บทนำ
มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง
“ใกล้ถึงแล้ว รีบอยู่” นักศึกษาสาวกรอกเสียงลงไปที่สมาร์ตโฟนเครื่องบางพร้อมกับเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่กำลังบอกเวลา 9:00น. ในขณะที่สองเท้าก็กำลังก้าวไปด้วยความรวดเร็วกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ใจจริงก็อยากจะรีบวิ่งให้เร็วกว่านี้ แต่รองเท้าคัทชูส้นสูง2นิ้วกับกระโปรงทรงเอที่แสนคับแคบนั้นช่างเป็นอุปสรรคในเวลาเร่งรีบแบบนี้เหลือเกิน
[มึงนี่น่าช้าประจำเลย ให้ไว] เสียงทุ้มต่ำเร่งจากปลายสายของวีร์หรือที่เธอเรียกว่าไอ้วีร์ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเวลานี้หน้าตามันคงบูดบึ้งจนดูไม่จืดแล้วแน่ๆ เพราะมันไม่ชอบรออะไรนานๆ เสียงหงุดหงิดนั่นบอกได้เป็นอย่างดี
“เออๆ บอกว่ารีบอยู่ไง แค่นี้ …ติ๊ด” เอวากดวางสายและจ้ำเท้าไปตามทางเดินที่มองเห็นตึกหอประชุมอยู่ไม่ไกล
เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ทางมหาวิทยาลัยมีกิจกรรมพิธีไหว้ครูประจำปีการศึกษา แและเธอที่เป็นผู้หญิงเพียง 1ใน 3 คนของชั้นปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทุกเสียงโหวตจากเพื่อนร่วมคลาสก็ต่างเลือกเธอ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เอวาเป็นตัวแทนถือพานไหว้ครูในพิธีวันนี้รวมถึงปีที่ผ่านมาด้วย
ส่วนไอ้วีร์ก็เป็นเพื่อนชายที่เอวาสนิทด้วยมากที่สุดในบรรดาเพื่อนชายร่วมคลาส ด้วยเหตุนี้เพื่อนๆ ถึงโหวตให้ไอ้วีร์มาเป็นตัวแทนถือพานคู่กับเอวาในทุกปีเช่นกัน
ทันทีที่เอวามาถึงหน้าตึกหอประชุมก็เจอไอ้วีร์นั่งรอที่โต๊ะม้าหิน สายตาขุ่นเคืองของเพื่อนชายส่งมาทางเอวาด้วยใบหน้าที่ไม่ปกปิดดูหงุดหงิดมากแค่ไหน
“มาแล้วๆ ขอโทษที่ให้รอนาน กูตื่นสายอะ แล้วมึงก็เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว ป้ะ เข้าข้างในกันพิธีจะเริ่มแล้ว”
“มึงไม่ต้องมาเร่งกูเลยวา กูมารอมึงเป็นชั่วโมงแล้ว เผื่อจะลืม”
“เออกูรู้ มึงไม่ต้องบ่นได้ปะ”
“อะนี่ของมึง เอาไป" ไอ้วีร์บ่นงึมงำก่อนจะโยนพานไหว้ครูที่เอวาต้องถือมาให้ ส่วนตัวมันก็หันหลังเดินเข้าไปในอาคารโดยไม่สนใจเพื่อนตัวเล็กที่มองตาปริบๆ เลยสักนิด
หมับ!
เอวานึกขอบคุณความมือไวของตัวเองที่รับไว้ได้ทันเพราะไม่งั้นพานไหว้ครูที่แสนสวยของเธอต้องลงไปจูบอยู่ที่พื้นจนหมดสวยและใช้งานไม่ได้แล้วแน่ๆ
“เห้ย! รอด้วยดิวะ” คนตัวสูงก้าวขายาวๆ ของมันเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะหยุดรอเลยทำให้เธอต้องรีบเดินตามมันเข้าไป
หลังจากจบพิธีไหว้ครูเอวากับไอ้วีร์ก็กลับไปเข้าเรียนตามปกติ แต่อาจารย์ยกคลาสกะทันหันเนื่องจากมีธุระด่วนและจะสอนชดเชยให้ในวันอื่นแทน ตอนนี้เธอก็เลยว่างมีเรียนอีกทีก็ช่วงบ่าย เพื่อนๆ ในกลุ่มเลยชวนกันไปดูหนังที่เข้าใหม่วันนี้พอดี ซึ่งเธอก็ไม่ปฏิเสธ เพราะนานๆ ครั้งจะได้ดูหนังด้วยกันครบทุกคนน่ะสิ
ที่เป็นแบบนั้นเพราะไอ้ข้าวก็ไปเดทกับสาวๆ ของมันไม่ค่อยว่างอยู่บ่อย ๆ กลุ่มของเธอมีกันอยู่ 4คนก็มีเธอ วีร์ ข้าว และฟ้า
เอวาค่อนข้างจะเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ก็คุยได้กับทุกคนนั่นแหละเวลามีปัญหาอะไรไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเดือดร้อนอะไร เพื่อนในคลาสก็ช่วยกันตลอด ไม่มีใครทิ้งใคร กลมเกลียวสุด แม้แต่ปัญหาส่วนตัวสารพัดเรื่องราว เธอก็มีแก๊งเพื่อนรักคอยซัพพอร์ตตลอด
“ถ้าดูหนังเสร็จแล้วกูอยากกินซูชิว่ะ ไม่ได้กินนานแล้วอะ” ฟ้าเอ่ยขึ้นขณะที่เรากำลังเดินไปหน้าประตูเพื่อจะไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
“บวกหนึ่ง กูเห็นด้วยกับไอ้ฟ้าว่าเราควรไปกินซูชิกัน อีก 2ว่าไง?” ข้าวสาวห้าวประจำกลุ่มพูดเสริมและถามเอวากับไอ้วีร์ที่เดินมาข้างๆ กัน
“เอาดิ” ไอ้วีร์มันตอบรับสั้นๆ
“เค กูยังไงก็ได้” ส่วนเอวาก็ไม่ขัดอะไรเพื่อนเหมือนเคย จากนั้นพวกเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆ นานากันไปเรื่อยจนกระทั่งมาถึงหน้าประตูทางออกของมหาวิทยาลัย
"เห้ยวา นั่นใช่พี่เวย์ปะ ยัยนั่นใช่มั้ยที่แย่งแฟนมึง"
ฟ้าสะกิดแขนเอวาพร้อมพยักพเยิดหน้าไปทางร่างสูง ที่เดินอยู่ข้างกันกับหญิงสาวในชุดนักศึกษาเสื้อรัดรูปกับกระโปรงทรงเอที่สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเป็นศอก
ดวงตาเฉี่ยวที่กรีดอายไลเนอร์คมกริบปรายมองมาทางที่พวกเธอยืนอยู่ในขณะที่ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มร้ายอย่างพอใจ จงใจทำให้เอวาเห็นว่านางมากับเขา ชายหนุ่มกำลังคุยโทรศัพท์อยู่เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านของหวานขึ้นชื่อของย่านนี้
“มั่นหน้ามาก” ฟ้าพูดอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นยัยนั่นแสดงท่าทางแบบนั้นใส่พวกเธอ
“ไปกันเถอะพวกมึง” ไอ้ข้าวเดินเข้ามาโอบไหล่เอวาที่ยังคงมองสองคนนั้นไม่วางตาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ข้าวมันแคร์ความรู้สึกเพื่อน กลัวเอวาจะเศร้าขึ้นมาอีกที่ต้องอะไรแบบนี้
หลังจากที่เอวาบอกเลิกพี่เวย์ไป เธอก็หลบหน้าเขาไปพักใจอยู่กับฟ้าที่คอนโดอีกที่หนึ่ง เพื่อที่พี่เวย์จะได้มาหาเธอมาไม่ได้ เวลาผ่านไปเมื่อเธอทำใจได้มากขึ้นก็กลับมาอยู่ที่ห้องตัวเอง
ตอนนี้พวกเธออยู่ในโรงหนังแล้ว เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่วันหยุดเลยมีคนดูไม่แออัดเท่าที่ควรสำหรับหนังเรื่องใหม่ที่มาแรงตามกระแส แต่ก็เยอะพอสำหรับทำให้ที่นั่งตรงกลางแถวเต็มเกือบทุกที่
ส่วนที่ยังว่างก็มีว่างติดกันไม่ถึง 4ที่จึงไม่พอสำหรับพวกเรา4คน ที่นั่งริมแถวจึงเป็นทางเลือกในตอนนี้ ซึ่งเธอก็ชอบที่นั่งริมแถวมากกว่ากลางแถวนะเพราะมันเดินเข้าออกสะดวกดีและไม่ต้องรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ไม่รู้จักเท่าไหร่ด้วย
เอวานั่งข้างไอ้วีร์กับฟ้าถัดไปก็เป็นข้าว ความจริงเธออยากนั่งริมสุดแต่ถูกไอ้วีร์แย่งไปก่อนเธอเลยได้นั่งข้างมัน เอวาจะไม่อึดอัดอะไรเลยถ้าไอ้วีร์ไม่หาเรื่องมาลวนลามเธอในระหว่างที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับหน้าจอภาพยนตร์ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ปล่อยมือกู ไอ้เชี่ยวีร์” เอวาหันไปมองหน้าคนฉวยโอกาสที่มันลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมพูดด้วยเสียงลอดไรฟันอย่างกระซิบเพราะเสียงดังไม่ได้แต่ไอ้วีร์ทำเป็นไม่สนใจและยังจับมือเธอแน่นมากขึ้นไปอีก มันจะมากเกินไปแล้วมึง เอวาคิดก่อนที่จะลงมือ
“โอ๊ย! เจ็บนะ”
เธอจิกเล็บยาวๆ ของตัวเองลงไปที่หลังมือมันทำให้ไอ้วีร์ร้อง ด้วยความเจ็บในจังหวะที่เสียงเอฟเฟคในหนังดังขึ้นพอดี มือไอ้วีร์หลุดออกจากมือเธอในทันทีก่อนจะลูบหลังมือตัวเองตรงที่โดนเล็บจิกลงไปด้วย สมน้ำหน้า! อยากฉวยโอกาสดีนัก
เอวากับไอ้วีร์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนม.ต้น ไม่เคยมีสักครั้งที่เพื่อนชายจะถูกเนื้อต้องตัวเอวา เพิ่งเริ่มมีวันนี้แหละ เอวาเองก็ไม่รู้ว่าแม่งเป็นบ้าอะไรของมัน
ไอ้วีร์มันเป็นน้องแท้ๆ ของพี่เวย์ที่มันก็เริ่มแปลกๆ ไปอย่างเมื่อตอนอยู่ในโรงหนังนั่นแหละ
หลังจากดูหนังจบพวกเธอก็เข้าร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างนี้ตามที่ตกลงกันไว้ นั่งรอไม่นานออาหารก็มาเสิร์ฟ
“นี่เอวา แล้วมึงจะเอาไงกับยัยนั่น มึงก็เห็นว่ามันจงใจเย้ยมึงชัดๆ” ที่ดูแล้วคงอยากเปิดวอร์กับเอวาแน่ ๆ
“ถ้าเป็นกูนะ หยามกูแบบนี้ไม่ปล่อยมันไว้แน่” ไอ้ข้าวเสริม
“อืม ถ้ามันล้ำเส้นกูเมื่อไหร่ กูก็ไม่อยู่เฉยแน่” เอวาตอบก่อนจะคีบซูชิเข้าคำโตเข้าปาก
ไอ้วีร์นั่งฟังเงียบ ๆ ไม่ได้ออกความเห็นอะไร เอาแต่คีบซูชิหน้าแซลมอนเข้าปาก ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ราวกับหิวโซมาจากไหน