แตกหัก

1528 Words
ตอนที่ 1 แตกหัก นานมากแล้วที่ จักรวาล โชติพิทักษ์ ไม่ได้กลับบ้านของตัวเอง ด้วยช่วงนี้เขายุ่งเกี่ยวกับงานที่เป็นธุรกิจของตระกูลโชติพิทักษ์ ปัญหาหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาในการบริหารแบบกงสีของครอบครัวเกี่ยวกับค้าขายพืชผลทางการเกษตรเริ่มจะเห็นเด่นชัดในรุ่นของเขา นั่นทำให้ตอนนี้สมาธิทั้งหมดของเขาในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลต้องมุ่งเป้าไปยังงานแทบจะเกือบทั้งหมด แม้ความจริงบ้านที่พักอยู่กับภรรยาและลูกสาววัยสามขวบกว่าจะอยู่ไม่ห่างจากบ้านใหญ่ของโชติพิทักษ์มากนัก แต่ปัญหาหลายอย่างที่เจอะเจอในตอนนี้ทั้งจากความกดดันของบิดา รวมถึงความขัดแย้งกับภรรยาที่ตอนนี้ เหมือนชีวิตคู่ของเขามาถึงทางตันและกำลังจะสิ้นสุดลง ร่างหนาในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงชิโนเนื้อดี เดินลงจากรถก้าวเข้ามาในบ้าน ดวงตาสีเข้มกวาดมองไปรอบด้านยังมุมต่างๆที่คุ้นเคย แล้วผ่อนลมหายใจออกมา "คุณปิ่นอยู่ด้านบนค่ะเห็นไม่สบายมาหลายวันแล้ว แต่เพิ่งจากกลับจากข้างนอกมาค่ะ" ป้าอ่อน แม่บ้านเก่าแก่ที่รับใช้เขามาเนิ่นนานเอ่ยบอกนอบน้อม "ไม่เป็นไร" จักรวาล ส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่แต่งงานกัน ความรู้สึกหวานชื่นที่มีกับภรรยาค่อยๆลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหินจนบางครั้งแทบจะไม่ได้พูดคุยและมองหน้ากันด้วยซ้ำ "แล้วผิงผิงล่ะ" เขาเอ่ยถามหาลูกสาวแทน "คุณหนูหลับไปตั้งแต่ยังไม่สองทุ่มแล้วค่ะ ...คุณใหญ่จะเอาอะไรเพิ่มไหมคะอ่อนจะได้จัดให้" "งั้นไม่เป็นไรครับ ป้ามีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ" ชายหนุ่มบอกเสียงเอื่อยเฉื่อย ก่อนจะเดินขึ้นบันไดช้าๆขณะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดและสะบัดหน้าไปมา ที่เขามาบ้านในวันนี้และเวลานี้ ก็เพื่อจะคุยกับ ปาริชาติ ภรรยาของเขาให้ชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่งอนแง่น และเลือกที่จะมาในเวลานี้เพื่อที่จะรอให้ ผิงผิง ลูกสาววัยสามขวบของเขาหลับไปก่อน ทุกอย่างจะได้ราบรื่น เพราะสิ่งที่เขาจะพูดกับภรรยาในวันนี้เขายังไม่อยากจะให้ลูกสาวของเขารับรู้ด้วยตอนนี้เธอยังเด็กเกินไป จักรวาล เดินมาหยุดยังประตูหน้าห้องนอนที่ไม่ได้ล็อค เขาผลักมันเข้าไปโดยไม่ได้เคาะ และไม่จำเป็นจะต้องเคาะ แม้ว่านานๆจะมาที อย่างไงเขาก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ปิ่น ยังไม่นอนใช่มั้ย?” เขาเอ่ยถามเบาๆ ในห้องมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟเล็ก ร่างบางระหงของภรรยานั่งหันหลังบนเก้าอี้ตัวใหญ่ เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเธออยู่ในชุดราตรีเว้าลึกจนเห็นแผ่นหลังนวลเนียน ผมดำขลับสลวยนั้นถูกเกล้ามวยขึ้นสูงเป็นภาพลักษณ์ที่แปลกตา ด้วยเขาไม่เคยเห็นเธอในลักษณะแบบนี้มาก่อน ทว่าเธอยังคงนั่งหันหลังไม่คิดจะมองเขาแม้เพียงนิด “ยังค่ะ ปิ่นเพิ่งกลับจากงานเลี้ยง” “งานเลี้ยง?” คิ้วหนาเข้มของ จักรวาล เลิกขึ้นสูง “ค่ะงานเลี้ยงของหิรัญกุล” เธอเอี้ยวหน้ามามองเขา ใบหน้าสวยผุดผาดรูปไข่ถูกแต่งแต้มอย่างปราณีต ดวงตาคู่สวยสุกสกาวจ้องมองเขานิ่ง นั่นทำให้จักรวาลยิ่งประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม ทำไมสายตาที่เคยโศกเศร้านั้นหายไปไหนกัน “ไหนบอกว่าไม่สบายแล้วไปงานเลี้ยงนี่นะ” ชายหนุ่มแค่นเสียงสูง “กลัวคนทั่วไปจะไม่รู้หรือไง? ว่าเธอกับมันแอบลับลอบเป็นชู้กัน” นานแล้วที่เขาต้องทนกับข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับเรื่องราวของภรรยา แม้ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่แต่ความไว้เนื้อเชื่อใจหลายอย่างก็จางหายไปทีละนิด จนตอนนี้แทบจะไม่เหลือสิ่งนั้นอยู่ในใจอีกเลย “เมื่อไหร่ เฮียจะเลิกปรักปรำปิ่นเสียที” ปาริชาติ ผ่อนลมหายใจออกมาทว่าน้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง ขณะยกมือมาปลดสร้อยมุกออกจากลำคอระหง เพื่อเก็บลงยังกล่องเครื่องประดับอย่างระมัดระวัง จักรวาล หลุบตาลงต่ำมองกริยานั้น ก่อนจะเอ่ยออกมาในสิ่งที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้แต่แรก “วันนี้ ฉันจะมาคุยเรื่องหย่า” “....” มือขาวที่จับกล่องเครื่องประดับค้างไว้เล็กน้อย ริมฝีปากสีพีชอิ่มวาวเม้มเข้าหากันแน่น เหมือนกำลังรวบรวมสติบางอย่าง ตอนนี้เธอจะต้องใจเย็นที่สุด อะไรหลายอย่างในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านนี้ ทำให้ความคิดของปาริชาติเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยคำพูดและพฤติกรรมของ ผิงผิง ลูกสาววัยสามขวบกว่า และถ้อยคำนี้จากปากผู้เป็นสามี ลูกสาวเธอได้บอกไว้แล้วว่าเขาจะต้องเอ่ยประโยคนี้กับเธอ “ฉันคิดว่าชีวิตคู่ของเราคงมาถึงทางตันแล้ว ยื้อต่อกันไปก็เท่านั้น เราจัดการหย่ากันให้จบๆไปดีกว่า และเรื่องลูกถ้าเธออยากจะดูแลฉันก็จะรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แต่อย่าเพิ่งบอกลูกก็พอ รอให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อย” น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ทว่าก็ไหวระริกเล็กน้อย เขากับ ปาริชาติ แต่งงานกันมาได้ห้าปีแล้ว ตามความต้องการของ ประเสริฐ โชติพิทักษ์ ผู้เป็นพ่อของเขาที่ต้องการจะทำตามเจตนารมย์ของตัวเองตามที่ได้รับปากกับเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาเองปฏิเสธพ่อไม่ได้ จำต้องแต่งตามนั้น แต่ตอนนี้เขาต้องการอิสระ ด้วยตั้งแต่แต่งงานมาจนมีลูกด้วยกัน เขาไม่สามารถรับรู้ความรักความปรารถนาดีจากภรรยาเลย เธอเฉยชาและจืดชืดแถมยังมีข่าวว่าที่เธอแต่งงานกับเขาก็เพียงเพื่อหวังเงินจากพ่อของเขาเท่านั้น และความจริงเธออยากแต่งกับคนตระกูลหิรัญกุลมากกว่าด้วยซ้ำ “.....” “เรื่องทรัพย์สินฉันจะแบ่งจัดสรรให้เธอกับลูกตามสมควร แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่าเธอมีสิทธิ์ไม่เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นทรัพย์สินก่อนสมรสทั้งนั้น ...ยังไงพรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่เขตเข้ามาจัดการให้เรียบร้อย” จักรวาลเอ่ยต่อ เมื่อเห็นเธอยังคงนิ่ง และอย่างไรเสียก็คงจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินเหมือนเคย ผู้หญิงหน้าเงินแบบนี้! ปาริชาติปิดกล่องเครื่องประดับลงอย่างใจเย็นแล้วช้อนหน้าขึ้นมองชายผู้เป็นสามี “ปิ่นไม่หย่าค่ะ” “หือ” จักรวาล ขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มจากปากจิ้มลิ้มของภรรยาหัวอ่อน ท่าทีแข็งกร้าวในตอนนี้ของเธอทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ “ปิ่นไม่หย่า” ปาริชาติย้ำอีกรอบ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นมองสามีอย่างท้าทาย มุมปากกระจับของเธอยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อสบตาคมเข้มของเขา “แต่ถ้าเฮียอยากจะหย่าจริงๆ ก็ต้องยกทรัพย์สินที่เป็นส่วนของเฮียให้กับปิ่นและลูกทั้งหมดรวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย แล้วเฮียก็จากไปแต่ตัวละกัน ...ถ้าได้แบบนั้นปิ่นจะยอมหย่าให้” “อะ ..อะไรนะ!” จักรวาลอ้าปากค้าง เหมือนจะติดอ่างขึ้นมาแทบจะทันที “นี่มันจะมากไปแล้วนะ เธอจะเอาทรัพย์สินทั้งหมดของฉันเลยเหรอ?” “ค่ะ” หญิงสาวขยับกายลุกขึ้น ขณะยกมือขึ้นปลดมวยผมที่เกล้าไว้ลงมา แล้วเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง “ถ้าเฮียตกลงตามเงื่อนไขนี้ ก็เรียกเจ้าหน้าที่เขตมาได้เลย” “ฉันไม่ตกลง ..จะให้ฉันหย่าเพื่อให้เธอเอาทรัพย์สมบัติของตระกูลไปถลุงกับชายชู้รึไง?” ใบหน้าหล่อเข้มบึ้งตึงขึ้น ร่างหนาปราดเข้ามาใกล้แล้วจับเอวคอดกระชากร่างบางให้หันกลับมา ทว่าเธอกลับหันมามองเขาตาเขียวเข้ม “อย่ารุนแรงกับปิ่นค่ะ ถ้าจบธุระของเฮียแล้วก็กลับไปได้เลย ปิ่นง่วงแล้ว” ตกลงนี่บ้านเขาหรือบ้านใคร? “ฉันก็ไม่ได้อยากแตะต้องเธอนักหรอก” เขายอมปล่อยมือออก ด้วยนานมากแล้วที่เขาแทบไม่ได้สัมผัสกับร่างนุ่มนิ่มนี้ของภรรยา ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของเขาและเธอง่อนแง่นมาตลอด “งั้นกลับไปได้แล้วค่ะ ..เพราะยังไงเฮียก็ไม่นอนที่นี่อยู่แล้ว” น้ำเสียงของเธอกลับมาเย็นชาอีกครั้ง จักรวาลใช้ลิ้นกระทุ้งแก้มตัวเองเพื่อสะกดกั้นอารมณ์บางอย่าง เมื่อเหลือบมองเนินอกอิ่มที่เบียดชิดกันอยู่ตรงหน้า ตอนนี้เขาลืมไปชั่วขณะว่าก่อนหน้าเขาต้องการจะคุยกับเธอเรื่องอะไร? ทว่าก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิด ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสามขวบเดินเข้ามา ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานใสบอกเขา “ปะป๊าห้ามไปไหนนะคะ นอนกับม่ามี๊ที่ห้องนี้แหละค่ะ!” ************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD