่ไหม?”
...ใช่! ลูกของคุณแม่ปฏิบัติต่อผมไม่ดีสุด ๆ ไปเลย เขาไม่เคยเห็นผมเป็นคนด้วยซ้ำ
“เปล่าครับ เขาเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง เขาไม่เคยดุหรือด่าอะไรผมเลย” เขาไม่สามารถพูดความจริงทั้งหมดออกไปได้ เพราะหากเธอรู้ว่าลูกชายที่แสนดีในสายตาของเธอเป็นคนเช่นไร เธอคงจะผิดหวังและเสียใจมาก
“เขาไม่ได้ทำร้ายอะไรทัศจริง ๆ ใช่ไหม?”
“ครับ”
“ทัศรู้ไหมว่าเมื่อก่อนเจ้าปัฐของแม่ก็เคยมีความรักมาก่อนนะ เขาคนนั้นมีท่าทางและรอยยิ้มเหมือนกับทัศเปี้ยบเลย”
“เหรอครับ ทัศไม่เห็นจะเคยรู้เลยว่าเขาเหมือนทัศ”
...นี่สินะสาเหตุที่ทำให้ปัฐทวีเกลียดเราตั้งแต่แรกเห็น
“เจ้าปัฐคงไม่เคยบอกทัศสินะ”
“ครับ” ทัศพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ “แล้วคุณแม่ไม่รังเกียจเหรอครับที่คุณปัฐแต่งงานกับผู้ชายอย่างผม”
“เมื่อก่อนแม่ก็ยอมรับไม่ได้หรอกนะที่เจ้าปัฐชอบผู้ชาย แต่พอนาน ๆ ไปแม่ได้เห็นเขามีความสุขกับคนที่เขารักแม่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นรอยยิ้มที่เคยระบายอยู่บนใบหน้าก็จางหายไป
“แม่เลี้ยงปัฐมา แม่ก็หวังอยากจะเห็นรอยยิ้มของเขาไปตลอด แต่เขาคนนั้นกลับมาขโมยเอารอยยิ้มลูกชายของแม่ไป แม่ก็รู้สึกเจ็บ เจ็บมาก เจ็บจนแม่อยากจะฆ่าไอ้คนที่มันพรากรอยยิ้มของปัฐไปซะให้รู้แล้วรู้รอด”
“แม่ครับ...” ทัศทนเห็นน้ำตาของคนเป็นแม่ที่ไหลอาบแก้มทั้งสองไม่ได้ เขาจึงเข้าไปสวมกอดนายแม่คำจันทร์เพื่อปลอบประโลม “เรื่องมันผ่านไปแล้ว คุณแม่อย่าเสียน้ำตาเพื่อเขาคนนั้นเลยนะครับ”
“แต่แม่ก็มีความหวังนะ ว่าทัศจะเป็นคนนำพารอยยิ้มนั้นกลับมาให้แม่อีกครั้ง เอาลูกชายคนเดิมของแม่กลับคืนมา”
เมื่อทัศได้รับฟังสิ่งที่นายแม่คำจันทร์พรรณนาออกมา มันก็ทำให้เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าทำไมปัฐทวีจึงกลายเป็นมัจจุราชไร้หัวใจและหยาบกระด้างได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งมันไม่ได้เป็นเพราะเขาเหมือนผู้ชายคนนั้นแค่อย่างเดียว
อย่างที่หลาย ๆ คนว่ากันว่ารสรักนั้นอันตรายยิ่งกว่ายาพิษ ที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนคนหนึ่งได้ ดูท่าว่ามันจะจริงเอาเสียแล้ว
“ครับคุณแม่ ทัศจะพยายามนะครับ”
อะแฮ่ม!!!
เสียงกระแอมกระไอดังมาจากหน้าประตูห้องนอนของทัศ ทำให้ทั้งสองต้องหันไปดู ก็พบว่าเป็นพ่อเลี้ยงปัฐทวีที่ยืนมองเขาทั้งสองกำลังกอดกันด้วยความรักใคร่กลมเกลียว
“มาก็ดีแล้วฉันขอด่าแกสักหน่อยเถอะ แกเป็นสามีประสาอะไรถึงปล่อยให้ลูกสะใภ้ของฉันมานอนในห้องแม่บ้านแบบนี้ ใครสั่งใครสอนมา คอยดูเถอะฉันจะให้แกมานอนในห้องนี้แทน”
“เขาฟ้องอะไรแม่?”
“ทัศไม่ได้ฟ้องอะไรทั้งนั้น ฉันรับรู้และเห็นมันด้วยตาของฉันเอง” เธอตะคอกออกมาเสียงดัง
“คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ” ทัศกล่าวพร้อมลูบไหล่แม่ของพ่อเลี้ยงปัฐทวีไปมา เพื่อให้เธอได้ใจเย็นลงบ้าง
“ฉันถือว่าทัศขอหรอกนะ!”
“แล้วแม่จะเก็บกระเป๋าทัศไปไหน?” ผู้เป็นลูกเอ่ยถามด้วยความสงสัย ที่เห็นกระเป๋าทัศกองอยู่บนเตียง
“ไปที่ห้องแกไง”
“ห๊าาา แม่ว่ายังไงนะ?”
“ฉันจะให้ทัศไปนอนห้องเดียวกับแก”
“ไม่ได้นะแม่ ผมต้องการความเป็นส่วนตัว”
“แต่ฉันเป็นแม่ของแก เป็นแม่นายของที่นี่ ฉันมีสิทธิ์ที่จะให้ทัศนอนห้องเดียวกันกับแก จำเอาไว้ให้ขึ้นใจด้วย!!!” เธอกล่าวก่อนจะยกกระเป๋าของทัศแล้วเดินออกไปยังห้องของลูกชายที่อยู่ด้านบนทันที
“แม่!!!”
“อย่าขัดใจท่านเลยครับคุณปัฐ แค่นี้ท่านก็เสียใจมามากพอแล้ว ไว้วันไหนท่านกลับไปแล้วผมก็จะกลับมานอนในห้องนี้เหมือนเดิมทันที”
“อย่าให้ฉันรู้นะว่านายไปพูดหรือนินทาอะไรกับแม่ของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันเอานายตายแน่” พูดจบพ่อเลี้ยงก็เดินตามแม่ของตนขึ้นไปบนห้องทันที
“เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูกจริง ๆ ไอ้เรื่องการใช้อำนาจเนี่ย”