บทที่ 7/2 ความรู้สึกไม่ใช่ของเล่น

1861 Words
บนโต๊ะอาหารไม้สักตัวยาว ที่มีแม่นายคำจันทร์นั่งอยู่หัวโต๊ะและมีปัฐทวีกับดอนนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน โดยที่อีกฝั่งมีทัศนั่งอยู่ วันนี้ถือเป็นมื้ออาหารที่ดูอบอุ่นที่สุดของแม่นายคำจันทร์ “กินเยอะ ๆ นะคะคุณตำรวจมื้อนี้แม่กับทัศลงมือทำสุดฝีมือเลยนะคะ” เธอเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหาร “ครับ ผมเชื่อในฝีมือของทัศ...กับคุณหญิงอยู่แล้วครับ” เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย “ว่าแต่คุณตำรวจกับทัศ เคยรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ?” “สองคนนี้เคยสนิทสนมกันมากกว่าที่แม่คิดอีกนะครับ” ปัฐทวีชิงเอ่ยตอบก่อนเสียงแข็ง พร้อมกับหันไปมองทั้งสองด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่ “เมื่อก่อนเราอยู่กรุงเทพกันทั้งคู่ครับ เลยสนิทกันเป็นพิเศษ ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อย ๆ ” “บางทีก็อาจจะลึกซึ้งกันไปแล้วด้วย” “นี่คุณปัฐ จะพูดอะไรก็ช่วยให้เกียรติทัศด้วยนะครับ เป็นผู้รากมากดีซะเปล่า แต่คำพูดและกิริยาต่ำยิ่งกว่าไพร่!” “ก็ยังดีกว่าพวกที่จ้องจะแย่งเมียชาวบ้านก็แล้วกัน!” “นี่คุณ!!! มันจะมากเกินไปแล้วนะ ผมกับทัศเรา...” “พี่ดอน!!! ไม่เป็นไรครับ ทัศว่าเรากินข้าวกันจะดีกว่านะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นชืดซะหมด” ทัศรีบตัดบททันที เพื่อไม่ให้แม่นายคำจันทร์รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของทั้งสอง “นี่ครับต้มยำกระดูกอ่อน ลองกินดูนะครับ” “ขอบคุณครับ” ทัศเบนสายตาหลบสายตาของคนรักเก่า ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ของปัฐทวี “คุณแม่ก็กินเยอะ ๆ นะครับ” “จ๊ะทัศ” ถึงปากเธอจะยิ้มให้ แต่สายตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวของนายตำรวจหนุ่มกับทัศ ว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันกันแน่ เวลาผ่านไปเกือบไม่กี่นาที เสียงโทรศัพท์มือถือของดอนก็ดังขึ้น เมื่อเห็นรายชื่อที่โทรมาก็ทำให้ร้อนต้องลุกขึ้นจากที่นั่งทันที เขาโค้งศีรษะให้แม่นายคำจันทร์ก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารไป เมื่อเห็นว่านายตำรวจได้เดินออกไปแล้ว ปัฐทวีถือโอกาสลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความรวดเร็ว แล้วมองทัศสักครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังอีกฝั่งแล้วคว้าแขนเรียว ออกแรงดึงให้ทัศลุกขึ้นจากเก้าอี้ “แม่ครับ ผมขอตัวทัศไปคุยด้วยสักหน่อยนะครับ” “คุณปัฐ! คุณจะพาผมไปไหน ปล่อยผมนะ!” “ฉันไม่พานายไปฆ่าหรอก ไม่ต้องทำเป็นกลัวแบบนั้น” พูดจบพ่อเลี้ยงก็ไม่รอคำอนุมัติจากผู้เป็นแม่ เขาได้ลากทัศออกมาจากห้องอาหารไปยังศาลานอกบ้านโดยทันที “คุณปัฐ คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย คุณจะพาผมออกมาทำไม?” ทัศเอ่ยถามเสียงดังพลางสะบัดมือออกจากพันธนาการแกร่งของอีกฝ่าย “ฉันมีอะไรจะบอก...” “มีอะไรก็รีบพูดมาครับ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดี” พ่อเลี้ยงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามบังคับให้ตัวเองมีความมั่นใจ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังพอสมควร “ฉันรักนาย!!!” คำตอบนั้นของปัฐทวีทำเอาทัศชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับว่าโลกทั้งใบหยุดหมุนไปทันตา “คุณว่ายังไงนะ?” “ฉันรักนาย” พูดจบร่างแกร่งก็โผล่เข้าไปกอดร่างของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น “ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาฉันทำไม่ดีกับนายมามาก ยิ่งเวลาฉันเห็นนายกับแฟนเก่ายิ้มให้กันแบบนั้น หัวใจของฉันก็รู้สึกปวดร้าวไปหมด” “คุณปัฐ...” “ทัศ... นายช่วยให้โอกาสฉันได้ไหม ให้โอกาสฉันได้รักนาย ได้โปรดเปิดใจให้ฉันด้วยนะทัศ” ถึงจะฟังแล้วดูแปลก ๆ ไปบ้าง แต่ทัศก็เลือกที่จะกอดตอบกลับอีกฝ่ายไปอย่างอ่อนโยนโดยไม่คิดอะไร เพราะทัศเชื่อว่าบนโลกใบนี้มนุษย์ก็สามารถทำผิดพลาดกันได้ รวมถึงคนอย่างปัฐทวีที่น่าจะเคยเจอเรื่องราวร้าย ๆ มาจากคนรักเก่า ปัฐทวีผละออกมาจากทัศ ก่อนที่ทั้งมือหนาจะเชยคางเรียวขึ้นมามองที่เขา “ให้โอกาสฉันนะทัศ” ว่าแล้วปัฐทวีก็โน้มใบหน้าเข้าไปประทับจูบลงบนอวัยวะเดียวกัน มอบจุมพิษอันแสนหวานที่มิอาจลืมเลือน โดยที่ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในโพลงปากของอีกฝ่ายแต่อย่างไร และทันใดนั้นเอง ทัศก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้น เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนจะโดนปัฐทวีผลักออกอย่างแรง ดวงตากลมหันมองไปยังรถตำรวจที่ขับออกไปด้วยความเร็ว จนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ ปัฐทวีเหยียดยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ก่อนจะตวัดสายตากลับมายังอีกฝ่ายที่ยืนแข็งทื่อราวกับก้อนหิน “คุณใช้ผมเพื่อทำร้ายพี่ดอนเหรอ?” “ถ้าใช่แล้วมันจะทำไม นายคิดว่าที่ฉันทำเพราะฉันมีใจให้นายจริง ๆ งั้นเหรอ ตลกแล้ว” “เลว! เลวที่สุด!” ทัศกัดฟันพูดคำนี้ออกมาซ้ำ ๆ ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง ซึ่งมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจปิดบังได้ เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธที่กลั้นไว้ไม่อยู่จนเกือบแทบจะระเบิดออกมา “แล้วมันจะทำไม ที่ฉันเลวก็เพราะความกระหายเงินของนายกับพ่อแม่ของนายยังไงล่ะ มันสมควรแล้วที่นายจะได้รับมัน รวมถึงไอ้หมอนั่นด้วย!!!” “คุณเห็นความรู้สึกของผมเป็นแค่เครื่องมือในการแก้แค้นอย่างงั้นเหรอ ตลกดีนะพ่อเลี้ยงปัฐทวี” “ฉันเป็นเจ้าชีวิตของนาย ฉันจะใช้นายทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นายมีหน้าที่แค่ทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น!” “แต่ความรู้สึกของผมมันไม่ใช่ของเล่นของคุณ!!!” ทัศตะโกนใส่หน้ามัจจุราชตรงหน้าด้วยความเกลียดชังเข้ากระดูกดำ จนแม่นายคำจันทร์ที่ได้ยินเสียงต้องรีบเดินออกมาดูพร้อมกับสาวใช้หลายคน “เกิดอะไรขึ้นตาปัฐ...” เธอเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปใกล้ ๆ เด็กหนุ่มทั้งสอง “ทัศลูก มันเกิดอะไรขึ้น?” หญิงชรามองไปที่ทัศ แค่เสี้ยววินาทีม่านน้ำตาก็เอ่อล้นคลอนัยน์ตาสวยคู่นั้นก่อนจะไหลลงมาอาบพวงแก้มทั้งสอง เธอเอื้อมมือหมายจะฉุดรั้งเด็กหนุ่มเอาไว้ ทว่าทัศกลับถอยห่าง...ห่างออกไปจนไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้ “ทัศลูก!!!” ร่างสูงหมุนตัวก้าวเดินออกไปจากศาลา หากแต่ทิศที่เจ้าตัวพุ่งตรงไปนั้นมันคือทางเดียวกันกับที่ดอนได้ขับรถออกไป ทำให้พ่อเลี้ยงปัฐทวีต้องหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน ...สุดท้ายสิ่งที่ปัฐทวีพูดมันก็ไม่มีคำใดเลยที่เป็นความจริง คำที่บอกว่ารักหรือแม้แต่คำที่บอกว่ารู้สึกผิดหนักหนา ทุกอย่างล้วนแต่เป็นเพียงลมปากของมัจจุราชไร้หัวใจ ราวกับว่าเขากำลังถูกอีกฝ่ายตอกหน้าด้วยคำว่า ไอ้โง่!!! สองขายาววิ่งฝ่าความมืดบนหนทางที่รถใช้สัญจร เพียงหวังว่าดอนจะอยู่รอคำอธิบายจากตน แต่แล้วเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับชายหนุ่ม เมื่อฝนห่าใหญ่ตกลงมาแข่งกับน้ำตาที่ไหลอยู่ในตอนนี้ของทัศ กระทั่งสองขาที่วิ่งท่ามกลางสายฝนก็ได้สะดุดเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่จนร่างของเขานั้นล้มลงไปกองอยู่กับพื้นโคลน “พี่ดอนทัศขอโทษ... พี่ได้ยินไหมว่าทัศขอโทษ!!!” ทัศตะโกนออกมาสุดเสียง แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับถูกเสียงฝนที่โปรยปรายลงจากฟ้ากลืนหายไป ไม่อาจได้ยินแม้แต่เสียงของตัวเอง “ทัศไม่น่าไปเชื่อลมปากของมัจจุราชอย่างพ่อเลี้ยงปัฐทวีเลย ทัศมันเป็นไอ้โง่! ไอ้โง่! ไอ้โง่! ไอ้โง่!!!” ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีแสงไฟของรถสาดส่องมายังร่างที่นั่งร้องไห้อยู่บนพื้นโคลน ตามด้วยเสียงแตรจากรถที่ถูกบีบออกมาจนแสบแก้วหูไปหมด สองมือเรียวยกขึ้นปิดหูทั้งสองพร้อมหันกลับไปมองยังรถคันนั้น “จะขึ้นมาบนรถดี ๆ หรือจะให้ฉันเหยียบ!!!” เสียงของปัฐทวีตะโกนออกมาจากรถ “แน่จริงคุณก็เหยียบผมเลยสิ มันจะได้หมดหนี้หมดกรรมกันสักที!!!” ทัศตะโกนออกมาจนสุดเสียงอีกครั้ง ปัฐทวีฟังคำพูดของทัศแล้วก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเปิดประตูรถออกมาพร้อมกับร่มหนึ่งคัน เมื่อร่มถูกกางออกปัฐทวีก็เดินเข้าไปจับแขนของอีกฝ่ายหมายจะลากให้ขึ้นรถไปกับตน “ลุกขึ้น อย่าทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจให้มาก” เสียงของปัฐทวีดังกังวานท่ามกลางสายฝน “คราวนี้คุณจะมาหลอกอะไรผมอีกล่ะ?” “ถ้าไม่เห็นแก่หน้าแม่ฉันนะ ฉันจะปล่อยให้นายตายตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ลุกขึ้นมา!!!” “อย่ามาจับตัวผม!!!” เขาผลักร่างแกร่งที่พยายามเข้ามาจับตัวเขาออกไปด้วยแรงที่เหลืออยู่ จนปัฐทวีเซออกไปเล็กน้อย แต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้ชายตรงหน้าถอยห่างออกไปได้มาก เมื่อเห็นว่าคู่สมรสของตนไม่มีทีท่าว่าจะยอมกลับบ้านไปกับเขา มือหนาจึงทิ้งร่มที่อยู่ในมือไปปล่อยให้ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ก่อนที่เขาจะเข้าไปช้อนขาแล้วอุ้มร่างสูงของทัศขึ้นมาด้วยท่าเจ้าสาว “ปล่อย!!!” ทัศกำมือทุบอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของปัฐทวีอย่างไม่ยอม พยายามดิ้นสุดกำลังเพื่อให้หลุดพ้นจากการกอดรัดของมัจจุราชตัวร้าย แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามก็เหมือนจะยิ่งถูกกอดรัดแน่นขึ้นไปอีก “ถ้านายยังดิ้นอีก ฉันจะทุ่มนายลงบนพื้นเดี๋ยวนี้!” “เลว!!! คุณมันเลวที่สุด เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย!!!” ทัศคำรามออกไปด้วยความเกลียดชัง จนน้ำตาที่หลั่งออกมาจากตากลายเป็นส่วนหนึ่งของฝนที่ตกลงมา “ชาติหน้ามันไม่มีจริงสำหรับนายหรอก คนโลภมากหิวเงินอย่างนายมันมีแต่จะตกนรกเท่านั้น” “ใช่ เพราะตอนนี้มัจจุราชซานตานตัวนั้น มันก็ได้มาอยู่ต่อหน้าผมแล้ว ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก!!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD