ตอน นายที่จะต้องไปเป็นไมเคิลแทนฉัน
----ดาว----
เราชื่อดวงดาว ชื่อของเราเจิดจ้าบนท้องฟ้ามากๆ คงเป็นดวงดาวที่ส่องแสงจนแสบตาใครต่อใครสินะ แต่ผิดกับชีวิตจริงของดวงดาวคนนี้เลย เพราะมันได้ถูกแสงเดือนทาบทับจนมองไม่เห็นแสงในตัวเอง
แสงเดือนคือใคร?
แสงเดือนคือน้องสาวของเราเอง เธอเป็นดาราเลยนะ มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ เป็นนางเอกที่มีแฟนคลับเป็นร้อย มีผู้ชายมารุมจีบทั้งหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ ทั้งอาป๋าอาเฮีย หรือแม้แต่ดาราด้วยกัน
แล้วเราเป็นใคร?
ก็เป็นพี่สาวของแสงเดือนไง
แต่เป็นพี่สาวที่แม่ไม่เคยรัก รักแต่น้องอย่างแสงเดือน เราอยู่บ้านทำอะไรบ้าง? ..ก็ไม่ต่างไปจากคนใช้ที่ทำทุกอย่างแม้แต่การซักกางเกงในให้น้องสาว ทำทุกอย่างทั้งที่ตอนนี้เราก็อายุ 26 ปีแล้ว
ส่วนเวลาที่ไม่ได้อยู่บ้านก็ติดตามน้องสาวไปตามกองถ่าย และก็หยิบจับนั่นนี่ไม่ต่างไปจากคนใช้ บางคนในกองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นพี่สาวของแสงเดือน
“นี่เธอเอาน้ำไปให้คุณไมค์หน่อยสิ...เธอนั่นแหละ เป็นเด็กกองประสาอะไรทำหูทวนลม..” นั่นแหละค่ะ เสียงเรียกเราเอง เด็กกองเหรอ..ทำไมไม่มองว่าเราไม่มีป้ายสตาฟ แต่ก็แค่ยกน้ำไปให้จะเป็นปัญหาอะไรนักหนา ก็ไปยกให้เขา ตอนนี้แสงเดือนก็ถ่ายละครอยู่ไม่ได้ทำอะไร
ถือขวดน้ำเดินเข้าไปในรั้วบ้านที่มาถ่ายทำหนัง เป็นบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราตามเนื้อเรื่องของละคร เดินมาได้สักพักก็หยุดลงกับที่...
คุณไมค์คือคนไหนละ.. หันหลังกลับไปไม่มีพี่คนเดิมที่สั่ง แล้วจะเอาไปให้ใครดี
“ยัยดวงดาว ทำไมแกไม่ถามเขาว่าคุณไมค์คือคนไหน ไมค์อะไรละเนี่ย..ไมค์ภัทรเดชเหรอ หรือว่าไมค์ ภิรมพร..”
“ไมเคิลครับ..” ชายคนหนึ่งพูดพร้อมกับยกขวดน้ำไปจากมือเรา ท่าทางยิ้มแย้มเป็นมิตรกว่าทุกคนในกองที่เราเคยคุย.. หน้าตาก็หล่อเหมือนลูกครึ่งนิดๆ ไม่รู้ครึ่งอะไร เขาหมุนขวดน้ำที่มีชื่อและนามสกุลติดชัดเจนมาให้เราดู อื้ม..เราโง่ที่ไม่ได้มองเอง ไม่ต้องหันมาตอกย้ำความโง่เราก็ได้
"ไมเคิล แต่ผมชื่อชาลีครับ..”
“อ้าว.. ไม่ใช่เจ้าของน้ำสิ.. เอามาค่ะ ฉันจะเอาไปให้เจ้าของชื่อ” ทำเป็นหยิบขวดน้ำของคนอื่น โถ่เราก็คิดว่าเจ้าของ แต่พอจะแย่งกลับมาเขาก็ยกมันขึ้นสูง จนเราที่ตัวเตี้ยเอาไม่ถึง
“พอดีผมจะเดินไปพอดี สบายใจได้ครับ..คุณ...” เขามองหาป้ายชื่อของเรา ก็ไม่ใช่สตาฟ จะหาป้ายชื่อเจอได้ยังไง หน้าตาเราคงไม่มีราศีเลยใช่ไหม
“ไม่ใช่สตาฟนี่... แล้วคุณยกน้ำเข้ามาทำไมละครับ..”
“หน้าฉันมันคงจะเหมือนละมั้ง เอาเป็นว่าคุณเอาไปให้เจ้าของชื่อนะ..ฉันขอตัว คุณสาลี..”
“ชาลีครับ.. ไม่ใช่สาลี..” เขาตะโกนให้หลัง เราจำได้หรอก แต่ตั้งใจเรียกให้ผิด.. หมั่นไส้
++++++++
-----ไมค์----
แนะนำ..ผมชื่อไมเคิล เป็นเจ้าของบ้านหรูที่กองถ่ายเข้ามาถ่ายทำ และเป็นลูกชายเจ้าของช่องที่ละครเรื่องนี้กำลังออนแอร์ พ่อสั่งให้ผมเข้ามาดูการถ่ายทำเพื่อทำความรู้จักกับนางเอกของเรื่องที่ชื่อแสงเดือน ไม่เข้าใจว่าจะยังมีการคลุมถุงชนแบบนี้อยู่อีกเหรอ ผมใส่เสื้อเก่าปอนๆไม่สะอาดตา กับกางเกงยีนดำจากการเอารองเท้ามาเหยียบกางเกงของผม
“เห้ย.. คุณไมค์ ทำไมแต่งตัวแบบนี้ละครับ" ผมถือขวดน้ำที่ผู้หญิงคนหนึ่งถือมาเข้ามาในห้อง ที่มีชาลีคนขับรถคู่หูนั่งเล่นโทรศัพท์อย่างสบายใจ “ทำไมไม่แต่งตัวดีๆละครับ แล้วคุณแสงเดือนนางเอกของช่องจะประทับใจตัวคุณเหรอ”
“กวนตีนแล้วไอ้ชาลี... ก็เพราะว่าจะเจอนางเอกอะไรนั่นแหละฉันถึงต้องแต่งแบบนี้”
“อย่าบอกนะครับว่า.... คุณไมค์จะแต่งตัวเป็นคนจนเข้าไปหาเธอ”
“เปล่า...” ผมเปิดขวดน้ำกินอย่างสบายใจ “.. แต่เป็นนายที่จะต้องไปเป็นไมเคิลแทนฉัน”
“ผมเหรออออ”
++++++++
ชีวิตของนักเรียนนอกที่ต้องมาถูกพ่อคลุมถุงชนให้แต่งงาน
ไม่สิ..เขายังไม่ได้ให้แต่ง แค่อยากให้ทำความรู้จักและเรียนรู้กันเพิ่มเติม..แต่ทำไมผมจะไม่รู้ละว่าความคิดของพ่อคืออะไร ทำไมจะต้องอยากได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้ด้วย ก็แค่ดาราในช่อง..สวยไหม ก็สวยแหละยอมรับ แต่ความสวยของผู้หญิงสมัยนี้มันไม่ได้เกิดจากสิ่งที่เธอเป็น มีดหมอมีถมไปใครจะรู้ ไปรู้อีกทีก็นู้นนนนนน....ลูกออกมาหน้าไม่เหมือนพ่อแม่นั่นแหละ
“ไมค์.. เป็นไงบ้างลูก ไปเจอแสงเดือนมาเป็นยังไง” แม่ของผมเอ่ยถามเมื่อผมเดินเข้ามาในบ้าน แม่ที่เป็นสาวอ่อนหวานทำอาหารเก่งมากๆ แม่ที่ไม่เคยบังคับลูกชายคนนี้เลย
“อื้ม... ก็สวยดีครับ” นึกไปถึงผู้หญิงที่เอาน้ำดื่มมาให้ เธอสวยแบบเรียบๆ อ่อนหวานน่ารักเหมือนคุณแม่ ทั้งที่ไม่ได้แต่งหน้าแต่กลับดูสวยสะดุดตาผมไปหมด “สวย.. หวาน... น่ารักเหมือนคุณแม่เลยครับ”
“จริงเหรอ.. พ่อคงดีใจที่ลูกถูกใจคนที่พ่ออยากให้รู้จัก..”
“สวยครับ..แต่ไม่ใช่แสงเดือน ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่ออะไร” ผมกอดแขนแม่อย่างออดอ้อน “ส่วนคนที่ไปเจอกับแสงเดือนคือเจ้าชาลี แสงเดือนไม่รู้อยู่แล้วว่านั่นคือไมค์เคิลหรือเปล่า..”
“ทำไมทำแบบนี้ ถ้าคุณพ่อรู้ต้องโกรธแน่ๆ เล่นอะไรเป็นเด็กนะไมค์...แล้วถ้าหนูแสงเดือนรู้เขาจะว่าเอาได้ที่เราไปโกหกเขาแบบนั้น”
(“โกหกอะไรกัน... เป็นไงเจ้าไมค์ ไปเจอหนูแสงเดือนมา สวยถูกใจอย่างที่พ่อบอกไหมละ”) พ่อเดินเข้ามาหาผมและแม่
คงจะคิดว่าลูกชายคนนี้จะต้องทำตามอย่างที่ใจต้องการ ทำเหมือนไม่รู้จักลูกตัวเองเลย การยอมทำอะไรตามที่พ่อแม่บอกเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุด เหมือนกับการที่ผมไม่เลือกเข้าไปบริหารงานที่ช่อง แอบไปทำรีสอร์ทกับเพื่อนไม่บอกพ่อ(แต่บอกแม่)
“สวยครับ.. ทั้งสวย ทั้งน่ารักเหมือนคุณแม่ไม่มีผิด.. ผมไปไปอาบน้ำก่อนนะครับ” พูดแล้วผมก็เดินไปยังห้องนอนของตัวเอง
ให้เป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่รู้เรื่องแล้ว.. คนที่ผมชมไม่ใช่แสงเดือน แม่จะบอกคุณพ่อไหม? เอาหัวเป็นประกันว่าจะช่วยลูกชายแสนดื้อคนนี้ปกปิด ไม่บอกแน่นอน
..ขวดน้ำของกองถ่ายถูกถือกลับบ้านมาซะได้ เพราะอะไรทำให้ผมสนใจเธอนะ... แววตาของเธอเหรอ มองผิวเผินเหมือนเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ก็มีความมั่นใจในเสียงและคำพูด เธอเป็นใครนะ...ทำไมน่ารักจัง
พรุ่งนี้คงต้องไปกองถ่ายซ้ำ เพื่อหาชื่อเธอให้ได้