ตอนที่ 1 สถานีพักใจ
ณ ย่านไนต์คลับชื่อดังใจกลางกรุง
ยามราตรีที่คลาคล่ำไปด้วยความวุ่นวายใจกลางกรุงที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ เสียงเพลงจากนักดนตรีมืออาชีพที่กำลังบรรเลงบทเพลงเพื่อให้ความบันเทิงแก่เหล่านักท่องราตรีดังระงมไปทั่วเส้นถนนสายบันเทิง ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างก็กำลังดื่มด่ำกับแสงสีเสียงตามร้านรวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น ผับบาร์แบบเปิดโล่งริมฝั่งสองข้างทาง ณ ย่านไนท์คลับแห่งนี้ ความบันเทิงรื่นเริง การพบปะสังสรรค์ของกลุ่มผู้คนมากหน้าหลายตา รวมไปถึงเหล่าคู่รักที่ต่างพากันนั่งจับจองโต๊ะอาหารเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนรื่นรมย์ในสถานที่แห่งนี้ ยามเมื่อมองดูแล้วช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและชวนผ่อนคลายกายใจนัก
เสียงหัวเราะหยอกเย้าของคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่นั่งอยู่มุมโต๊ะริมบาร์แบบเปิด ต่างฝ่ายต่างหยอกล้อพะเน้าพะนอออดอ้อนฉอเลาะเอาใจ ใบหน้าของคนทั้งสองต่างเปื้อนยิ้มและฉายแววถึงความสุขล้น ยามเมื่อคนทั้งคู่กำลังกอดรัดกัน การแสดงออกถึงความรักแบบไม่แคร์สายตาใครๆ เช่นนี้ยิ่งเป็นเสมือนคมมีดที่คอยเชือดเฉือนบาดใจของอัญญาอย่างไม่รู้ตัว จนหญิงสาวถึงกับร่างกายสั่นสะท้านไปหมด
จะว่าไปแล้วการที่เธอรู้สึกเจ็บปวดกับการเห็นคู่รักคนอื่นเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อครู่นี้เอง เวลาที่เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ภาพของคนที่เธอรักกำลังร่วมอภิรมย์กับหญิงสาวใบหน้าสะสวยคนหนึ่งได้ฉายวนซ้ำในหัวของอัญญาอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาเรียวเล็กเริ่มแดงระเรื่อคล้ายจะมีหยาดน้ำใสๆ คลอหน่วยตายามเมื่อนึกถึงภาพๆ นั้น ร่างแน่งน้อยเดินมายังถนนสายบันเทิงแห่งนี้ได้อย่างไร อัญญาก็ไม่รู้สึกแน่ใจตัวเองนัก เธอรู้แต่ว่าต้องเดินออกมา เดินออกมาให้ไกลจากสถานที่แห่งนั้น เดินออกมาให้ไกลจากภาพบาดตาบาดใจที่เธอเพิ่งประสบพบเจอมาหมาดๆ
ในตอนนี้ร่างกายของเธอเริ่มจะรู้สึกชาไปหมด หัวใจตรงอกด้านซ้ายคล้ายจะเต้นรัวๆ เสียงดัง ราวกับกำลังจะร่ำไห้ไปกับความเจ็บปวดที่เธอเพิ่งจะพานพบมาหมาดๆ ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองคู่รักเบื้องหน้าด้วยอาการเหม่อลอย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจางๆ อย่างขมขื่น ความรู้สึกฝาดเฝื่อนบริเวณลำคอที่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจอาการหรือความรู้สึกนี้เช่นเดียวกันว่ามันคืออะไร
“ฉันมาทำอะไรที่นี่…”
อัญญาพูดขึ้นมาลอยๆ แบบที่เธอเองก็ยังรู้สึกไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกัน ยามเมื่อสายตามองกวาดไปทั่วร้านเหล้าเบื้องหน้า ขาของเธอก็ก้าวเข้าไปด้านในอย่างอัตโนมัติ
“สถานีพักใจ…” อัญญาเอ่ยชื่อร้านเหล้าแห่งนี้ขึ้นเบาๆ ขณะนั่งลงเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์เหล้าร้านแห่งนี้ ดวงตาเรียวเล็กก็กวาดมองไปรอบๆ บาร์เบื้องหน้า สุราหลากหลายชนิดต่างก็ตั้งโชว์เรียงรายอยู่ตรงหน้า รวมถึงภายในตู้โชว์ติดผนัง
“รับอะไรดีครับคุณผู้หญิง” เสียงของบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่แต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดและกางเกงยีนส์เรียบๆ เอ่ยถามขึ้น หากมองผิวเผินชายหนุ่มเบื้องหน้าดูยังไงๆ ก็ไม่น่าจะใช่บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่เธอเคยเห็นในทีวี ที่ใส่เสื้อกั๊กสีดำและคาดโบว์สีดำบริเวณลำคอ
สายตาของอัญญาที่เผยอาการงุนงงสงสัย ทำให้พ่อหนุ่มบาร์เทนเดอร์เผยรอยยิ้มชวนฝันแล้วเอ่ยขึ้น “คุณคงมาเที่ยวที่นี่ครั้งแรกใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ” อัญญาตอบด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาเยือนสถานที่แบบนี้ แม้เธอจะอายุปาไปยี่สิบห้าแล้วก็ตามที
บาร์เทนเดอร์หนุ่มอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะเอ่ยถามอัญญาอีกครั้ง “คุณจะรับอะไรดีครับ”
อัญญาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าแบบงงๆ ตอนนี้สมองของเธอมึนตื้อไปหมด “ฉันขออะไรก็ได้แรงๆ”
เผื่อว่าเธอจะได้ลืมภาพเหตุการณ์นั้นได้บ้าง…
“คุณคงไม่ได้เพิ่งจะอกหักมาใช่ไหม?”
พ่อบาร์เทนเดอร์หนุ่มถามแทงใจดำอัญญาเข้าตรงเป้าเต็มๆ นัยน์ตาสีเข้มลอบสำรวจใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ไร้การประทินโฉมใดๆ หากมองเผินๆ คล้ายกับว่าหญิงสาวเบื้องหน้าเขาแทบจะไม่แต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ
“นะ…นายรู้ได้ยังไง?” อัญญาเริ่มพูดติดอ่าง ใบหน้าหวานใสดุจสาวแรกรุ่นเริ่มเผยแววเขินนิดๆ
“ใบหน้าของคุณมันฟ้องน่ะ”
ภูษิตหรือก็คือพ่อบาร์เทนเดอร์หนุ่มพูดขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มเกาหลีที่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างขนานนามชายหนุ่มว่า ‘โอปป้า’ นั้นไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด
“อย่างนั้นเหรอ?” อัญญาพูดขึ้นด้วยอาการเหม่อลอย ตอนนี้อาการเจ็บปวดบริเวณอกด้านซ้ายของเธอเริ่มจะปวดหนึบๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วความเจ็บปวดมันไม่ได้หนีหายไปจากใจเธอเลยสินะ เพียงแค่เธอไม่ได้คิดถึงมันชั่วคราว…
เมื่อเห็นท่าทางซึมเศร้าของอัญญา บาร์เทนเดอร์หนุ่มอย่างภูษิตจึงพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัดใจ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดให้คุณดื่มค็อกเทลเบาๆ สักแก้วก็แล้วกันนะครับ”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็จัดการโชว์ลีลาควงเชคเกอร์ด้วยทางทางพริ้วไหว ก่อนจะเทน้ำใสๆ ลงในแก้วทรงสูงที่บริเวณริมปากแก้วมีเม็ดเกลือสีขาวทาวนรอบ และตามด้วยมะนาวหั่นเป็นแว่นๆ ประดับอยู่บนปากแก้ว
“มันคืออะไรเหรอ?” อัญญาเอ่ยถามงงๆ ขณะจับแก้วค็อกเทลยกขึ้นมาหมายจะดื่ม ทว่าลึกๆ หญิงสาวกลับยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะยกมันขึ้นมาดื่ม
“มาร์การิต้าครับ” ภูษิตเอ่ยยิ้มๆ อย่างเป็นกันเอง