บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศของร้านเหล้าที่คราคร่ำไปด้วยแสงสีและกลิ่นอายของแอลกอฮอล์ในช่วงราตรีกาลได้หายไป อัญญามองข้าวต้มหมูสับที่ส่งควันหอมฉุยเบื้องหน้าแล้วรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างจากซากศพเดินได้ ดวงตาบวมเป่งเพราะผ่านการร้องไห้มาสักพัก ท่าทางซังกะตายของหญิงสาวทำให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอถึงกับถอนหายใจ
“ผมว่าคุณทานข้าวต้มรองท้องก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคิดก็ยังไม่สายนะ”
ภูษิตรู้สึกจนต่อคำพูด เขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจหญิงสาวตรงหน้ายังไงดี เพราะว่าเธอและเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะรู้จักกัน มันคงไม่ใช่เรื่องดีที่ตนจะละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของคนอื่นมากเกินไป แม้ว่าในใจของเขาแทบอยากจะดุเธอสักยกใหญ่ โทษฐานปล่อยตัวเองขนาดนี้
หากคนตรงหน้าเป็นน้องสาวเขาล่ะก็…คงถูกเขาบ่นเป็นชุดใหญ่แน่ๆ
“…”
อัญญาพยักหน้าหงึกๆ และพยายามโฟกัสสติของเธอมาอยู่ที่ข้าวต้มตรงหน้า ก่อนจะบรรจงใช้ช้อนตักข้าวต้มร้อนๆ เข้าปาก แต่ไยน้ำตาเจ้ากรรมถึงได้ไหลลงมาผสมกับข้าวต้มร้อนๆ ตรงหน้าซะได้ แม้แต่แรงจะกลืนก็ยังต้องพยายามฝืนกล้ำกลืนกินมันลงไป
จู่ๆ ภาพความทรงจำระหว่างเธอและเจตน์ก็พลันผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง เธอและเขาปกติทำงานด้วยกันอยู่แล้ว เธอเป็นสถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน ส่วนเขาเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนรับฝากขาย - เช่าบ้านและคอนโด เจตน์ด้วยความที่เป็นคนกว้างขวาง เขาจึงจัดตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมาและกว้านซื้อบ้านและคอนโดเพื่อรีโนเวทภายในก่อนจะปล่อยขายให้ลูกค้าในราคาสูง โดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติ การทำอาชีพนี้จำเป็นต้องมีผู้ช่วยฝีมือดีในการตกแต่งภายในถึงจะสามารถสนับสนุนธุรกิจของเขาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อสามปีก่อนเธอรู้จักกับเขาผ่านการทำงาน สุดท้ายเธอก็ตกลงปลงใจคบกับผู้ชายคนนี้ และกลายเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญในบริษัทของเขาไปในที่สุด
ข้าวต้มตรงหน้าแม้จะเป็นอาหารพื้นๆ ทว่าภาพความทรงจำของเธอในวันที่เจ็บไข้ได้ป่วยหวนซัดเข้ามาในหัวของอัญญาอีกครั้ง
เจตน์เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ไม่เก่งเรื่องการทำอาหาร แต่เขากลับทำข้าวต้มหมูสับให้เธอทานแถมยังจ้องมองเธอด้วยสายตาห่วงใย แต่ว่าทำไมวันนี้ผู้ชายแสนดีในวันนั้นถึงไม่มีอีกแล้ว
“…”
หยดน้ำตาร่วงเผาะลงถ้วยข้าวต้มหมูสับอย่างพอดิบพอดี เล่นเอาคนที่จ้องมองเธออยู่ฝั่งตรงข้ามต้องเดินไปหยิบกล่องทิชชู่แล้วยื่นให้ แถมยังอดส่ายหน้านิดๆ
“ผมหวังว่าคุณจะผ่านมันไปได้นะครับ”
ภูษิตรู้สึกว่าเขาต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ ถ้าต้องจ้องมองคนอกหักเอาแต่ร้องไห้เป็นเผาเต่าแบบนี้โดยไม่ทำอะไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวเขาเผชิญกับเหตุการณ์ที่ชวนปวดหัวแบบนี้ ลูกค้าสาวๆ ของเขาแต่ละคนพอสร่างเมาขึ้นมาก็ร้องไห้น้ำตาแตกแบบนี้แทบทุกราย เดือดร้อนตัวเขาต้องคอยปลอบใจพวกเธอจนสงบสติอารมณ์แล้วค่อยส่งพวกเธอกลับ แต่ก็มีบางรายอยู่เหมือนกันที่ไม่ยอมกลับ ดื้อรั้นที่จะอยู่ที่นี่เพราะไม่มีที่ไป ซึ่งเขาก็ไม่เคยขัด ก็ช่วยไม่ได้นี่ที่ใครใช้ให้เขาตั้งชื่อร้านว่า ‘สถานีพักใจ’ เอง
เมื่อหวนนึกถึงลูกค้ามากมายที่ประสบปัญหาชีวิตรักที่ผ่านมาแล้วมีสภาพแบบคุณผู้หญิงตรงหน้า ภูษิตก็อดส่ายหัวให้กับตัวเองอย่างปลงๆ
อัญญาคงไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกค้าสาวขี้เมารายแรกที่ร้องไห้เสียสติเพราะอาการอกหัก และเธอก็ไม่รู้อีกว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเธอในตอนนี้กำลังนึกปลงตกกับชะตาชีวิตของตนเองเพราะชื่อร้านเป็นต้นเหตุ
“คุณจะไม่พูดอะไรบ้างเหรอ? ผมเห็นคุณเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนี้แล้วปวดตาแทน”
ชายหนุ่มพูดติดตลก เอาจริงๆ แล้วภูษิตไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านี้ยังไงดี แม้ว่าตอนนี้เขาจะว่างและกว่าที่ร้านจะเปิดก็ตกเย็น คงไม่ดีแน่ๆ ที่จะไม่ทำอะไรเลยและนั่งจ้องมองคนอกหักเอาแต่ร้องไห้เป็นเผาเต่าแบบนี้
อัญญาเงยหน้าหันมาสบตากับคู่สนทนาของเธอ อารมณ์ของหญิงสาวในตอนนี้ย่ำแย่เสียจนไม่มีแม้แต่แรงจะพูดหรือเอื้อนเอ่ยคำใดออกไป แม้แต่อาการอยากอาหารก็กลายเป็นศูนย์ แถมผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมักคุ้น ไม่ว่าเธอจะเริ่มต้นบทสนทนาแบบใดก็ล้วนไม่ถูกต้องสำหรับสภาพจิตใจที่แตกหักของเธอในตอนนี้
“ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอะไรดี เราล้วนเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แถมฉันยังมาทำเรื่องขายหน้าในร้านของคุณ คงมีแต่คำว่าขอโทษที่ฉันควรพูด ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่รบกวนคุณแบบนี้”
“ภูษิตครับ” ภูษิตยิ้มพร้อมกับเผยลักยิ้มตรงแก้มขวาของเขา
“ค่ะ ฉันอัญญา…”
“ถือว่าเรารู้จักกันแล้วนะครับคุณอัญ” ภูษิตยื่นมือเพื่อเชคแฮนด์กับเธอด้วยท่าทีสบายๆ
“ค่ะ” อัญญาก้มหน้างุดด้วยความเขินนิดๆ กับออร่าของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนยื่นมือของเธอเชคแฮนด์กับเขาเบาๆ
เอาจริงๆ นะ ถ้าตอนนี้เธอไม่อกหักคงไม่มีวันทำอะไรบ้าบอคอแตกแบบนี้แน่ๆ เพราะตลอดชีวิตของเธอจนถึงวัยยี่สิบห้า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพาตัวเองออกมาจากเซฟโซนและดื่มแอลกอฮอล์จนขาดสติแบบนี้ และอัญญายิ่งไม่คาดคิดว่าตัวเธอเองจะมีจุดเปลี่ยนของชีวิตในโหมดนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเจตน์คงไม่มีวันปล่อยให้เธอมานั่งจับมือกับผู้แปลกหน้าแบบนี้แน่ๆ แต่ว่าทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว และเธอก็กำลังทำอยู่