“มีอะไรก็ว่ามา” พ่อเลี้ยงปัฐทวีเอ่ยขึ้นพลางเลิกคิ้วมองตำรวจหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกัน ขณะที่อีกฝ่ายก็กำลังนั่งจ้องหน้าตนเช่นเดียวกัน
“ผมได้หลักฐานเกี่ยวกับการรุกป่าทำรีสอร์ต และลักลอบขายไม้เถื่อนของพ่อเลี้ยงอมรมาแล้ว รวมถึงคดีคนงานของคุณด้วยพ่อเลี้ยง” ดอนพูดพร้อมกับวางเอกสารสำคัญในซองสีน้ำตาลลงบนโต๊ะ “นี่คือหลักฐานทั้งหมดที่ผมได้มา ช่วยตรวจสอบดูหน่อยว่าเป็นอย่างที่พวกคุณบอกหรือเปล่า”
ได้ยินอย่างนั้น ปัฐทวีก็หยิบเอกสารที่ว่าขึ้นมาดู พร้อมกับส่งสายตาไปยังเพื่อนสนิทที่นั่งข้าง ๆ ก็พบว่ามันเป็นเอกสารการซื้อขายไม้ และการจัดสร้างรีสอร์ตกลางเขา และหลักฐานการว่าจ้างมือปืนให้มาฆ่าคนงานในไร่ของเขา
“แปลกนะ ที่นายกล้าเอาหลักฐานพวกนี้มาให้ฉันดู” ปัฐทวีพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก แต่น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็น “ไม่กลัวว่าฉันจะหักหลังนายเหรอ?”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ เพราะถ้าพ่อเลี้ยงคิดเล่นตุกติกกับเจ้าหน้าที่เมื่อไหร่ คุณกับพ่อเลี้ยงอัคราก็จะถือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดทันที และผมสามารถดำเนินการจับกุมพวกคุณตามกฎหมายได้ทุกเมื่อครับ ถ้าอยากหมดอนาคตก็ลองดูครับ”
“โถ...คุณสารวัตรใจเย็นก่อนสิครับ พวกเราทั้งสองเป็นศัตรูกับไอ้พ่อเลี้ยงอมรมานาน ไม่มีทางที่พวกผมจะหันไปช่วยมันหรอกครับ ไอ้ปัฐมันก็ปากหมาแบบนี้แหละสารวัตรอย่าเก็บมาใส่ใจเลย” อัครากล่าวพลางลูบไหล่นายตำรวจหนุ่มไปมา
“ที่ผมมาในวันนี้ ผมไม่ได้อยากมาทะเลาะกับใคร ที่ผมมาในวันนี้ก็เพราะอยากให้พวกคุณช่วยเบี่ยงเบนความสนใจพ่อเลี้ยงอมรให้ผม เพราะผมจะเข้าไปในบ้านของมันเพื่อไปเอาหลักฐานอีกชิ้นมารวบตัวมันเข้าคุกได้เลยทีเดียว”
“หลักฐานเกี่ยวกับการค้าฝ**นใช่ไหมครับสารวัตร?” พ่อเลี้ยงอัคราเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ พวกคุณพอจะช่วยผมได้ไหม?”
“ได้! อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฉันจะจัดงานวันเกิดให้แม่ของฉัน ไอ้พ่อเลี้ยงอมรมันต้องมาร่วมงานแน่” ปัฐทวีเสนอขึ้น
“ส่วนผมจะเคลียร์ทางให้สารวัตรก็แล้วกันนะครับ ผมสนิทกับคนงานแถวนี้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็จะทำให้ทางสะดวกมากขึ้น”
“โอเคครับ แล้วเจอกันวันงานทีเดียวเลยนะครับพ่อเลี้ยง”
☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆
ธารัตน์นั่งเอนหลังพิงศาลากลางไร่ชาอย่างผ่อนคลาย มองไปยังทิวทัศน์อันแสนสงบที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน ม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุมยอดเขาที่ทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า สายลมเย็นจากยอดเขาโบกพัดมาอย่างแผ่วเบา พัดพาเอากลิ่นหอมของใบชาและดินโคลนมาสัมผัสจมูก
ในขณะที่สายลมเย็นพัดผ่าน ในหัวของทัศก็พลันคิดถึงเรื่องที่ปัฐทวีพยายามจะพูดกับเขาในตอนเช้า ว่าเหตุผลที่ปัฐทวีไม่อยากหย่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่
“เพราะนายแม่งั้นเหรอ? หรือเป็นเพราะ... ไม่จริง! คนแบบนั้นจะรักใครเป็นได้ยังไง”
ในระหว่างที่ทัศกำลังนั่งเหม่อมองไปยังวิวทิวทัศน์ด้านหน้า เขากลับรู้สึกถึงเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทัศต้องหันไปมองทันที
“คุณหนูเอื้องคำ...”
เจ้าของฝีเท้า หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวสะอาดตาเดินเข้ามาในท่าทางที่ดูคล้ายจะหาเรื่อง “ใช่! ฉันเอง ไอ้ขี้ข้า!”
“คุณหนูมาที่นี่ทำไมครับ?”
“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย ฉันมีสิทธิ์ที่จะเดินไปไหนก็ได้ในไร่นี้ ไอ้ขี้ข้าอย่างแกอย่างอย่าสะเออะ!!!”
“งั้นถ้าไม่มีอะไรผมไปก่อนนะครับ” ทัศว่าก่อนจะลุกขึ้นจากศาลาเพื่อเดินออกไป ทว่าเอื้องคำก็พูดสวนขึ้นทำให้ทัศต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“หย่ากับพ่อเลี้ยงซะ แกมันไม่คู่ควรกับพ่อเลี้ยงหรอก”
“แล้วคุณหนูคู่ควรเหรอครับ?”
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเป็นผู้หญิง ฉันสามารถมีลูกให้พ่อเลี้ยงสืบสกุลได้ แต่นายทำไม่ได้”
คำพูดของหล่อนทำเอาทัศแทบสะอึกจุกอยู่ในอก มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดปูดปูน “แล้วยังไงล่ะครับ ในตอนนี้คนที่ถือทะเบียนสมรสมันคือผม คนที่ได้แต่งงานกับพ่อเลี้ยงปัฐก็คือผม คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผมให้หย่ากับพ่อเลี้ยงไม่ทราบ”
“เพราะฉันรู้จักพ่อเลี้ยงปัฐมาก่อน”
“ก็นั่นสิครับ ว่าแต่ทำไมคุณปัฐไม่ยอมแต่งงานกับคุณหนูล่ะครับ แล้วทำไมถึงมาแต่งงานกับผมที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียว”
“ก็เพราะครอบครัวของแกมันหน้าด้านหน้าหนาไง ถึงได้เอาลูกมาเร่ขายใช้หนี้”
“ใครบอกคุณ?” ทัศเอ่ยถามด้วยความตกใจ เพราะเรื่องที่บ้านอริชญย์สกุลเป็นหนี้พ่อเลี้ยงนั่น มันเป็นความลับระหว่างสองตระกูล และไม่มีคนนอกรับรู้แน่นอน
“ก็จะใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่พ่อเลี้ยงปัฐทวี” หล่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วยกแขนขึ้นมากอดอกอย่างมั่นใจ “รู้อะไรไหมว่าเราทั้งสองสนิทกันมากกว่าที่แกคิดอีกนะ”
ทัศหัวเราะออกมาในลำคอเบา ๆ ด้วยความสมเพชในตัวเอง “ถ้าคุณหนูอยากให้ผมหย่ามาก ก็ไปบอกพ่อเลี้ยงปัฐเองสิครับ ลูกหนี้อย่างผมจะมีสิทธิ์ไปขอหย่ากับเจ้าหนี้ได้ยังไง”
พูดจบทัศก็หันหลังเดินลงจากเนินที่ตั้งศาลาไปอย่างไม่แยแส ในขณะเดียวกันที่เอื้องคำกำลังยืนจ้องไปที่ทัศจากด้านหลัง ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่เก็บกดมานาน ร่างบางของเอื้องคำค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ทัศ ก่อนจะเอื้อมมือผลักอีกฝ่ายด้วยความโกรธจัด “ไปตายซะ!!!”
“เห๊ย!!!”
ด้วยแรงผลักทำให้ร่างสูงเกือบจะล้มลง แต่ในชั่ววินาทีนั้นเอง ก็มีแขนแกร่งของใครบางคนโอบเข้ามารับร่างเขาไว้ได้อย่างทันท่วงที
“ระวัง!!!”
“คุณปัฐ!!!” เสียงร้องของทัศดังลั่น เมื่อเห็นว่าเจ้าของแขนแกร่งที่ประคองร่างเขาคือปัฐทวี พอตระหนักได้ทัศก็พยายามแกะแขนที่โอบเอวเขาเอาไว้ออกทันที หวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่าย ทว่ามือหนาของพ่อเลี้ยงกลับยิ่งกระชับแน่นมากยิ่งขึ้น
“อยู่นิ่ง ๆ ถ้านายไม่อยากตกลงไปตายข้างล่าง”
เมื่อทัศหันไปดูด้านหลังของตน ความรู้สึกสั่นสะท้านก็แผ่ซ่านไปทั่วสันหลัง หากปัฐทวีไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเขาเอาไว้ได้ทันท่วงที ทัศเองก็ไม่อาจคิดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“เอื้องไม่ได้ทำนะคะ!!! มันล้มลงไปเอง” เอื้องคำโบกมือปัดเป่าความผิดรีบปฏิเสธความผิดอย่างร้อนรน แม้ว่าผลของการกระทำของเธอจะชัดเจนขนาดไหนก็ตาม
ปัฐทวีตวัดสายตาไปมองเชิงตำหนิ ดั่งการคาดโทษอย่างเด็ดขาด “พี่ไม่ได้ตาบอดนะเอื้อง พี่เห็นทุกอย่างที่เอื้องทำทั้งหมด ถ้าเอื้องยังทำนิสัยแบบนี้ในไร่ของพี่ พี่ก็จะไม่ไว้หน้าเอื้องอีก”
“นี่พี่ปัฐแคร์มันมากกว่าเอื้องเหรอคะ!”
“ใช่!!!”
คำตอบของชายที่เธอรักทำเอาเธอแทบกระอัก ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ พร้อมกับดวงตาเบิกกว้างคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส
“ที่เอื้องทำดีกับพี่...พี่ไม่เคยเห็นมันเลยเหรอคะ ทำไมพี่ไม่เลือกเอื้อง ทั้ง ๆ ที่เอื้องมีทุกอย่างพร้อมมากกว่ามันซะอีก!!!”
“พี่ว่าเอื้องกลับไปเถอะ ก่อนที่พี่จะให้คนงานมาลากเอื้องออกไป” ปัฐทวีตัดบท ก่อนจะคลายแขนที่รัดเอวบางออก “ส่วนนายมากับฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
พูดจบปัฐทวีก็ลากทัศให้ไปกับตน โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองหญิงสาวที่สะอื้นไห้อยู่ด้านหลังเลยสักนิด
“นี่คุณปัฐปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!!!” ทัศพยายามจะสะบัดแขนของตนออกจากมือหนา พร้อมกับอีกมือที่ตีแขนแกร่งไม่ยั้ง
โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย!
ปัฐทวียอมปล่อยแขนของอีกฝ่ายเพราะแรงตีจากมือของทัศ “เห็นฉันเป็นกลองหรือไง ตีอยู่ได้!”
“แล้วใครใช้ให้คุณมาลากผมเป็นหมูเป็นหมาแบบนี้ล่ะ ผมเจ็บนะรู้ไหม” ทัศว่าพลางลูบข้อมือของตนด้วยความเจ็บ
“สำออย... คิดว่าตัวเองเป็นสาวน้อยร่างบางหรือไง”
ทัศถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเต็มที ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณลากผมมามีเรื่องอะไร?”
“เรื่องหย่า”
“ทำไมครับ?”
“ถ้านายเพิ่มระยะเวลาออกไปอีกสักปีแล้วค่อยหย่า ฉันจะให้ทั้งบ้านทั้งรถรวมถึงหุ้นในไร่นี้ด้วย ฉันจะให้นายกับพ่อเอาไปนอนกินแบบไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้เงินมาใช้”
“เพื่ออะไรครับ?”
“เพื่อ...” ปัฐทวีไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร
“เพื่อให้ผมเป็นนกในกรงของคุณต่อไปใช่ไหม? และถ้าผมรับข้อเสนอของคุณ มันก็แปลว่าผมเห็นแก่เงินอย่างที่คุณว่า แล้วคุณก็จะใช้ข้ออ้างนี้มากดขี่ผมอีกใช่ไหมครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี”
“นี่นายมองฉันเป็นตัวอะไร ถึงได้คิดว่าฉันจะมีความคิดอะไรแบบนั้นออกมาจากสมองได้”
“ก็มัจจุราชไง มัจจุราชที่ไร้ความเมตตา มัจจุราชที่เห็นชีวิตที่ลำบากของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก มัจจุราชที่ไร้หัวใจยิ่งกว่าก้อนหินที่ไม่มีชีวิต มัจจุราชที่เกลียดผมกิ้งกือไส้เดือนเสียอีก”
“ฉันไม่ได้เกลียดนายถึงขนาดนั้นหรอกนะทัศ” ปัฐทวีพึมพำออกมาเสียงเบา จนยากที่อีกฝ่ายจะได้ยิน
“ผมอยากจะขออะไรคุณอีกอย่างได้ไหมพ่อเลี้ยงปัฐทวี”
“ว่ามาสิ”
“เรื่องที่ครอบครัวผมให้ผมมาแต่งงานเพื่อใช้หนี้ คุณจะด่าคุณจะทรมานผมยังไงก็ได้ แต่ช่วยกรุณาอย่าเอาไปพูดให้คนอื่นได้ยินได้ไหมครับ”
“นายเห็นฉันเป็นคนปากสว่างขนาดนั้นเลยหรือไง! คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่คนที่ฉันรักเท่านั้น”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าพ่อเลี้ยงจะรักใครเป็นด้วย”
“ใช่ ฉันก็เพิ่งรู้ตัวไม่นานนี้หรอก...”