“ป้อเลี้ยงเจ้า ป้อเลี้ยงจะหื้อป้าเตรียมผ้านุ่งแบบใดหื้อเจ้า?” ป้าแม่บ้านเอ่ยถามผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักงาม พร้อมเลือกผ้าแพรราคาแพงไปพลาง
“แบบไหนก็ได้ ขอแค่ให้เหมาะสมกับงานก็พอ”
“แล้วของคุณทัศล่ะเจ้า จะหื้อป้าเตรียมไว้ให้ด้วยไหม?”
คำถามนี้ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความอึมครึมขึ้นมาทันที ดวงตาของพ่อเลี้ยงหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและเต็มไปด้วยความเย็นชา “ไม่ต้อง คนงานใส่ชุดอะไรก็ให้เขาใส่ชุดนั้นไป”
“เจ้าป้อเลี้ยง”
“โอ๊ยย! ทำไมจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะเนี่ย!!!”
เสียงบ่นของทัศดังขึ้นในห้องน้ำ ขณะนั่งยอง ๆ ขัดพื้นห้องน้ำอย่างขะมักเขม้น แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจาก
ด้านหลัง ทำให้ทัศต้องหยุดการกระทำของตนเองแล้วลุกหันไปมองในทันที
“พี่ดอน!!!”
ชู่ววววว
นายตำรวจหนุ่มยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก เพื่อส่งสัญญาณให้ทัศเงียบ ดอนที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีท่าทางระมัดระวังอย่างมาก ดวงตาของเขาไม่เพียงแค่จับจ้องไปที่ทัศ แต่ยังคอยสอดส่องมองไปรอบ ๆ เพื่อระวังไม่ให้ใครมาเห็นเข้า
ทัศที่ยังคงตกอยู่ในอาการตกใจจากการที่เห็นคนรักมายืนอยู่ต่อหน้า ทำให้เผลอทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือจนเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ “พี่ดอน...พี่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงครับ?”
“พี่แอบเข้ามา พี่แค่อยากจะมาดูว่าชีวิตหลังจากการแต่งงานของทัศเป็นยังไง แล้วพี่ก็ได้เห็นมันจริง ๆ ” ดวงตาคมทอดมองคนรักตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสาร และทั้งแค้นพ่อเลี้ยงปัฐ ที่ทำให้ทัศต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
...และถ้าเป็นเขา เขาจะไม่ยอมให้ทัศต้องทำอะไรแบบนี้อย่างเด็ดขาด
“ทัศ...” ทัศพยายามรวบรวมสติ เขารู้ดีว่าหากพ่อเลี้ยงปัฐรู้เรื่องนี้เข้า ทุกอย่างคงจะไม่จบลงง่าย ๆ เป็นแน่
เสียงพูดคุยที่กำลังดังเข้ามาทำให้ทัศจำเป็นต้องคว้าแขนของนายตำรวจให้เข้ามาหลบอยู่ในห้องน้ำที่ตนทำความสะอาดอยู่ ก่อนที่เขาจะปิดประตูอย่างรวดเร็ว “ห้ามส่งเสียงอะไรออกมาเด็ดขาดนะครับ”
“ย๊ะเสร็จหรือยังเจ้าอ้ายทัศ?” แสงดาวเอ่ยถามคนที่อยู่ด้านในห้องน้ำ
“ยะ...ยังเลย”
แสงเดือนเดินเข้ามาใกล้ประตูห้องน้ำและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง “หื้อหมู่เฮาจ๋วยก๋า?”
“ไม่ต้อง ๆ พี่ทำเอง แสงดาวกับแสงจันทร์มีอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องห่วงนะ”
“จะอั้นหมู่เฮาปิ๊กเฮือนก่อนเน้อเจ้า”
“โอเค ถ้าพี่ทำเสร็จ พี่จะรีบตามไป”
พูดจบทัศก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ในห้องน้ำ รอคอยให้เสียงฝีเท้านั้นค่อย ๆ ห่างออกไป เมื่อรับรู้ว่าทั้งคู่ได้กลับออกไปแล้ว ทัศก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
แต่แล้วจู่ ๆ ดอนก็กอดทัศเอาไว้จากด้านหลังด้วยความคะนึงหา จนทัศรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดผ่านผิวหนัง “พี่ดอนปล่อยทัศเถอะครับ ทัศแต่งงานแล้ว”
“นี่คือสภาพของคนที่เพิ่งแต่งงานเหรอทัศ”
ทัศกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ขณะที่คิดหาคำพูดโกหกเพื่อปกปิดความจริงที่แท้จริงเอาไว้ “เขาไม่ได้เป็นคนบังคับให้ทัศต้องทำงานพวกนี้สักกระหน่อย ทัศอยากทำของทัศเอง” “พี่รู้ไหมว่าเขาไม่ยอมให้ทัศต้องทำอะไรเลยนะ ทัศเลยต้องแอบออกมาทำเองแบบนี้ยังไงล่ะ”
“ทัศคิดว่าพี่โง่เหรอ พี่รู้จักทัศมาหลายสิบปี ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าทัศกำลังโกหก”
คำพูดของดอนเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่กรีดลงบนใจของทัศ พร้อมกับความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจอย่างเจ็บปวด ทัศหลุบตามองพื้น มือที่กำอยู่ก็เริ่มสั่นเล็กน้อย เมื่อเขารู้ว่าคำโกหกที่พูดออกไปนั้นมันไม่สามารถหลอกดอนได้เลย
“พี่เป็นผู้รักษากฎหมายไม่ใช่เหรอครับ การที่พี่ทำแบบนี้มันจะดูไม่ดี แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรู้...หน้าที่การงานที่พี่รักก็จะจบ จนไม่เหลือชิ้นดี ทางที่ดีพี่อย่าเอามันมาแลกกับผมเลยครับ” ทัศว่าก่อนจะแกะมือหนาที่กอดเขาเอาไว้ออก ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“บนโลกใบนี้ ยังมีคนที่ดีกว่าทัศอีกเยอะนะครับ”
“แต่สำหรับพี่...ทัศคือคนที่ดีที่สุดในโลก”
“ทัศว่าพี่อย่ามาเสียเวลากับทัศเลยครับ แล้วถ้าพี่อยากให้ทัศสบายใจ และไม่เดือดร้อนไปมากกว่านี้ พี่ก็รีบออกไปซะ”
“แต่...”
“พี่ดอนอยากเห็นทัศต้องลำบากเพราะพี่เหรอครับ?”
“โอเค พี่ไปก็ได้” มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน “แต่ถ้าวันไหนทัศต้องการที่พึ่ง ให้นึกถึงพี่นะ”
“ขอบคุณครับพี่ดอน แต่ทัศว่ามันคงไม่มีวันนั้นหรอก” พูดจบทัศก็เบือนหน้าหนีสัมผัสที่เขาโหยหา สัมผัสที่อบอุ่นหัวใจ สัมผัสที่เขารู้ว่าจะไม่มีวันได้รับมันอีก...
ดอนพยักหน้าเล็กน้อย ปล่อยให้น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาน้ำตาที่ทัศไม่ค่อยได้เห็นมันบ่อยมากนัก เพราะพี่ดอนของเขาเป็นคนที่เข้มแข็งเสมอ ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวใด ๆ ดอนก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่ในตอนนี้...ดอนกลับแสดงมันออกมา
รอยน้ำตานั้นมันทำให้ทัศอยากจะเข้าไปโอบกอดอีกฝ่ายแทบใจจะขาด แต่เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว เขาควรใจแข็งให้มากพอเพื่อทำให้ดอนตัดใจจากเขาและไปพบเจอกับคนที่ดี คนที่สามารถยืนเคียงข้างและไม่ทำให้ดอนต้องเสียน้ำตา
“ทัศว่าพี่ควรออกไปจากไร่นี้ได้แล้ว ก่อนที่คุณปัฐจะมาเห็นเข้า” ทัศเอ่ยก่อนที่เขาจะหันไปเปิดประตูห้องน้ำออกทันที เพื่อหวังจะให้ดอนออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออกทัศกลับพบเข้ากับพ่อเลี้ยงอัครา ที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ
“พ่อเลี้ยง!” ทัศอุทานออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงยืนอยู่ตรงหน้า
“เข้าไปทำอะไรกันในนั้น?”
“มันไม่มีอะไรทั้งนั้นนะครับพ่อเลี้ยง เราแค่มาคุยธุระส่วนตัวกันเฉย ๆ ”
“ธุระของคนที่รักกันใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะครับพ่อเลี้ยง เขาเป็นพี่ที่ผมรู้จักก็เท่านั้น”
“พี่ได้ยินหมดแล้ว ไม่ต้องปิดบังกันหรอก” พ่อเลี้ยงอัคว่าด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ “มันก็เป็นเรื่องปกติของคนรักกัน”
“มันไม่ใช่อย่างที่พ่อเลี้ยงคิดจริง ๆ นะครับ” ทัศกล่าวก่อนจะยื่นมือไปจับมือของอีกฝ่ายเพื่ออยากจะขอร้อง “พ่อเลี้ยงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อเลี้ยงปัฐนะครับ ไม่งั้นพวกเราแย่แน่”
“แล้วทำไมพี่จะบอกไม่ได้ล่ะ? มีอะไรหรือเปล่า”
“คือ...”
“ไอ้อัคมึงมาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้วะ?”
ปัฐทวีเอ่ยถามขณะผ่านมาสังเกตการณ์คู่สมรสของตน แล้วเมื่อเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก็พบเข้ากับนายตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ในห้องน้ำกับทัศ ซึ่งพ่อเลี้ยงปัฐทวีรู้ดีว่าชายคนนั้นเคยเป็นคนรักเก่าของทัศมาก่อน
“แล้วไอ้นั่นมันเข้ามาในไร่ของฉันได้ยังไง!” ไม่รอช้าเจ้าของบ้านก็ปรี่เข้าไปหาดอนด้วยท่าทีโกรธเคือง อัคราที่เห็นท่าไม่ดีจึงได้เข้าไปห้ามเพื่อนสนิทของตนเอาไว้
“ไอ้ปัฐใจเย็นก่อนเว๊ย!”
“กูไม่เย็น มันกล้ามาเหยียบถึงถิ่นกู กล้ามายุ่งกับของของกู กูต้องจัดการดิมันวะ”
“เขามากับกูเอง!” พ่อเลี้ยงอัคราจำเป็นต้องโกหกออกไปเพื่อไม่ให้เหตุการณ์มันบานปลายไปมากกว่านี้ “กูเป็นคนพาเขาเข้ามาที่นี่เองเว๊ย ใช่ไหมน้องทัศ บอกไอ้ปัฐไปสิ!”
“ผมมาสืบคดีแถว ๆ นี้ มันไม่มีอะไรทั้งนั้น” ยังไม่ทันที่ทัศจะได้ตอบคำถาม ดอนก็เอ่ยสวนขึ้นมาเสียก่อน
“มึงโกหก มึงทำงานอยู่ที่กรุงเทพไม่ใช่เหรอ จะมาสืบคดีในพื้นที่นี้ได้ยังไง!”
“ผมว่าพ่อเลี้ยงตกข่าวแล้วแหละ ผมย้ายมาประจำการที่นี่ได้เป็นอาทิตย์แล้วไม่รู้เหรอครับ? ผมก็คิดว่าพ่อเลี้ยงจะรู้ไปซะทุกเรื่องในพื้นที่ ก็เลยไม่ได้บอก”
ได้ยินอย่างนั้นทัศก็หันขวับไปมองอดีตคนรักเก่าของตนทันที “จริงเหรอครับพี่ดอน?”
ดอนยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “จริงสิครับ พี่จะโกหกทำไม”
“เออ! ใช่! มึงต้องการตำรวจฝีมือดีอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ไงกูพามาแล้ว” พ่อเลี้ยงอัคราโกหกต่อเมื่อได้โอกาส
“ตำรวจฝีมือดี?” คิ้วหนาเลิกขึ้นพร้อมริมฝีปากของเขาที่กระตุกยิ้มเล็กน้อยอย่างสบประมาท “กูว่าไม่ใช่เหรอมั้ง ตำรวจฝีมือดีที่ไหนกันจะปล่อยให้ของรักของหวงมันไปอยู่ในมือของคนอื่นได้ง่าย ๆ ”
“งั้นผมก็ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยนะครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี ผมพันตำรวจตรีอาทิตย์ คำกันวรางค์ ขอฝากเนื้อฝากตัวกับพ่อเลี้ยงด้วยนะครับ เผื่อว่าวันหนึ่งผมจะได้มาตามหาของล้ำค่าแถว ๆ นี้ของผมคืน”
“เชิญนายไปฝากเนื้อฝากตัวที่อื่นนู้น ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
“ไอ้ปัฐ!!!” อัคราที่ยืนข้าง ๆ เริ่มอารมณ์เสีย เขาตวาดไปที่เพื่อนของตนอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันไปมองดอนที่ยังคงยืนยิ้ม เหมือนกำลังทดสอบขีดความโกรธของปัฐทวี
“ไอ้อัคมึงพามันมาทางไหน มึงก็พามันกลับไปทางนั้นเลยนะเว๊ย ก่อนที่กูจะเอาลูกซองออกมาไล่มันออกไป!”
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเริ่มจะไม่ดี ทัศจึงรีบเดินเข้าไปจับมือที่กำลังชี้ไปที่ดอนลง “พ่อเลี้ยงปัฐครับ ผมว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่านะครับ”
เจ้าของบ้านเบนสายตามายังคู่สมรสของตน ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากราวกับรู้ดีว่าตนถือไพ่เหนือกว่านายตำรวจหนุ่ม จากนั้นก็โอบเอวบางเอาไว้แน่นแล้วดึงร่างของทัศให้แนบชิดตัวเองมากขึ้น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน
“คุณตำรวจคิดว่าการที่คนคนหนึ่งมายุ่งกับสมบัติของคนอื่น ผลที่ตามมามันจะคืออะไร?” ปัฐทวีตวัดหันไปมองดอน ก่อนจะเอ่ยขึ้นตอบคำถามนั้นเอง “มันก็คือความตายยังไงล่ะ”