“ไอ้ปัฐมึงไปไหนมาวะ แล้วหมายความว่ายังไงที่ซื้อมาแพง?” พ่อเลี้ยงอัคราเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็คนงานมีฝีมือ ก็ต้องใช้เงินซื้อมาแพงหน่อย...ใช่ไหม?”
ทัศพยักหน้าพร้อมแสยะยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหันไปตั้งคำถามกับพ่อเลี้ยงอัครา ราวกับจะพยายามกวนประสาทพ่อเลี้ยงปัฐทวีจอมเผด็จการ “แล้วพ่อเลี้ยงอัครารู้ไหมครับ ว่าผมมีหน้าที่ทำอะไรในไร่?”
“ไม่รู้ครับ”
“ทุกอย่างที่อยู่ในไร่นี้ ตั้งแต่ช่วยทำกับข้าวเช้า เย็น เก็บชาในไร่ ทำความสะอาด ไม่เสร็จห้ามพัก ดูท่าว่าฝีมือของผมเนี่ยจะถูกใจพ่อเลี้ยงปัฐมากเลย พ่อเลี้ยงอัคราว่าไหมครับ?”
ได้ยินอย่างนั้น ก็ทำเอาพ่อเลี้ยงอัคราต้องตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปต่อว่าเพื่อนสนิทของตน “ไอ้ปัฐมึงบ้าป่ะเนี่ย!!! คนนะเว๊ยไม่ใช่เครื่องจักร ถ้ามึงใช้งานน้องทัศแบบนั้นจริง ๆ คอยดูเถอะกูจะไปแจ้งกรมแรงงาน”
“น้องทัศเหรอ? นี่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่?” พ่อเลี้ยงปัฐทวีตั้งคำถามกับเพื่อนสนิทของตน ที่เรียกชื่อคู่สมรสของเขาว่าน้องทัศ อีกทั้งสายตาที่มองก็ยังหยาดเยิ้มราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า
“ตอนนี้ยังไม่สนิทหรอก แต่อีกสักหน่อยก็สนิท จริงไหมครับน้องทัศ?”
“จริงครับ คนอย่างพ่อเลี้ยงเนี่ยน่าคบหาเป็นมิตรมากกว่าใครบางคนแถวนี้ซะอีก” ทัศตอบพร้อมปรายตามองไปยังปัฐทวี ก่อนจะเอ่ยต่อ “เชิญพ่อเลี้ยงคุยกันได้ตามสบายเลยนะครับ นี่ก็เย็นแล้วผมมีงานต้องทำ เดี๋ยวผมโดนคนแถวนี้เขาด่าเอา”
“เดี๋ยวสิครับน้องทัศ พี่ยังไม่ได้...” ยังไม่ทันที่พ่อเลี้ยงปัฐจะพูดจบ ทัศก็เดินเข้าไปในตัวบ้านเสียแล้ว “ไอ้ปัฐ กูว่ากูชอบน้องทัศเข้าให้แล้วว่ะ”
“มึงอย่าไปหลงกลหน้าซื่อ ๆ แบบนั้นเชียว คนแบบนั้นมันไม่หวังอะไรนอกจากเงินของมึง!”
เมื่อได้ยินคำเตือน อัคราก็ยิ้มขำ ๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่แคร์ “กูไม่กลัว เพราะกูมีเงินให้เขาหลอกได้ทั้งชีวิต”
“กูขอห้ามมึงเลยนะ ว่าต่อจากนี้ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้อีก” พ่อเลี้ยงปัฐเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง
พ่อเลี้ยงอัคราหรี่ตามองเพื่อนสนิท ก่อนจะยิ้มเยาะและพูดกระเซ้าเย้าแหย่อีกฝ่าย “ทำไมวะ? มึงหวงไว้แดกเองเหรอ”
พ่อเลี้ยงปัฐสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วปฏิญาณตนอย่างหนักแน่น “ดูปากกูเอาไว้เลยนะ ว่ากูไม่มีวันที่จะพิศวาสคนแบบนั้นลง ต่อให้เขามายืนแก้ผ้าต่อหน้ากู หรือจะเป็นจะตายยังไง...กูก็จะไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว”
“เห๊ย จริงจังเกินไปป่าวไอ้ปัฐ กูแค่ถามเล่น ๆ เอง” เขาเอ่ยพร้อมมองไปที่เพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง “กูว่ามึงควรเลิกอคติกับทุกคนบนโลกสักทีเถอะวะ น้องทัศก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเป็นเหมือนเขาคนนั้นเลยนะ แล้วอีกอย่างน้องทัศก็ไม่ได้จะมาเป็นเมียมึงนิ”
“มึงเจอเขาแค่ไม่กี่นาที มึงตัดสินได้แล้วเหรอ แล้วถึงเขาจะเป็นเมียกูหรือไม่ได้เป็น มึงก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับคนของกู...จำเอาไว้ด้วยไอ้อัค!”
ด้วยความอารมณ์เสียทำให้พ่อเลี้ยงปัฐเผลอพูดใส่อารมณ์กับเพื่อนของตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามทัศเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้พ่อเลี้ยงอัคราต้องงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไหน...ลองแกะสลักบะเต้า บะเขือผ่อย บะแต๋ง บะฟักหม่น บะฟักแก้ว ให้ฉันดูซิ”
ทัศมองผักมากมายที่อยู่บนโต๊ะด้วยความงงเล็กน้อยกับสิ่งที่ป้ามาลาพูด ก่อนจะถามออกไป “ที่ป้าพูดมันหมายถึงทั้งหมดนี้เลยเหรอครับ?”
“แม่น ทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่ที่นี่ยากนะ เพราะที่นี่เขาทำแต่อาหารชาววังกันทั้งนั้น” ป้ามาลาเอ่ยขึ้น พร้อมกับสายตาของเหล่าแม่บ้านที่จ้องมาที่ธารันต์อย่างคาดหวัง
“เฮาต้องย๊ะจะอี้ตั้งแต่เมื่อได๋เจ้า” แสงเดือนพูดขึ้นด้วยความสงสัย เพราะปกติเธอจะเห็นพ่อเลี้ยงกินกับข้าวแบบปกติทั่วไป ไม่เคยที่จะให้แกะสลักอะไรแบบนี้ให้มันสิ้นเปลืองเวลา
“ไปดีปาก! สักกำบ๋อ!” ป้ามาลาตวาดใส่แสงเดือนเสียงดัง ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังนั่งเลือกผักขึ้นมาทีล่ะชิ้น และกำลังจะเริ่มแกะสลักแตงกวาที่อยู่ในมือ
“ย๊ะดี ๆ เน้ออ้าย จะไปพั่งเน้อ” แสงเดือนเอ่ยเตือน
ถึงจะไม่เข้าใจในความหมายสักเท่าไหร่ แต่ทัศก็เลือกที่จะหันมายิ้มให้กับเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างหลัง แล้วหันกลับมาโฟกัสที่แตงกวาในมือ เขาแกะชั้นของผิวแตงกวาออกอย่างประณีต จนลายดอกไม้ที่เริ่มปรากฏขึ้นบนผิวแตงกวากำลังเป็นรูปร่าง ประจักรแด่ผู้ชมที่คาดหวังในผลงาน
ไม่นานนัก ผักทุกชนิดที่ทัศหยิบขึ้นมาล้วนถูกมือเรียวที่ชำนาญของเขาแกะสลักจนกลายเป็นรูปเป็นร่างที่สวยงาม จนป้ามาลาและแม่บ้านคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่รอบข้างต่างก็เบิกตากว้างและตกตะลึงไปกับความงามของผลงาน
“งามแต๊งามว่า เกิดมาเปิ้นบ่าเคยหันอะหยังจะอี้เลย” เด็กสาวเอ่ยด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำที่แสงเดือนพูด
“อะหยังกันปะล่ำปะเหลือ แยกย้ายกันไปย๊ะการย๊ะงานกันได้แล้ว” มาลาตวาดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทั้งหมดต่างพากันสะดุ้งและรีบหันหลังเดินออกไปทำงานของตัวเอง แต่ก็ยังคงมองกลับมาที่ผลงานของทัศอยู่ไม่ห่าง
ริมฝีปากสวยยกยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะหันไปถามป้าแม่บ้านอาวุโส “พอใช้ได้ไหมครับคุณป้า มันพอจะสู้อาหารชาววังของที่นี่ได้ไหมครับ?”
“ก็งั้น ๆ แหละ ไป! ไปจ๋วยงานคนอื่นต่อ ทางนี้เดี๋ยวฉันทำเอง” มาลาเอ่ยไล่เด็กหนุ่มจากเมืองกรุงด้วยความหมั่นไส้
“ครับคุณป้า...มีอะไรก็เรียกใช้ได้ตลอดนะครับ”
“ย่ะ!!!”
ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง อาหารหลากหลายรสชาติและสีสันที่ปรุงเสร็จ ถูกจัดเตรียมอย่างประณีตลงในภาชนะที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงามของทัศ พร้อมเสิร์ฟให้พ่อเลี้ยงปัฐทวีได้รับประทานเป็นอาหารเย็น
แม่บ้านสาวสองสามคนต่างทยอยยกอาหารออกไปตั้งไว้ที่โต๊ะใหญ่ตรงกลางห้องอาหารด้วยความระมัดระวัง ไม่กล้าที่จะทำให้อาหารที่แกะสลักนั้นเสียหายไปแม้แต่น้อย
ไม่นานนัก ปัฐทวีก็เดินมาถึงโต๊ะที่จัดเตรียมอาหารไว้ สายตาของเขาก็ไปสะดุดกับการแกะสลักที่ดูวิจิตรบรรจงอย่างไม่น่าเชื่อ อาหารทุกจานล้วนเต็มไปด้วยลวดลายที่ประณีต ราวกับงานศิลปะที่ไม่เพียงแต่สร้างความสวยงามให้กับอาหาร แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดในทุก ๆ ชิ้น
“โห...ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าป้าจะมีฝีมือขนาดนี้ อย่างกับโตมาในรั้วในวัง” พ่อเลี้ยงปัฐทวีเอ่ยชมป้าแม่บ้าน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ “นี่แกะสลักเองหมดเลยเหรอ?”
“แม่นเจ้า...”
“หมะใจ๊เจ้าป้อเลี้ยง” แสงเดือนเอ่ยขึ้น แล้วเธอก็ชี้ไปยังทัศที่กำลังเช็ดแจกันอยู่ในห้องรับแขก “อ้ายทัศเปิ้นเป็นคนย๊ะทั้งหมดเจ้า”
“ป้า!!!”
“ขอสุมาเน้อเจ้าป้อเลี้ยง...ป้า...”
“ป้าให้คนแบบนั้นมาแตะของกินของฉันได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่ามันสกปก” พูดจบพ่อเลี้ยงก็เทอาหารบนโต๊ะลงบนพื้น ต่อด้วยการปาผักที่แกะสลักด้วยความโมโห จนเหล่าแม่บ้านตกใจกันเป็นแถบ ๆ “ต่อจากนี้ห้ามให้เขามาแตะของกินของใช้ส่วนตัวของผมอีก ไม่อย่างนั้นทุกคนที่นี่ได้เดือดร้อนแน่!”
“เจ้า...” ทุกคนตอบรับคำสั่งของพ่อเลี้ยง
ทัศมองภาพที่ปัฐทวีได้กระทำลงไปด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจงเกลียดจงชังกันถึงขนาดนี้? ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจหรือทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกไม่ดีเลยสักครั้ง แต่ทำไมเขากลับถูกพ่อเลี้ยงเกลียดชังอย่างไร้เหตุผลแบบนี้
เสียงนกร้องในยามเช้าตรู่ที่ดัง เป็นสัญญาณว่าได้เข้าสู่วันใหม่แล้ว หัวใจของทัศเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่คิดถึงใบหน้าเย็นชาและท่าทีไม่เป็นมิตรของพ่อเลี้ยงปัฐทวี และเมื่อรู้ว่าตนต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนาน จนกว่าจะครบสัญญามันก็ยิ่งทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับมัจจุราชตัวนั้นอีก
ทัศถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนแข็ง ๆ แล้วไปทำกิจวัตรประจำวันของตนให้เสร็จก่อนจะถึงเวลาเริ่มงาน
“ป้าครับ วันนี้จะให้ผมทำอะไรครับ?”
“ไปจัดโต๊ะ ล้างผัก ล้างจาน เอาขยะไปทิ้ง เสร็จแล้วก็ไปทำงานในไร่ เดี๋ยวที่เหลือฉันจะทำเอง”
“ครับ” ทัศพยักหน้า ก่อนจะเดินไปทำงานตามคำสั่งของป้ามาลา จนเวลาล่วงเลยมาถึงเวลาแปดโมงเช้า เวลาที่เขาจะต้องเข้าไปทำงานในไร่ ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา
“คนงานใหม่ก๋า? ตั๋วจื้ออ่าหยัง?” หนึ่งในคนงานที่ทำงานอยู่เอ่ยถามบุคคลที่ไม่คุ้นหน้า
“ใช่ครับ ผมชื่อทัศนะครับ เพิ่งมาเมื่อวาน” ทัศแนะนำตัว
“ก๊ะ? บ่าหันเหมือนคนงานเลยเน้อ” คนงานว่าพลางมองทัศตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยผิวพรรณที่ขาวสะอาดและหน้าตาที่เกลี้ยงเกลา ทำให้อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“คือ...มันเป็นงานแรกของผมน่ะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ทัศเอ่ยพลางก้มหัวให้คนงานวัยกลางคนเล็กน้อย
“ถ้าอ้ายหน้าตาจ๊ะอี้หนา อ้ายไปเป็นดาราแล้ว บ่ามาย๊ะงานหื้ออิดจ๊ะอี้เลาะ” คนงานเอ่ยชม พร้อมกับคนงานคนอื่น ๆ ที่ทำสีหน้าเหมือนจะเห็นด้วยกับสิ่งที่คนงานตรงหน้าของทัศพูด
“คนแบบนี้มันก็เป็นได้แค่ปลาในโคลนตมเท่านั้นแหละ ไม่มีวันที่จะบินไปสูงได้กว่านี้หรอก!”
ทัศหันขวับไปยังผู้พูดทันที และเขาก็รับรู้ได้ว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงใครอื่นไกล “พ่อเลี้ยง...”
“ฉันให้นายมาทำงาน ไม่ได้ให้นายมาพูดมากความที่นี่”
“ผมก็แค่ทักทายคนงานด้วยกัน ไม่ได้อู้งานสักกระหน่อย”
“ก็ฉันเห็นอยู่ว่านายอู้!!!”
ทัศถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “งั้นก็แล้วแต่พ่อเลี้ยงจะคิดเถอะครับ”
ว่าแล้วร่างสูงก็หันกลับไปทำงานตรงหน้าต่อ แต่ยังไม่ทันที่ทัศจะได้ทำอะไร ปัฐทวีก็เอ่ยคำสั่งออกมาเสียงดังต่อหน้าคนงานทั้งหมด “วันนี้จะมีปุ๋ยมาลงที่ไร่ แต่ทุกคนไม่ต้องขนมันไปไว้ในโกดังเอง เพราะวันนี้คนงานใหม่ของพวกเราจะเป็นคนแบกกระสอบปุ๋ยเข้าไปเก็บในโกดังคนเดียว ห้ามใครช่วยเด็ดขาด”
“คุณปัฐ!!! นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
“อย่าลืมสิว่านายคือขี้ข้าของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะใช้นายทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”